Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ZTE ร่วมแสดงความยินดี AIS มีลูกค้าใช้ AIS Playbox ครบ 1 ล้านราย

  • AIS Playbox  นวัตกรรมแห่งความบันเทิง ในระบบปฏิบัติการ Android TV ศักยภาพด้านเทคโนโลยีที่เหนือระดับจาก ZTE และ AIS
  • AIS Playbox นำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถพิเศษ ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android TV ตอบสนองความบันเทิงได้ครบทั้ง AIS PLAY, Netflix และฟีเจอร์ต่าง มากมาย 

แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น หรือ ZTE ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารชั้นนำระดับโลก ในฐานะหนึ่งในผู้ส่งมอบอุปกรณ์ AIS PLAYBOX รายหลัก ได้จัดงานร่วมแสดงความยินดีในโอกาสที่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS มีลูกค้าใช้ กล่อง AIS Playbox  ที่ขับเคลื่อนด้วยระบบปฏิบัติการ Android TV จำนวน 1 ล้านราย   พร้อมมอบของที่ระลึก Playbox Android TV และเราเตอร์ สีทองให้เอไอเอส เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา 

นาย อู๋ ซิน รองประธาน แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น และรองผู้จัดการทั่วไป ZTE STB Product Line กล่าวว่าในการจัดงานฉลองความสำเร็จครั้งนี้ ระหว่าง AIS และ ZTE  ได้มีตัวแทนมาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกในรายละเอียดด้านความร่วมมือกัน จนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสกับ One Millionth AIS Playbox Commemorative ซึ่งเป็นรางวัลที่สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จ จากความมุ่งมั่นของ ZTE และ AIS  ที่ร่วมกันทำงานในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยี

AIS Playbox  นวัตกรรมแห่งความบันเทิง ในระบบปฏิบัติการ Android TV  ที่ส่วนหนึ่งใช้ศักยภาพด้านเทคโนโลยีที่เหนือระดับจาก ZTE และ AIS จนสามารถสร้างมาตรฐานความเป็นเลิศในตลาด ได้สำเร็จ โดย AIS Playbox มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย และความสามารถพิเศษมากมาย ในการขับเคลื่อนความบันเทิงรูปแบบต่าง ๆ เช่น AIS PLAY, Netflix และ ฟีเจอร์ต่าง ๆ บนระบบปฏิบัติการ Android TV ทั้งนี้ ZTE ได้นำความเชี่ยวชาญด้านระบบปฏิบัติการ Android TV มาผสานกับแนวคิดเชิงนวัตกรรมของ AIS ในด้าน Set Top Box เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีในปัจจุบัน

สำหรับ ZTE จะยึดมั่นการทำงาน คือความมุ่งมั่น และทุ่มเทในการให้บริการลูกค้าและจะให้ความร่วมมือกับ AIS ในฐานะพันธมิตรธุรกิจ เพื่อค้นหานวัตกรรม และผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ มั่นใจว่าการร่วมมือกันกับ AIS จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาด และขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ZTE โชว์ Cutting-edge data Center และ Server Solutions สุดล้ำ ในงาน W.Media Thailand Cloud & Datacenter Convention

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – ZTE Corporation ผู้ให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารชั้นนำระดับโลก ในฐานะผู้สนับสนุนการจัดงาน W.Media Thailand Cloud & Datacenter Convention  พร้อมร่วมจัดนิทรรศการเชิงกลยุทธ์ เพื่อแสดงเทคโนโลยีและโซลูชัน ด้าน Data Center ศักยภาพสูง สู่ตลาดในประเทศไทย

W.Media Thailand Cloud & Datacenter Convention งานแสดงเทคโนโลยี Data Center ที่ได้รับการยอมรับและมีชื่อเสียง เปิดโอกาสให้ ZTE  ได้เป็นผู้ให้การสนับสนุนและนำเสนอ Cutting-edge Data Center Solutions, Innovative Models และ High-Performance Servers โดยตอกย้ำความมุ่งมั่นในการให้บริการและขยายธุรกิจ Data Center และ Server Solutions ที่มีประสิทธิภาพสูงในประเทศไทย
ZTE ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรม Data Center มีความมุ่งมั่นต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมและจัดหาโซลูชันที่มีศักยภาพสูง เพื่อให้บริการที่ตอบสนองความต้องการของธุรกิจ โดยพัฒนาเทคโนโลยี Data Center ผ่านประสบการณ์แห่งความสำเร็จมากมาย อาทิ พ.ศ 2557 ให้บริการศูนย์ Modular Data Center ใหญ่ที่สุดในเอเชีย, พ.ศ. 2558 ให้บริการ end-to-end data center solutions ยิ่งไปกว่านั้น  ZTE ยังคงมุ่งมั่นต่อการยกระดับมาตรฐานการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดย พ.ศ.2560 ZTE กลายเป็นบริษัทแรกที่ให้บริการ Fully-Modular Data Center และ พ.ศ. 2563 ZTE  คือบริษัทแรกที่นำ แอปพลิเคชัน Data Center ให้บริการ Fully-Modular Data Center ระหว่างประเทศในรูปแบบ edge-DCs.

ในแถบเอเชีย หลายประเทศ มีรายได้เติบโตจาก Data Ceter อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ 5G, cloud computing, big data, AI, and VR/AR, โดยผลักดันให้เกิดความต้องการใช้ server ที่มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น ZTE จึงได้นำเสนอบริการ server และ Data Center อย่างครบวงจร รวมไปถึง General-Purpose Server, Heterogeneous Servers, Liquid Cooling Servers, All-flash Storage, Mixed-flash Storage และ Distributed Disk Array เพื่อรองรับการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะ

ตั้งแต่ พ.ศ. 2548  ZTE ได้ดำเนินการติดตั้ง Server ในระดับภูมิภาค จำนวนมากกว่า 50 ประเทศ ครอบคลุม ด้านการสื่อสาร, อินเทอร์เน็ต, การเงิน, พลังงาน, กิจการภาครัฐ, การขนส่ง และอุตสาหกรรมอื่น ๆ สำหรับ ในปีนี้  ZTE เปิดตัว Server ใหม่  จำนวน 5 รุ่นด้วยกัน  ได้แก่ R5200 G5 high-density server, R5300 G5 full-scenario universal server, R5500 G5 mass storage server, R6500 G5 heterogeneous computing power server, and R8500 G5 high-performance server ทั้งนี้ ได้นำมาจัดแสดงในนิทรรศการ ในงาน W.Media Thailand Cloud & Datacenter Convention

ศูนย์ข้อมูลแบบ Modular  และ Prefabricated Data Centers : อนาคตอันทรงประสิทธิภาพ
โซลูชันศูนย์ข้อมูลของ ZTE ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรม โดยมี Modular เป็นแกนหลักการปรับความต้องการใช้พื้นที่และพลังงานให้เหมาะสม อีกทั้ง พัฒนาการใช้งานด้วยส่วนประกอบที่ผสานรวมกันได้อย่างลงตัว ศูนย์ข้อมูลแบบ Modular ของ ZTE สามารถช่วยลดเวลาและต้นทุนในการติดตั้งได้อย่างมาก นับเป็นทางเลือกของธุรกิจที่ต้องการตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ในการประมวลผลข้อมูลอย่างไร้ข้อจำกัด

