Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ฯ จับมือ กสอ. ถ่ายทอดความรู้และนวัตกรรมสำหรับอุตสาหกรรมยุคดิจิทัล

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) จับมือ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม จัดงาน Industrial IoT Solutions 2022  ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไทยไปสู่ยุค 4.0 เพื่อทิศทางของประเทศไทยให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ประเดิมจังหวัดอยุธยา นำทีมโดยนายธนากร วงศ์วิเศษ (กลางซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลคลัสเตอร์ ประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว พร้อมด้วยนายวิจักขณ์ รัตนสุวรรณ (กลางขวา) ผู้อำนวยการกองพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ดร.กิตติโชติ ศุภกำเนิด (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมมาตรฐานเทคโนโลยีการผลิตและผลิตภัณฑ์ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม นางสาววิทัศนีย์ จาดเสม (ที่ 3 จากซ้าย) นักวิชาการอุตสาหกรรมชำนาญการ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยงานมีขึ้น ณ โรงแรมเดอะ คาวาลิ คาซ่า รีสอร์ท จังหวัดอยุธยา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา

สำหรับผู้ที่สนใจงาน Industrial IoT Solutions 2022 สามารถเข้ารับฟังงานสัมมนา และเยี่ยมชมรถบัส Mobile Innovation Hub โดยครั้งต่อไปจะจัดขึ้นวันที่ 24 พฤษภาคม 2565 ถึง วันที่ 14 มิถุนายน 2565 สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมสัมมนาได้ตามลิงก์ข้างล่าง


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผนึก iMasons จัดงานเสวนา โมเดลเศรษฐกิจ บีซีจี

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน และได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับหนึ่งจากองค์กร 100 แห่ง ที่ยั่งยืนที่สุดในโลกประจำปี 2021 (2021 Global 100 Most Sustainable Corporations) จัดทำโดย Corporate Knights โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ร่วมมือกับ iMasons ซึ่งเป็นองค์กรกลางที่ไม่แสวงหาผลกำไรมุ่งเน้นในการพัฒนาด้านการศึกษา ความยั่งยืน ความหลากหลายและการมีส่วนร่วม และนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับโลก ได้จัดเวทีเสวนาถ่ายทอดประสบการณ์และแนวคิดในการสร้างความยั่งยืนเพื่อองค์กรและเพื่อโลกด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ บีซีจี (Bio-Circular-Green) โดยมีผู้ร่วมเวทีเสวนา ได้แก่ นายสเตฟาน นูสส์ (กลาง) ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผศ.ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ (ที่หนึ่งจากซ้าย) รักษาการผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ รักษาการรองผู้อำนวยการ ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี ด้านพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมแห่งอนาคต นายณัฐวุฒิ อินทรส (ที่สองจากซ้าย) Sustainable Development Deputy Director บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) นายปราชญ์ เกิดไพโรจน์ (ที่สองจากขวา) ผู้อำนวยการด้านความยั่งยืน ประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในประเทศไทยมาร่วมงานคับคั่ง ณ โรงแรมสินธร เคมปินสกี้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

กรอบการทำงานเพื่อสร้างความยั่งยืน ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ มุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างเห็นผล

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น และเป็นองค์กรที่มีความยั่งยืนที่สุดของโลกประจำปี 2021 จัดอันดับโดย Corporate Knights โดยวันนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ออกเฟรมเวิร์ก หรือกรอบการทำงานใหม่ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ให้ความยั่งยืนด้านสภาพแวดล้อม โดยเฟรมเวิร์กนี้ นับเป็นกรอบการทำงานแรกของอุตสาหกรรมที่นำเสนอผลกระทบด้านสภาพแวดล้อมใน 5 ประเด็นด้วยกัน รวมถึงตัวชี้วัดสำคัญสำหรับผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ที่กำลังก้าวสู่เส้นทางเพื่อสร้างความยั่งยืนในขั้นตอนที่แตกต่างกันไป  ผู้ประกอบการที่นำเฟรมเวิร์กดังกล่าวมาใช้ สามารถลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากดาต้าเซ็นเตอร์ได้