ศูนย์ข้อมูลสีเขียวและประหยัดพลังงาน: อนาคตที่ยั่งยืน
ความยั่งยืน นับเป็นหัวใจสำคัญของโซลูชัน ดังนั้น Data Center ของ ZTE จึงใช้เทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ด้วยการนำระบบทำความเย็นที่ประหยัดพลังงาน การบูรณาการพลังงานหมุนเวียน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จึงกลายเป็นทางเลือกสำหรับธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกัน ยังช่วยประหยัดในการดำเนินงานอย่างอย่างมากอีกด้วย

การปรับใช้อย่างรวดเร็ว: ตอบสนองความต้องการความเร็ว
ปัจจุบัน ธุรกิจมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ความเร็ว คือสิ่งสำคัญ ดังนั้น Data Center ของ ZTE จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่รวดเร็ว ทำให้เกิดความมั่นใจ และพร้อมกับการทำงานในเวลาที่สั้น คุณสมบัติในการประมวลผลได้เร็ว ตอบโจทย์และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อธุรกิจที่มีความต้องการประมวลผลข้อมูลเร่งด่วน รวมไปถึง ผู้ที่ต้องการขยายขีดความสามารถของ Data Center ในทันที

การดำเนินงานและการบำรุงรักษาอัจฉริยะ: แนวทางที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น
Data center solutions ของ ZTE มาพร้อมระบบการทำงานและบำรุงรักษาอัจฉริยะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ โดยระบบปฏิบัติการ ZTE’s iDCIM Data Center Intelligent ได้การรับรองความปลอดภัยเครือข่ายอุตสาหกรรม IEC 62443 ในระดับสากล จากองค์กรที่เชื่อถือได้ ทั้งนี้ ระบบสามารถติดตามและจัดการจากระยะไกล การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ และการตรวจจับข้อผิดพลาด ทำให้มั่นใจได้ว่า การทำงานจะไม่หยุดชะงักและช่วยลดเวลาพักการทำงานให้เหลือน้อยที่สุด ด้วย ZTE’s intelligent solutions จะอำนวยให้ธุรกิจต่าง ๆ สามารถเผชิญหน้ากับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น อีกทั้งยังรักษาประสิทธิภาพของศูนย์ข้อมูลให้อยู่ในระดับสูงสุดอีกด้วย

ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ: การปกป้องข้อมูลของคุณ
ความปลอดภัยของข้อมูล คือสิ่งสำคัญสูงสุดยุคดิจิทัล โดย ZTE’s Data Center Solutions สร้างด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญของคุณ ลดความซ้ำซ้อนในระบบไฟฟ้าและระบบทำความเย็น ความปลอดภัยทางกายภาพ และเทคโนโลยีดับเพลิงขั้นสูง ได้รับการบูรณาการ เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้งาน Data Center ได้อย่างต่อเนื่อง

ประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการประมวลผลอันทรงพลัง
เซิร์ฟเวอร์ซีรีส์ G5 ใหม่ของ ZTE มีโปรเซสเซอร์ Intel® Xeon® รุ่นที่สี่ที่ปรับขนาดได้ล่าสุด พร้อมกลไกเร่งความเร็วในตัวที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยรองรับคอร์สูงสุด 120 คอร์ในสองซ็อกเก็ต เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้มอบพลังการประมวลผลที่ทรงพลังและแบนด์วิธหน่วยความจำสูงด้วยการออกแบบที่มีสล็อตหน่วยความจำ DDR5 32x ด้วยอัตราความเร็วสูงสุด 4,800MT/s ประสิทธิภาพแบนด์วิธเพิ่มขึ้น 50% และรองรับหน่วยความจำถาวร Intel® Optane™ ซีรีส์ 300 (Crow Pass) นอกจากนี้ PCIe 5.0 ใหม่ยังปรับปรุงแบนด์วิธได้ถึง 150% และมอบความสามารถในการเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์อันทรงพลัง

มีเสถียรภาพและเชื่อถือได้สำหรับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานสูง
เซิร์ฟเวอร์ซีรีส์ G5 ล่าสุดได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อรวมการปรับปรุงการออกแบบการกระจายความร้อน โมดูลพลังงาน และโครงร่างของเมนบอร์ด โมดูลจ่ายไฟรองรับการสำรองข้อมูล 1+1 และพัดลมรองรับการสำรองข้อมูล N+1 ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของระบบได้อย่างมาก ฮาร์ดดิสก์และแหล่งจ่ายไฟของส่วนประกอบหลักรองรับการสับเปลี่ยนทันที นอกจากนี้ เซิร์ฟเวอร์ ยังติดตั้งฮีตไปป์ทองแดงประสิทธิภาพสูงที่ลดความต้านทานความร้อนลง 15% และอุณหภูมิของ CPU ลง 5°C ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดการกระจายความร้อนของ CPU ด้วยกำลังสูงสุด 350W ของซีรีส์ EagleStream

เทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลว สำหรับโซลูชั่นระบายความร้อนด้วยของเหลวของศูนย์ข้อมูล
เซิร์ฟเวอร์ซีรีส์ G5 ใหม่ยังรองรับเทคโนโลยีระบายความร้อนด้วยของเหลวอีกด้วย เทคโนโลยีนี้ซึ่งอาศัยแผ่นทำความเย็นสามารถให้ PUE ที่ดีกว่าได้ นอกจากนี้ สามารถเชื่อมต่อแผ่นทำความเย็นและท่อ สามารถตรวจสอบท่อทั้งระบบได้อย่างชาญฉลาด อีกทั้ง ยังแจ้งเตือน ในกรณีที่เกิดมีของเหลวรั่วไหล ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เซิร์ฟเวอร์ซีรีส์ G5 ของ ZTE นำเสนอโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและคาร์บอนต่ำ ในขณะเดียวกันก็รับประกันความมั่นใจในการใช้สินค้าอย่างเต็มที่
ในการที่ ZTE เป็นผู้สนับสนุน การจัดงาน  W.Media Thailand Cloud & Datacenter Convention ในประเทศไทย เป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะให้บริการในประเทศไทย โดย ให้บริการ Data Center และ Server Solutions มีความโดดเด่นและให้ความมั่นใจในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ประสิทธิภาพ ความยั่งยืน ระบบอัจฉริยะ และความปลอดภัย  สามารถตอบสนองความต้องการของภาคธุรกิจในประเทศไทย ในการนำเสนอนวัตกรรมของ ZTE พิสูจน์ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นต่อการให้บริการ เพื่อนำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยี ที่ล้ำสมัยในประเทศไทย
เกี่ยวกับ ZTE