ดาต้าเซ็นเตอร์ คือโครงสร้างหลักของโลกดิจิทัลในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นภาคส่วนที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่โลกถึง 2 เปอร์เซ็นต์ เทียบเท่าอุตสาหกรรมการบิน และเพื่อต่อกรกับความต้องการแบนด์วิดธ์ดิจิทัลที่สูงขึ้น รวมถึงความต้องการไฟฟ้าในภาคไอทีที่เพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมต้องนำแนวทางที่เป็นองค์รวมและได้มาตรฐานมาใช้ในการสร้างความยั่งยืนให้กับสภาพแวดล้อม

ปานกาจ ชาร์มา รองประธานบริหาร ฝ่าย Secure Power ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “การออกรายงานเกี่ยวกับความยั่งยืนด้านสภาพแวดล้อม เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์หลายรายกำลังมุ่งเน้นมากขึ้น แต่อุตสาหกรรมยังขาดแนวทางที่ได้มาตรฐานในการติดตั้ง วัดผล และออกรายงานเกี่ยวกับผลกระทบด้านสภาพแวดล้อม ดังนั้น ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงได้พัฒนากรอบการทำงานในองค์รวมพร้อมตัวชี้วัดที่ได้มาตรฐานเพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมในวงกว้าง  เจตนารมย์ที่เรามุ่งหมายสำหรับกรอบการทำงานนี้ก็คือการปรับปรุงเกณฑ์การเปรียบเทียบให้ดียิ่งขึ้นและสร้างความก้าวหน้าไปสู่ความยั่งยืนด้านสภาพแวดล้อมเพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติสำหรับคนรุ่นต่อไป”

“อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ มีความก้าวหน้าอย่างมากในการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน อย่างไรก็ตาม เมื่อความต้องการด้านดิจิทัลเพิ่มขึ้น ดาต้าเซ็นเตอร์จึงยังคงต้องมุ่งเน้นผลักดันความริเริ่มด้านความยั่งยืนไปสู่วงกว้างมากขึ้นในระยะยาว” ร็อบ บราเธอร์ส รองประธานโครงการ ในส่วนดาต้าเซ็นเตอร์ และโปรแกรมด้านบริการสนับสนุน ไอดีซี กล่าว “คุณจะไม่สามารถสร้างผลกระทบจากสิ่งที่คุณไม่ได้มีการวัดผล ดังนั้นบริษัทต่างๆ ต้องมีตัวชี้วัดที่ชัดเจนและต่อเนื่อง ที่ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ต้องรวมเรื่องการบริโภค (หรือการทำลายที่สามารถเกิดขึ้นได้) ของแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำ ดิน และความหลากหลายทางชีวภาพ”

ความกดดันที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นจากทั้งนักลงทุน ผู้กำกับดูแล ผู้มีส่วนร่วม ลูกค้าและพนักงาน ยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนความต้องการในการปรับปรุงการออกรายงานเกี่ยวกับผลกระทบด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินการดาต้าเซ็นเตอร์ให้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์หลายรายยังขาดความเชี่ยวชาญเรื่องความยั่งยืนและต้องเผชิญกับงานที่ยากลำบากในการกำหนดว่าจะใช้ตัวชี้วัดใดในการติดตามรวมถึงกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้  ทั้งนี้กรอบการทำงานของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ถูกพัฒนาจากศูนย์วิจัยด้านการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management Research Center) ที่อาศัยความเชี่ยวชาญของผู้เชี่ยวชาญด้าน ESG รวมถึงที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน นักวิทยาศาสตร์ดาต้าเซ็นเตอร์ และสถาปนิกด้านโซลูชันดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อทำการคาดการณ์ในภาพกว้างๆ เกี่ยวกับการวัดผลและการออกรายงาน ซึ่งศูนย์วิจัยด้านการบริหารจัดการพลังงานก่อตั้งขึ้นในปี 2002 และได้มีการจัดทำ whitepapers ที่เป็นกลางสำหรับผู้จำหน่ายกว่า 200 ฉบับ พร้อมเครื่องมือแลกเปลี่ยนเพื่อการใช้งานฟรีสำหรับอุตสาหกรรม