ZTE  เชื่อมโยงโลกด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับอนาคตที่ดีกว่า ด้วยบริการด้านเทคโนโลยี โดยนำ เสนอนวัตกรรมและโซลูชันอย่างครบวงจร ครอบคลุมไปถึง อุปกรณ์ไร้สาย อุปกรณ์มีสาย และบริการด้านโทรคมนาคมทั้งหมด ทั้งนี้ ZTE คือผู้ให้บริการแก่ ผู้คนทั่วโลกจำนวนมากถึงหนึ่งในสี่ โดยทุ่มเทที่จะเสริมสร้างระบบนิเวศดิจิทัลอัจฉริยะและสร้างการเชื่อมต่อให้เกิดขึ้นได้ทุกพื้นที่ ZTE เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงและเซินเจิ้น ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.zte.com.cn/global


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ZTE จัดงาน 5G Summit & User Congress 2023 เผยอนาคตดิจิทัลภายใต้ธีม “Embrace the Digital Nexus”

กรุงเทพฯ ประเทศไทย วันที่ 14 พฤศจิกายน 2566 – ZTE Corporation (0763.HK / 000063.SZ) ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารชั้นนำระดับโลก จัดการประชุมสุดยอด The ZTE 5G Summit & User Congress 2023 ภายใต้ธีม “Embrace the Digital Nexus” เป็นการรวมตัวผู้ประกอบธุรกิจ อาทิ หน่วยงานกำกับดูแลด้านโทรคมนาคม พันธมิตรธุรกิจ ผู้ให้บริการ และนักวิเคราะห์จาก GSMA, IMT-2020(5G) PG, IMT-2030(6G) ) PG, CCSA, TMF, ABI, CCS Insight จากทั่วโลก เพื่อมาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกอันมีค่า และเรียนรู้กรณีศึกษาในเชิงปฏิบัติ พร้อมสำรวจภาพรวมและทิศทางการเติบโตของเทคโนโลยี 5G ในอนาคต

นาย เสี่ยว หมิง (Mr. Xiao Ming) ประธานฝ่ายต่างประเทศของ ZTE เปิดเผยว่า “ในการจัดงานการประชุม ZTE 5G Summit & User Congress 2023 สะท้อนให้เห็นว่า โลกที่เชื่อมโยงถึงด้วยเทคโนโลยี 5G-A ระหว่างอวกาศและโลกเชื่อมเป็นเครือข่ายที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย อาทิ XR และ Metaverse กำลังสร้างความเป็นจริงที่ไม่เคยมีใครจินตนาการมาก่อน อีกทั้ง ช่วยยกระดับให้กับทุกอุตสาหกรรม โดยขับเคลื่อนวิถีชีวิตของมนุษย์ให้ก้าวสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้ ได้กลายวิวัฒนาการที่ไม่มีที่สิ้นสุดและจะนำไปสู่ศตวรรษแห่งความรุ่งเรือง หรือ intelligent century”

ZTE ได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ 5G จำนวนกว่า 110 ราย ในอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการทำงานร่วมกัน เพื่อที่จะก้าวไปสู่ดิจิทัลในอนาคต ซึ่งประกอบไปด้วยฟังก์ชันต่างๆ เป็นแบบ Modular ที่สามารถเข้าถึงและปรับแต่งได้ง่าย เน้นเพิ่มปริมาณความจุ ประสิทธิภาพ ฟิวชั่น และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม”

นาย จอห์น ฮอฟฟ์แมน (Mr.John Hoffman) ประธานกรรมการบริหารของ GSMA (Global System for Mobile Communications) กล่าวว่า “เครือข่าย 5G, 5G ในขั้นสูง และเทคโนโลยีต่าง ๆ จะช่วยปฏิวัติโลก โดยผ่านความร่วมมือในการทำงานของทุกๆองค์กร เพื่อที่จะสร้างอนาคตที่ยั่งยืน อันจะนำมาซึ้งผลประโยชน์ให้กับทุก ๆ คนได้อย่างเต็มที่ สำหรับการประชุมสุดยอด ZTE 5G Summit & User Congress 2023 นับว่า เปิดโอกาสที่ดี ในการแบ่งปันความรู้และแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับอนาคต ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้แลกเปลี่ยนสิ่งดีๆ เช่นนี้กันอีกที่งาน MWC Barcelona 2024!”

นาย รูดอล์ฟ ชเรฟล์ (Mr.Rudolf Schrefl) ประธานกรรมการบริหารของ Hutchison Drei Austria กล่าวว่า “การที่เปิดรับเทคโนโลยี 5G นับเป็นการปฏิวัติและส่งมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้า ด้วยการเชื่อมโยงผู้คนและ devices  เข้าด้วยกันด้วย ผ่านความเร็วและความน่าเชื่อถืออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมกับเปลี่ยนทุกปฏิสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง โดยเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราอย่างราบรื่น อีกทั้ง อำนวยความสะดวกให้การทำงานกับโลกรอบตัวเราได้เป็นอย่างดี”

จากการที่เทคโนโลยีดิจิทัล คือ พลังหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในระดับโลก ZTE จึงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้มีบทบาทในขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ICT ที่เป็นนวัตกรรมทั่วโลก

ด้วยผลงานที่ครอบคลุมการทำงานด้าน wireless & wireline solutions และการบริการอุปกรณ์ โทรคมนาคมในระดับมืออาชีพอย่างครบวงจร แซดทีอี พร้อมที่จะตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น หน่วยงานภาครัฐ และลูกค้าเครือข่ายองค์กร ที่เป็นผู้ให้บริการทั่วโลก ซึ่งมีความต้องการใช้นวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงและมีความรวดเร็ว
 
ในระหว่างงาน ZTE ยังได้จัดแสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่เป็นโซลูชันใหม่ และการใช้งาน ณ Thailand’s innovation center โดยนำเสนอให้เห็นถึงธรรมชาติของทุกสิ่งที่เชื่อมโยงกัน สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์ดิจิทัลอย่างชัดเจน

ในส่วนของพื้นที่ “Wireless Everything” นั้น ZTE ได้สาธิตการใช้งานในการปรับปรุงเครือข่าย 4G ที่มีอยู่ให้ทันสมัย เพื่อความสำเร็จของ 5G ในอนาคต โดยในงานแสดงสินค้า ยังได้เพิ่มประสบการณ์ 5G และการให้บริการอย่างครอบคลุมทุกด้าน ที่สำคัญคือ เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่าย ด้วยเครื่องมือพื้นฐานและโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน่สีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ZTE ในฐานะผู้นำด้านเครือข่ายออปติก (optical network) ได้เปิดการใช้งานเครือข่าย ทั้งหมด ผ่านชุดผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร อันเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ ZTE ในการพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายออปติก (optical network) ที่ล้ำหน้า ในการให้บริการพื้นที่จัดเก็บข้อมูล ZTE ยังให้บริการ เซิร์ฟเวอร์ และ โซลูชัน ในการจัดเก็บข้อมูลอย่างเต็มรูปแบบ โดยเหมาะต่อความต้องการที่มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ZTE Mobile Devices ภายใต้วิสัยทัศน์ “Better for All” ได้นำอุปกรณ์นวัตกรรมอัจฉริยะจำนวนมากมาร่วมงาน อาทิ nubia Pad 3D ซึ่งเป็นแท็บเล็ต 3D ขับเคลื่อนด้วย AI และไม่ต้องใช้แว่นตาเครื่องแรกของโลก nubia Neo 5G สมาร์ทโฟนที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ชอบเล่นเกมส์ 5G เหมาะกับผู้เริ่มต้นใช้งานทั่วโลก และ Blade V50 Design ดีไซน์เรียบหรู สำหรับผลิตภัณฑ์ ZTE FWA & MBB ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่งของโลก โดยมีการนำเสนอ MC888 และผลิตภัณฑ์ 5G FWA & MBB อื่นๆ ในงานอีกด้วย  ยิ่งไปกว่านั้น แซดทีอี ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคทั่วโลก ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่แข่งขันได้ทั้ง คุณภาพ ราคา และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้กับลูกค้า อีกทั้ง มุ่งมั่นที่จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าให้กับทุกคน อย่างเหนือความคาดหมาย