ตัวชี้วัดความยั่งยืนของดาต้าเซ็นเตอร์ที่ขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน

การติดตามและออกรายงานเกี่ยวกับตัวชี้วัดความยั่งยืนที่ได้มาตรฐาน ช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการปรับปรุงทีมงานภายในองค์กรได้อย่างสอดคล้อง และเพิ่มความโปร่งใสสำหรับผู้มีส่วนร่วมในธุรกิจจากนอกองค์กร รวมถึงลูกค้า และผู้กำกับดูแล ซึ่งการนำกรอบการทำงานมาใช้ยังช่วยผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ในประเด็นต่อไปนี้

  • ขจัดความยากในการเลือกตัวชี้วัดที่สร้างผลกระทบในการติดตามได้
  • ปรับปรุงการสื่อสารและความสอดคล้องในจุดมุ่งหมายเรื่องความยั่งยืนระหว่างทีมงานภายในองค์กร
  • นำข้อมูลมาใช้ปรับปรุงการดำเนินงาน
  • ช่วยให้สามารถออกรายงานได้อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ สำหรับผู้มีส่วนร่วมจากนอกองค์กร (นักลงทุน ผู้กำกับดูแล พนักงานที่มีศักยภาพ และ ฯลฯ
  • สร้างเกณฑ์การเปรียบเทียบที่ได้มาตรฐานทั่วอุตสาหกรรมและในทั่วโลก

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) ทำงานร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย รวมถึงผู้ให้บริการโคโลเคชั่นในการออกแบบ สร้าง ดำเนินการ และดูแลโรงงาน มีเพียงพันธมิตรด้านดิจิทัลเท่านั้นที่นำเสนอโซลูชันสำหรับแง่มุมที่เกี่ยวกับพลังงาน อาคาร ไอที และความยั่งยืนสำหรับธุรกิจ

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกรอบการทำงาน พร้อมสร้างศักยภาพในการเติบโตขององค์กรคุณได้อย่างยั่งยืน ดาวน์โหลด Guide to Sustainability Metrics for Data Centers ได้แล้ววันนี้


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์ บทความพิเศษ เทคโนโลยี

กองทรัสต์ระดับโลกอย่าง Digital Realty ติดตามความคืบหน้าด้านความยั่งยืนกันอย่างไร

อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ กลายเป็นภาคที่ต้องตอบสนองต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้ว อุตสาหกรรมนี้ใช้พลังงานมากมายในการขับเคลื่อนสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งระบบระบายความร้อน และเซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ของลูกค้า ซึ่งในหลายกรณี ต้องใช้น้ำจำนวนมากในการทำให้ระบบเย็นลง อย่างไรก็ตามหนึ่งในลูกค้าของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือ Digital Realty ได้นำร่องสู่ความยั่งยืนมากขึ้น และมีการนำข้อมูลมาใช้เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่แท้จริง

Digital Realty คือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (real estate investment trust) REIT ที่เป็นทั้งเจ้าของ และมีการควบกิจการ รวมถึงพัฒนา และดำเนินการแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลระดับโลก นอกจากนี้ ยังเป็นผู้นำอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ที่ให้ประสิทธิภาพความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งยืนยันด้วยการเป็นบริษัทดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกที่ได้รับรางวัล ENERGY STAR Partner of the Year และเป็นรางวัลที่ได้รับติดกันสองปีซ้อน อีกทั้งทรัพยากรที่เกี่ยวข้องของ Digital Realty ทั้งสามสิบเอ็ดแห่ง ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกำลังการผลิตของ Digital Reality ที่ครอบคลุมในสหรัฐอเมริกา ยังได้รับการรับรองจาก ENERGY STAR เช่นกัน

การกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืน

เนื่องจาก Digital Realty เป็นผู้ให้บริการระดับโลกด้านโซลูชันของโคโลเคชั่นดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงการเชื่อมต่อระหว่างระบบคลาวด์รายใหญ่ที่สุด ความมุ่งมั่นในการกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืนสำหรับแพลตฟอร์มศูนย์ข้อมูลระดับโลกชั้นนำ (PlatformDIGITAL®) จึงไม่ใช่งานเล็กๆ ในปี 2563 Digital Realty มุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซในขอบเขต 1 และ 2 (ทางตรงและทางอ้อม) ลงถึง 68 เปอร์เซ็นต์ในศูนย์ข้อมูลกว่า 290 แห่งที่ดำเนินงานใน 24 ประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้อยู่ที่ 1.5 องศา ซึ่งยืนยันโดยโครงการของ Science-Based Target Initiative เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนภายในปี 2573

ในภาพใหญ่ Digital Realty ตั้งเป้าวงจรชีวิตที่สมบูรณ์ของดาต้าเซ็นเตอร์ตามเป้าหมายด้านความยั่งยืน กระบวนการเริ่มต้นด้วยการจัดหาและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกและพัฒนาไปสู่การปรับวงจรชีวิตการดำเนินงานได้อย่างเหมาะสมเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และซัพพลายเชนเป็นระยะ เหล่านี้ สร้างขึ้นบนรากฐานของความมุ่งมั่นพยายาม โดยใช้ตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม (green bonds) พลังงานหมุนเวียน รวมไปถึงกลยุทธ์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลน้ำ ความยืดหยุ่นที่รองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแนวปฏิบัติในการสร้างอาคารสีเขียว เพื่อหาโซลูชันใหม่และนวัตกรรมในการควบคุมการปล่อยมลพิษโดยตรงจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงภายในซัพพลายเชน

ประสานความร่วมมือกับลูกค้าที่มุ่งเน้นความยั่งยืน

สำหรับ Digital Realty นอกจากความยั่งยืนจะดีต่อโลกแล้ว ยังดีต่อธุรกิจอีกด้วย ความมีประสิทธิภาพด้านทรัพยากรได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วหลายครั้งว่า ช่วยสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ เนื่องจากการใช้น้ำ และไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดค่าใช้จ่ายอีกทั้งยังสอดคล้องกับสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญ ด้วยเหตุนี้ 90 % ของลูกค้าชั้นนำ 20 อันดับแรกของ Digital Realty จึงได้มีการเปิดเผยเป้าหมายด้านความยั่งยืนของตนต่อสาธารณะ

Digital Realty ได้นำความคิดเห็นของลูกค้าพร้อมกับความมุ่งมั่น มาใช้ในการตัดสินใจเพื่อช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ด้านความยั่งยืน นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่อง ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญสามประการในการวัดความยั่งยืนของบริษัทและผลกระทบทางจริยธรรม ยังทวีความสำคัญยิ่งขึ้นในสายตาของนักลงทุน ในฐานะที่ Digital Realty เป็นหนึ่งในสิบของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา (REIT) ที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุด Digital Realty ยังได้เข้าไปมีส่วนร่วมอย่างจริงจังกับนักลงทุนรายหลัก เพื่อทำความเข้าใจลำดับความสำคัญและวัตถุประสงค์ในการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ ESG

ใช้ตัววัดเพื่อการประหยัดพลังงาน

Digital Realty ใช้เมตริกหรือตัววัดที่ตรวจสอบได้รวมถึงองค์กรภายนอกเพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้อง ซึ่งชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในฐานะที่เป็นซัพพลายเออร์รายสำคัญของ Digital Realty พร้อมอีกบทบาทหนึ่งในการเป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลก กำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นผู้นำในการพูดคุยหัวข้อในเรื่องของความยั่งยืน ด้วยบทบาทของเราทั้งสองมุม ทำให้เราทราบดีว่าเราต้องมีข้อมูลในปริมาณมากเพื่อใช้เป็นกำลังสนับสนุนข้อเรียกร้องของเรา