ZTE ได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการและพันธมิตร โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างเครือข่ายอัจฉริยะ เพื่อความสำเร็จร่วมกัน และจะมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว

ในการประชุมสุดยอด ZTE 5G Summit & User Congress 2023 นับเป็นพื้นที่รูปแบบใหม่ สำหรับพันธมิตรทั่วโลกเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและร่วมกันผลักดันการสื่อสารยุคดิจิทัลในอนาคต ทั้งนี้ การประชุมสุดยอด ZTE 5G Summit & User Congress 2023 จัดขึ้นภายใต้ธีม “Embrace the Digital Nexus” เมื่อวันที่ 14 และ 15 พฤศจิกายน ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของ ZTE Global User Congress สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม https://www.zte.com.cn/global/about/exhibition/5g_summit_2023.html


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

AIS – ZTE และ MediaTek ร่วมมือกันทดสอบเทคโนโลยีใหม่ 5G RedCap บนคลื่นความถี่ 2.6GHz

AIS – ZTE Corporation (ZTE) และ MediaTek ประสบความสำเร็จในการทดสอบนวัตกรรม 5G RedCap บนคลื่นความถี่ 2.6 GHz ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการนำนวัตกรรมดิจิทัลเข้ายกระดับขีดความสามารถของโครงข่าย 5G โดยเฉพาะ 5G RedCap ที่จะเข้ามาพลิกโฉมวงการและทำให้การพัฒนา Internet of Things (IoT) มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันความร่วมมือนี้จะส่งเสริมการพัฒนา Ecosystem ของเทคโนโลยี RedCap และเป็นจุดเริ่มต้นในการนำ RedCap ขยายผลสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์ทั่วโลก

RedCap ย่อมาจาก Reduced Capability บางครั้งเรียกว่า NR Light เป็นเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในมาตรฐาน 3GPP R17 ซึ่งได้รับข้อดีของต้นทุนต่ำและใช้พลังงานต่ำโดยการลดความซับซ้อนของเทอร์มินัลและสืบทอดความสามารถเฉพาะของ 5G เช่น larger bandwidth, network slicing, low latencyและความสามารถอื่นๆ ซึ่งให้โซลูชั่น IoT ที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

โดยความสำเร็จของการทดสอบ 5G RedCap ในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือและการทำงานร่วมกันของ AIS ในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคมและผู้ให้บริการดิจิทัล ZTE Corporation ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นการสื่อสารชั้นนํา และ MediaTek ในฐานะผู้ผลิตและผู้พัฒนาชิปเซ็ตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก ที่ศูนย์นวัตกรรม A-Z Center ดำเนินการภายใต้คลื่นความถี่ 2.6GHz (Time Division Duplex) ได้ผลการทดสอบที่เป็นไปตามมาตรฐานโลก ด้วยค่าความเร็ว download  ของระบบ TDD สามารถทำความเร็วได้ถึง 163 Mbps โดยใช้แบรนด์วิธ 20MHz และที่สำคัญ 5G RedCap มีความหน่วงต่ำอยู่ที่ประมาณ 10 มิลลิวินาที (ms)

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการทดลองทดสอบนวัตกรรมและโชว์ความสำเร็จของเทคโนโลยี 5G RedCap เท่านั้น แต่เป็นการยืนยันถึงภารกิจในการยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยให้มีมาตรฐานระดับโลก เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้า คนไทย และภาคส่วนต่างๆ ให้สามารถเชื่อมต่อและสัมผัสประสบการณ์การใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมนำนวัตกรรมไปต่อยอดสร้างประโยชน์ให้ประเทศก้าวไปยืนอยู่ในเวทีโลกต่อไป


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ZTE จัดการประชุมออนไลน์ 5G Summit 2021 ปูทางสร้างสู่ระบบนิเวศดิจิทัล

ZTE Corporation ผู้ให้บริการด้านอุปกรณ์โทรคมนาคมระดับโลก สำหรับผู้บริโภค องค์กรธุรกิจ และภาครัฐ จัดประชุม 5G Summit 2021 ผ่าน live streaming เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ ZTE โดยมีกลุ่ม พันธมิตรธุรกิจในอุตสาหกรรม อาทิ เช่น GSMA, Omdia, CCS Insight, China Mobile, Hutchison Drei Austria และ China Telecom ร่วมแชร์ประสบการณ์และความสำเร็จ ภายใต้หัวข้อ “Digital Road to Ecosystem” มุ่งปูทางสร้างบบนิเวศ 5G ในอนาคต

นายสี่ จื้อหยาง ประธานกรรมการบริหาร ZTE Corporation กล่าวว่า ” ZTE ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มายาวนานกว่า 36 ปี โดยสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีแบบ end-to-end อย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอโซลูชั่นในด้านต่าง ๆ อาทิ Radio Access, wired access, core networks, all-optical bearer networks, IP Data Networks, Computing Infrastructure, Energy, Cloud service Components, Digital Applications และ Terminals ซึ่งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการได้วางรากฐาน สู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในสังคมและอุตสาหกรรม  ทั้งนี้ เชื่อว่า เทคโนโลยีดิจิทัล จะส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมใหม่ให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

นายจอห์น ฮอฟฟ์แมน ประธานกรรมการบริหาร GSMA กล่าวว่า “เทคโนโลยี 5G กับการทำงานร่วมกับ AI, IoT และ Big Data ได้นำยุคของการเชื่อมต่ออัจฉริยะมาสู่สังคม โดยส่งผลให้เกิดการแปลงด้านดิจิทัลในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เชื่อว่าในทศวรรษหน้า จะเกิดเทคโนโลยีมือถือใหม่ๆ ซึ่งเป็น Technology Unicorns จากคลื่น 5G ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน

นายฌอน คอลลินส์ ประธานกรรมการบริหาร CCS Insight กล่าวว่า “เทคโนโลยี 5G  คือเทคโนโลยีพื้นฐาน ที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมประสบความสำเร็จ โดยเชื่อว่า 5G จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของ กลุ่มผู้ให้บริการ,ไฮเปอร์สเกลเลอร์, ผู้ให้บริการอุปกรณ์, ผู้วางระบบ ตลอดจนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งจะกลายเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ เมื่อ 5G ได้รับพัฒนาให้เติบโตมากยิ่งขึ้น  การร่วมมือกับพันธมิตรและผู้นำในอุตสาหกรรม จะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G ในเชิงการค้าและพาณิชย์อย่างเต็มที่

ในการประชุม 5G Summit 2021 ผ่าน live streaming  นั้น ZTE ยังได้แสดงศักยภาพของเทคโนโลยี 5G ผ่านการเยี่ยมชมจากระยะไกลร่วมกับพันธมิตรและผู้ให้บริการ โดย Hutchison Drei Austria, ZTE ได้เปิดตัวเครือข่าย 1st Pilot 5G SA เพื่อรองรับความสามารถ 5G-SA อย่างเต็มรูปแบบ และยังได้ไปเยือน L’Aquila ในประเทศอิตาลี  ทั้งนี้ ZTE ได้ทำงานร่วมกับสถาบันการศึกษา สร้างโซลูชันการตรวจสอบสุขภาพของโครงสร้างอาคาร เพื่อความปลอดภัยของชาว L’Aquila  รวมถึง ระบบเฝ้าสังเกตคลื่นกระแทกจากแผ่นดินไหว นอกจากนี้ ZTE ยังจัดแสดงการใช้เทคโนโลยี 5G ขั้นสูงในแอปพลิเคชันทางการแพทย์ อีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เชี่ยวชาญของ ZTE ยังแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัย อาทิ Radio Composer โดยเน้นย้ำถึงวิธีการปฏิวัติการจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากรวิทยุ ด้วยการเปลี่ยนจากระบบเดิม สู่ระบบที่มีความเหมาะสมที่สุด โดยใช้ประโยชน์จากการเรียนรู้จากเครื่องสำรวจพฤติกรรมของผู้ใช้ รวมไปถึงการรับส่งข้อมูลในเครือข่าย เพื่อเลือกผสมผสานทรัพยากรสเปกตรัมที่มีอยู่อย่างเหมาะสม ระหว่างเทคโนโลยี 5G อัจฉริยะ BBU กับ AI ที่ทำให้ BBU มีขนาดย่อม ด้วยความจุและความสามารถในการประมวลผลแบบบูรณาการสูงสุด นอกจากนี้ ยังแสดงให้เห็นคือ Slicestore และ 5G SA แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ 5G เชิงพาณิชย์ทำให้รูปแบบธุรกิจ 5G ใหม่ของ 2B & 2C

อย่างไรก็ตาม ZTE  มุ่งมั่นและมีแรงบันดาลใจที่จะเชื่อมโยง “บุคคล ครอบครัว องค์กร และสังคม” โดยพยายามนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง และ พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าบนวิสัยทัศน์และพันธกิจหลัก  คือ ” เพื่อให้ บุคคล ครอบครัว องค์กร และสังคม สามารถเชื่อมต่อโลกด้วยนวัตกรรม เพื่ออนาคตที่ดีกว่า และสามารถเชื่อมต่อกันได้ทุกที่..ทุกเวลา  ด้วยความไว้วางใจสูดสุด ทั้งนี้ การประชุม 5G Summit 2021 ได้รวบรวมประสบการณ์ขององค์กรธุรกิจระดับชั้นนำของโลก ได้เข้ามาร่วมประชุม และนำเสนอตัวอย่างการใช้งานที่ประสบความสำเร็จในเชิงกลยุทธ์ ที่กลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นระบบนิเวศ 5G ที่สมบูรณ์แบบในปัจจุบัน


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ZTE เผยประสบการณ์ และแพลตฟอร์ม 5G+ สำหรับนิคมอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาสู่ “โรงงานอัจฉริยะ”

ZTE Corporation ผู้ให้บริการโซลูชั่นระดับโลกในด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคม และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่สำหรับลูกค้าองค์กรและผู้บริโภค จับมือ AIS ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และเทคโนโลยีดิจิทัลรายใหญ่ของไทย ในโอกาสทำงานร่วมงานกันมานานกว่า 15 ปี โดยจัดเสวนาแบ่งปันประสบการณ์ เทคโนโลยี 5G และ แพลตฟอร์มบริการจัดการโรงงานอัจฉริยะ เพื่อการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน

นายจาง เจียนเผิง รองประธานอาวุโส ฝ่ายการตลาดระดับโลก บริษัท แซดทีอี คอร์ปอเรชัน กล่าวว่า “จากรายงานของสมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) ระบุว่า ภายในปี 2025 เทคโนโลยี 5G จะมีส่วนสัดสูงถึง 14% ของตลาดการสื่อสารเชื่อมต่อทั้งหมด ในขณะเดียวกัน ข้อมูลยังบ่งชี้ว่าส่วนแบ่งการเชื่อมต่อในประเทศไทย จะเพิ่มขึ้นจนสูงได้ถึง 23% โดยสูงกว่าส่วนแบ่งเฉลี่ยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของประเทศระยะ 20 ปีของรัฐบาลไทย ทั้งนี้ ZTE มองว่าการปรับปรุงเครือข่าย 5G และส่งเสริมอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง จะบรรลุเป้าหมายในการเติบโตตามแผนได้อย่างแน่นอน

สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยี 5 G ในประเทศจีน จะเห็นว่าอุตสาหกรรมการผลิต กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลอย่างรวดเร็ว โดยในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ZTE ได้ดำเนินการพัฒนาแนะนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ใน 15 อุตสาหกรรมในประเทศจีน อาทิ อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, อุตสาหกรรมโลหการทำเหมือง, อุตสาหกรรมโครงข่ายระบบไฟฟ้า, อุตสาหกรรมการขนส่ง, อุตสาหกรรมการท่าเรือ รวมไปถึงอุตสาหกรรมสื่อยุคใหม่ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ทั้งนี้ การพัฒนาเทคโนโลยี 5 G เพื่อให้ตอบสนองการทำงานของอุตสาหกรรม พบว่า อุตสาหกรรมต่าง ๆ มักประสบกับปัญหาในการดำเนินการ คือ ดีมานด์ ในการใช้งานเทคโนโลยี 5G ของแต่ละอุตสาหกรรม มีความต้องการที่แตกต่างกันอย่างมาก ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ในช่วงต้นต่ำ และพบว่า บางกรณี มีต้นทุนที่สูง แต่ให้ผลลัพธ์ในด้านผลผลิตที่ไม่ชัดเจน การประสานความร่วมมือระหว่างแต่ละอุตสาหกรรมมีความยากลำบาก โดยการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล (digital transformation) ขององค์กรต้นน้ำและปลายน้ำ มีระดับการพัฒนาที่แตกต่างกัน

จากปัญหาที่พบเหล่านี้ ZTE ให้ความตระหนักและได้คิดค้นวิธีการที่จะส่งเสริมการเปลี่ยนมาใช้ระบบดิจิทัลในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยการรวมโครงสร้างพื้นฐานของ 5G เข้าด้วยกัน และจัดหาโมดูลส่วนประกอบที่เหมาะสมมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมุ่งเน้นไปที่สภาพการณ์ของแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อที่จะพัฒนาให้เกิดการทำงานได้อย่างมีคุณภาพสูงสุด โดยมีตัวอย่างการประยุกต์ใช้ 5G ในโรงงานที่พบได้บ่อย คือการใช้ Multi-Access Edge Computing (MEC) ร่วมกับวิสัยทัศน์ของเครื่องจักร หรือแมชชีนวิชั่น (machine vision) ในการตรวจสอบคุณภาพการผลิตและสถานะการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ทดแทนการปฏิบัติงานด้วยมนุษย์ ซึ่งต้องจ่ายค่าแรงและมีความผิดพลาดสูงกว่า การใช้งานแมชชีนวิชั่นทำให้อัตราปล่อยผ่านของเสีย (defect leakage) ลดลง 80% เมื่อเทียบกับการตรวจสอบโดยมนุษย์ ความแม่นยำของระบบแยกแยะและติดฉลากอัตโนมัติเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 97% ซึ่งทำให้สามารถประหยัดค่าจ้างบุคลากร QC ได้ 50% และเพิ่มอัตราการได้ผลผลิต (production yield rate) ในขณะที่การใช้งานวิสัยทัศน์เครื่องจักรที่โรงงานของกลุ่ม Xinfengming ทำให้อัตราของเสีย (defect rate) ลดลง 60%

การใช้ระบบรถเคลื่อนย้ายอัตโนมัติ (AGV) สำหรับงานอุตสาหกรรมของ ZTE ร่วมกับ 5G ทำให้อุปสรรคเดิม ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ wifi หมดไป โดยรถ AGV ชนิดนี้สามารถนำไปใช้งานในสภาพแวดล้อมอุตสาหกรรมที่ต่างกันไป เช่นในสภาพแสงซับซ้อน และทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการนำ AGV ออกใช้งานไปได้ 80% (deployment cost) เมื่อเทียบกับการใช้ระบบนำทางแบบดั้งเดิมเช่น QR code หรือแถบแม่เหล็ก และการบริหารกำหนดการ (scheduling) ของ AGV ผ่านแพลตฟอร์มแบบ cloud ช่วยให้ประสิทธิภาพด้านโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น 20% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายต่อ AGV หนึ่งคันลดลง 10%

การใช้ 5G พร้อมกับ HD video และ Augmented Reality (AR) ช่วยให้บุคลากรด่านหน้าสามารถปฏิบัติหน้าที่ โดยได้รับการสนับสนุนทันทีจากทีมต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้อยู่หน้าไซต์งาน และยังเป็นการเปิดประตูสู่ประสบการณ์ใหม่ๆ ในด้านการออกแบบ การผลิต การฝึกอบรม การซ่อมบำรุง และการตรวจสอบ โดยพบว่าการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีระยะไกล (remote technology) ทำให้ลดความต้องการทรัพยากรด้านผู้เชี่ยวชาญไปได้เกิน 30% ทั้งยังเป็นการลดความยากในการประสานการทำงานระหว่างสถานที่ต่าง ๆ และยังพบว่าการใช้หุ่นลาดตระเวนแบบ 5G (5G unmanned patrol robot) หนึ่งตัว สามารถทดแทนทรัพยากรมนุษย์ด้านการรักษาความปลอดภัยได้ 3-4 คน โดยหุ่นยนต์สามารถส่งภาพ 360 องศารอบทิศทาง ในระดับความชัด 4K และหลบหลีกสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ได้เอง

ZTE ได้มีการทดสอบใช้ PLC แบบ cloud (Cloud Programmable Logic Control) สำหรับระบบควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมโดยพบว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของ PLC และลดความหน่วงของการควบคุม (control latency) ได้ต่ำถึง 10 ms โดยระบบควบคุมโรงงานที่กล่าวนี้ได้ถูกใช้งานที่โรงงานอัจฉริยะของ ZTE เอง ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหนานจิง มลฑลเจียงซู การใช้งานนวัตกรรมอัจฉริยะต่าง ๆ ในโรงงาน Binjiang Smart Factory ทำให้ความต้องการแรงงานด้านการผลิตต่ำกว่าโรงงานอื่นๆ 25%

นอกจากนี้ โรงงาน Yunnan Shenhuo 5G Smart Factory ในมลฑลยูนนาน ซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่าง ZTE และบริษัทผู้ผลิตอะลูมิเนียมรายใหญ่ Yunnan Shenhuo มีการใช้งานระบบ 5G Campus Private Network และ MEC ในการควบคุมการดำเนินการด้านต่างๆ โดยมีการใช้แมชชีนวิชั่นทดแทนการใช้เซนเซอร์อุณหภูมิดั้งเดิม เพื่อการตรวจสภาพเหล็กที่อุณหภูมิ 1400 องศาเซลเซียส ซึ่งอุปกรณ์เซนเซอร์ที่ใช้อยู่เดิมสามารถทนอุณหภูมิที่สูงโต่งได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนจะหมดอายุใช้งาน และจำเป็นต้องใช้มนุษย์ช่วยแยกแยะสีบนพื้นผิวเพื่อบ่งชี้อุณหภูมิ ซึ่งความผิดพลาดในการแยกแยะสามารถเกิดขึ้นได้ในประการหลังนี้ และยังมีการใช้แมชชีนวิชั่นในการเฝ้าระวังสายพานการผลิตถึง 11 จุดด้วยกัน ZTE ได้ร่วมมือกับAIS ในการวางระบบโซลูชั่น NodeEngine ที่โรงงานยาวาต้า จังหวัดนครราชสีมา ในการใช้งาน offloading และการคำนวณแบบ edge computing ในโรงงาน ผลที่ได้พบว่า ระบบดังกล่าวนั้นเหมาะสมกับโรงงานยาวาต้าเป็นอย่างมาก โดยความหน่วงวัดได้เพียง 10 ms เท่านั้นซึ่งตอบรับโจทย์เรื่องข้อกำหนดในการประมวลผลข้อมูลในพื้นที่ได้อย่างดี


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ZTE Corporation ร่วมกับ องค์กรด้านเทคโนโลยีระดับชั้นนำ จัดเสวนาออนไลน์ “วิวัฒนาการเทคโนโลยี 5G SA Prime”

ZTE Corporation ผู้ให้บริการรายใหญ่ระดับสากล ด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมระดับองค์กร และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตบนมือถือ ร่วมกับองค์กรด้านเทคโนโลยีระดับชั้นนำ จัดเสวนาออนไลน์ “วิวัฒนาการเทคโนโลยี “5G SA Prime” โดยมี นายจาง ซิน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาและแชร์เครือข่าย 5G China Telecom, นายมาร์เกริต้า ฟุลวิโอ หัวหน้าวิทยุ Wind Tre, นายมาริโอ้ ไพเออร์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และเทคโนโลยีเครือข่าย Hutchison Drei Austria, นายปีเตอร์ จาริช หัวหน้าแผนก GSMA Intelligence, นายไป๋ กัง รองประธาน, นางถัง เสวี่ย รองผู้จัดการทั่วไป สายผลิตภัณฑ์ RAN และ นายเจสัน ตู่ นักวิทยาศาสตร์ ด้านโซลูชัน SDN/NFV ZTE Corporation ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ความสำเร็จและความก้าวหน้าในอุตสาหกรรม 5G SA ซึ่งถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวางในประเทศจีน ทั้งนี้ เครือข่าย SA แสดงให้เห็นว่า ช่วยยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้งาน พร้อมทั้ง ทำให้แวดวง ดิจิทัล เกิดความการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง

นายจาง ซิน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพัฒนาและแชร์เครือข่าย 5G China Telecom กล่าวว่า “เครือข่าย 5G คุณภาพสูง ที่มีปริมาณการรับส่งข้อมูล 5G เฉลี่ยที่ 1G bps ในเมืองใหญ่ จะไม่สามารถทำได้ดี หากปราศจากพัฒนานวัตกรรมทางเทคนิคอย่างต่อเนื่อง โดยเครือข่าย 5G ของ China Telecom และเครือข่าย 5G ของ China Unicom ได้นำ DSS แบบไดนามิก iCell เป็นโซลูชั่นประหยัดพลังงานชั้นเยี่ยม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบรรลุประสบการณ์ขั้นสูงสุดและเพิ่มขีดความสามารถให้กับอุตสาหกรรมได้อย่างชัดเจน กับความสำเร็จในการแบ่งปัน RAN ผ่านเทคโนโลยี 5G SA & NSA

นายมาริโอ้ ไพเออร์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และเทคโนโลยีเครือข่าย Hutchison Drei Austria กล่าวว่า “ได้พัฒนาเครือข่าย 5G ของ Hutchison Drei Austria และทดสอบการใช้งานในภาคสนามจนประสบความสำเร็จ และนำไปสู่การวิจัยในพื้นที่อุตสาหกรรม 4.0 โดยอ้างอิงจากเครือข่าย SA โซลูชั่น อุปกรณ์เครือข่ายไร้สาย ซึ่ง ZTE มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการใช้งานให้ประสบกับความสำเร็จ โดยเชื่อว่า ผู้ให้บริการส่วนใหญ่ คาดหวังว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ 5G และ SA จากการการใช้งานเชิงธุรกิจ ซึ่งเป็นสิ่งที่องค์กรธุรกิจต่าง ๆ มีความต้องการ

นายปีเตอร์ จาริช หัวหน้าแผนก GSMA Intelligence กล่าวว่า “ เทคโนโลยี SA มีความสำคัญในลำดับต้น ๆ โดยมีผ้าพัฒนาประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ กำลังพัฒนาและลงทุนอย่างจริงจัง โดยได้เริ่มปรับใช้เครือข่าย SA ในอุตสาหกรรมกันแล้ว แสดงให้เห็นว่า ขณะนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ยุค 5G เท่านั้น หากแต่กำลังก้าวเข้าสู่ยุค 5G SA กันแล้ว และด้วยความร่วมมือในการพัฒนากับผู้ให้บริการเครือข่ายระดับโลก 5G ZTE จึงได้นำเสนอแนวคิดและโซลูชั่นใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าของ SA ให้เพิ่มมากขึ้น

นายไป๋ กัง รองประธาน ZTE Corporation กล่าวว่า “ ในการขับเคลื่อน 5G SA ให้ก้าวไปข้างหน้า ภายใต้วิสัยทัศน์ “3E” ของ ZTE โดยขยายขีดความสามารถของเครือข่าย ในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร ช่วยให้วิวัฒนาการ 5G พัฒนาไปสู่อนาคตที่สดใสยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภค ผู้ประกอบการ และ อุตสาหกรรม ได้ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจอย่างสูงสุด

นางถัง เสวี่ย รองผู้จัดการทั่วไป สายผลิตภัณฑ์ RAN ZTE Corporation กล่าวเพิ่มเติมว่า ZTE Radio Composer โซลูชั่นเครือข่ายวิทยุอัจฉริยะตัวแรก เปรียบเสมือนระบบจราจรอัจฉริยะในเมือง ที่มีถนนหลายสาย อาทิ ช่องเดินรถประจำทาง ช่องจราจรที่รวดเร็ว และ ช่องรถบรรทุก เมื่อผู้ใช้งานมีช่องทางเพิ่มในการขับเคลื่อนยานพาหนะอย่างลื่นไหน ในขณะที่ เครือข่าย ZTE Radio Composer มีการปรับจำนวนช่องจราจรต่าง ๆ เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานแต่ละช่วงเวลาตามสภาพการจราจรโดยรวม ก็จะทำให้การใช้งานต่าง ๆ สะดวกรวดเร็ว อย่างไร้ขีดจำกัด

นายเจสัน ทู นักวิทยาศาสตร์ ด้านโซลูชัน SDN/NFV ZTE Corporation กล่าวว่า “All-in-One 5G Private Network” โซลูชั่น ของ ZTE มีรูปความหลากหลายในการทำงาน รวมไปถึง เครือข่ายระบบคลาวด์ แบบคู่มาตรฐาน, ตู้เครือข่ายคลาวด์ขนาดกะทัดรัด และ “เซิร์ฟเวอร์เดียว i5GC” ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ สำหรับผู้ให้บริการในการสำรวจตลาด ToB ผ่านเครือข่ายในรูปแบบบริการ (NaaS) โดยการก้าวไปข้างหน้าของ ZTE มุ่งมั่นที่จะร่วมมือกับผู้ให้บริการต่าง ๆ เพื่อนำโซลูชั่น 5G ที่เป็นนวัตกรรมไปปฏิบัติงานได้เป็นจริง ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะมุ่งมั่นพัฒนาและสรรหาเทคโนโลยี 5G ใหม่ๆ เพื่อสนองต่อความต้องการใช้งานทุกรูปแบบ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ZTE เปิดวิสัยทัศน์ในงาน Mobile World Congress 2021 พร้อมยกระดับ “ดิจิทัลไลเซชั่น” ผลักดันสู่ “อินเทลลิเจนท์”

ZTE Corporation เปิดวิสัยทัศน์ “Fuel the Digitalization, Endow with Intelligence” ยกระดับ “ดิจิทัลไลเซชั่น” สู่ยุค อินเทลลิเจนท์ ในงาน Mobile World Congress 2021″ พร้อมนำศักยภาพเทคโนโลยี 5G สร้างนิเวศน์เชิงธุรกิจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกับพันธมิตรทั่วโลก

นายสี่ จื้อหยาง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซดทีอี คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าว ในงาน Mobile World Congress 2021 ว่า “ ปัจจุบัน เทคโนโลยี 5G มีความพร้อมในเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดยมีพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ZTE มีนโยบายในการผลักดันเชิงปฏิบัติร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมและระบบนิเวศน์อย่างจริงจังมากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งนี้ ได้กำหนดทิศทางนวัตกรรม 5G ได้สามประการ พร้อมกัสร้างรากฐานการใช้งานทางดิจิทัลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ทิศทางในการพัฒนานวัตกรรม 5G สามประการ คือ เพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคคล ด้วยเทคโนโลยี 5G, เสริมศักยภาพการเชื่อมช่องว่างทางดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยี 5G และ เสริมศักยภาพอุตสาหกรรม เพื่อส่งเสริมการปฏิวัติอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยี 5G ในขณะเดียวกัน จะสร้างรากฐานการใช้งานทางดิจิทัลให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อก้าวให้ประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด ในการใช้งานอย่างแพร่หลายของอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ที่ประมวลผลบรรจบกันหลายมิติ” และ “การประหยัดพลังงานสีเขียว” ทำให้มีปฏิสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งในแบบเรียลไทม์ เพื่อให้การใช้งาน 5G ได้อย่างคล่องตัว และกลายเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่มีประสิทธิภาพกลายเป็นทรัพยากรที่ได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน

สำหรับ วิสัยทัศน์ “Fuel the Digitalization, Endow with Intelligence” ยกระดับ “ดิจิทัลไลเซชั่น” สู่ยุค อินเทลลิเจนท์ เป็นความหวังร่วมกับพันธมิตร เพื่อค้นหาหนทางสู่การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและชาญฉลาดของสังคมมนุษย์ ด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมมนุษย์อย่างต่อเนื่อง อันเป็นรากฐานดิจิทัลที่สำคัญ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาหลังจากการนำมาสู่เทคโนโลยี 5G ขณะนี้มีสถานี 5G อยู่กว่า 1.1 ล้านสถานีขั้วโลก เทคโนโลยี 5G ไม่เพียงเสริมสร้างประสบการณ์ของผู้บริโภค แต่ได้ช่วยในการส่งเสริมเทคโนโลยีดิจิตอล รายการปฏิรูปอย่างชาญฉลาดอยากก้าวกระโดด ที่คุณได้เห็นอยู่นี้คือศูนย์การผลิตเทคโนโลยี 5G ในหนานจิง ที่นี่สามารถผลิต 5 สถานี 5G ต่อ 1 นาที ซึ่งจะถูกส่งออกทั่วโลก สถานที่แห่งนี้ยังสามารถเป็นตัวบ่งบอกที่ดีในด้านการปฏิบัติแบบอัจฉริยะผ่านระบบ 5G โดยโรงงานอุตสาหกรรมแห่งนี้มีระบบเครือข่าย 5G และนำเทคโนโลยี MEC มาใช้ โดยทั่วไปแล้วเราจะนำแอปพลิเคชั่น 5G ประมาณ 10 ตัวที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการผลิตอย่างอัจฉริยะเช่น แอปพลิเคชั่นที่ควบคุมการเคลื่อนที่ของรถขนถ่ายวัสดุอัตโนมัติผ่านทางระบบคลาวด์ (Cloud-Based Automated Guided Vehicles), กล้องตรวจจับสำหรับอุตสาหกรรมความละเอียด 8K, อุปกรณ์ควบคุมการทำงานของเครื่องจักร (Programmable Logic Control) ผ่านทางระบบคลาวด์, ระบบการจัดเก็บแบบอัจฉริยะ, เทคโนโลยีแบบสวมใส่สำหรับงานด้านอุตสาหกรรม, เทคโนโลยีการจำลองสินทรัพย์ทางกายภาพสู่สภาพดิจิตอล (Digital Twins) และ การตรวจสอบในสถานที่จริง. แล้วที่ท่านกำลังเห็นอยู่ขณะนี้เป็นตัวเลขที่น่าพอใจเลยทีเดียว โดยความต้องการทรัพยากรส่วนบุคคลลดลงถึง 40% อัตราส่วนการผลิตที่เสียหายลดลง 20% และระยะเวลาวงจรการผลิตถึง 30% ในขณะที่ประสิทธิผลในการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์

นายสี่ จื้อหยาง กล่าวต่อว่า “ ส่วนในด้านการเพิ่มความเร็วของเครือข่าย การใช้เทคโนโลยี Segment Routing over IPv6 หรือ SRv6 จะช่วยให้เครือข่าย IP ยืดหยุ่นมากขึ้นและรองรับการโปรแกรมได้ด้วย Virtual Private Network (VPN) แบบ FlexE โดยการจัดแบ่งทรัพยากรระบบประมวลผล (Hard Slicing) ไม่ได้ต้องการความเร็วมาก มีความน่าเชื่อถือสูงและปลอดภัย นอกจากนี้แล้วเครือข่ายออปติกก้าวไปอีกขั้นของวิวัฒนาการ โดยได้เพิ่มความจุ ลดความหน่วง เพิ่มความซับซ้อน รองรับระบบ Cloud และสามารถปฏิบัติการได้ในสภาพที่ยืดหยุ่นและรวดเร็วขึ้น

ZTE ขอใช้คำบัญญัติใหม่ คือ การรวมเครือข่าย Cloud (Cloud-Network Convergence) การรวมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ (Software-Hardware Convergence) การรวมปัญญาประดิษฐ์ (AI Convergence), อินโฟกราฟิก และความปลอดภัยที่อยู่ภายใน (Intrinsic Security)

นอกเหนือจากนั้น การรวมซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์จะช่วยส่งเสริมนำความสามารถของมาใช้ในการทำธุรกิจและบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งซอฟต์แวร์สนมเข้าสู่ระบบ Cloud การให้บริการแบบไมโคร และเป็นสัดส่วน ในขณะเดียวกันฮาร์ดแวร์เขาจะเน้นการนำประสิทธิภาพสูงสุด เราจะสามารถเบลอเส้นแยกระหว่าง 2 อย่างนี้โดยการดำเนินการเพิ่มประสิทธิภาพร่วมกันระดับโลกเพื่อการแก้สถานการณ์จำเพาะ ยกตัวอย่างเช่นกันรวมตัวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตนวัตกรรมชิปเล็ตของชิปคอมพิวเตอร์

หากพูดถึงปัญญาประดิษฐ์ มันจะต้องสามารถนำข้อมูลมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การรวบรวมการของปัญญาประดิษฐ์ที่อิงตามแบบจำลองของข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการฝึกอบรมรับรองการประสานงานข้ามโดเมนของระบบและโหนดต่างๆ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการประสานการทำงานจากศูนย์ข้อมูลไปจนถึง Interface วิทยุ จะช่วยให้การทำงานและการบำรุงรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยที่อยู่ภายใน (Intrinsic Security) จะเป็นระบบภูมิคุ้มกันสำหรับเครือข่ายที่สามารถรับรู้ด้วยตนเอง ปรับตัวระบบของมันเองและพัฒนาตัวเองได้นั่นเอง” นายสี่ จื้อหยาง กล่าวในที่สุด


 

Exit mobile version