ตัววัดประสิทธิภาพพลังงานที่น่าจับตามองของ Digital Realty คือค่า PUE (ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน) ซึ่ง  PUE เป็นค่าอัตราส่วนระหว่างการใช้พลังงานประจำปีของศูนย์ข้อมูล และพลังงานทั้งหมดที่เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ใช้ในแต่ละปี ซึ่งเป้าหมายของการลด PUE ของศูนย์ข้อมูลแบบโคโลเคชั่น ภายในปี 2565 อยู่ที่ 10 % (เทียบกับค่าพื้นฐานจากปี 2560) ซึ่งก็ทำได้สูงกว่าเป้า โดยสามารถลด PUE ได้ 11 % ทั้งนี้ Digital Realty ยังให้ข้อมูลแก่ลูกค้า ในระดับที่ลงลึกถึงลูกค้าแต่ละราย โดยใช้ซอฟต์แวร์ PME ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มาช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของ PUE ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพ PUE ได้ดียิ่งขึ้น

การประหยัดพลังงานอย่างมีนัยสำคัญมาจากการใช้ LED ในดาต้าเซ็นเตอร์ และดาต้าเซ็นเตอร์แห่งใหม่ของ Digital Realty ก็ใช้แสงสว่างจาก LED ทั้งหมด เนื่องจากเป็นระบบไฟที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในปัจจุบัน นอกจากนี้ระบบทำความเย็นยังมาจากการใช้ประโยชน์ของ “ฟรีคูลลิ่ง” เท่าที่จะสามารถทำได้ แม้แต่ในสภาพอากาศที่อบอุ่น เช่น ซานตาคลารา แคลิฟอร์เนีย ศูนย์ข้อมูลหลายแห่งของ Digital Realty ใช้อากาศเย็นในตอนกลางคืนเพื่อระบายความร้อนเป็นเวลาหลายพันชั่วโมงในแต่ละปี เพื่อประหยัดพลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในหลายแห่ง เช่น ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส Digital Realty ได้ทำข้อตกลงระยะยาวในการจัดหาพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 154 เมกะวัตต์  ซึ่งชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ทำงานในนามของ Digital Realty เพื่อเจรจาข้อตกลงในการซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนบางส่วน ทำให้ พอร์ตโฟลิโอโดยรวมของ Greater Dallas ทั้งหมดของ Digital Realty ในปีนี้จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานหมุนเวียนเกือบประมาณ 70%

นำข้อมูลมาใช้ในการอนุรักษ์น้ำ

ในไตรมาส 1 ปี 2564 Digital Realty ได้กลายเป็นผู้บริโภครายแรกที่ใช้น้ำรีไซเคิลและเป็นบริษัทศูนย์ข้อมูลรายแรกและรายเดียวที่เข้าร่วมเครือข่ายผู้ใช้น้ำรีไซเคิลของสมาคม WaterReuse (เครือข่ายสำหรับธุรกิจและหน่วยงานอื่นๆ ที่ใช้น้ำรีไซเคิล) การเป็นสมาชิกของบริษัทในเครือข่ายผู้ใช้น้ำรีไซเคิลนั้นรวมถึงการเป็น green designation WATER STAR® ซึ่งให้การยอมรับถึงความสำเร็จของ Digital Realty ในฐานะผู้ดูแลทรัพยากรน้ำในชุมชนท้องถิ่น

การประเมินการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของ Digital Realty ได้ข้อสรุปว่า ในปี 2563 กว่า 50 % ของน้ำที่นำมาใช้ในการทำให้ศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ เย็นลงนั้น มาจากแหล่งน้ำที่ไม่สามารถดื่มได้ โดยรวมแล้ว 43 % ของแหล่งน้ำทั่วโลกในปี 2563 มาจากแหล่งน้ำที่ไม่สามารถดื่มได้ที่อยู่ภายในเทศบาล หรือเป็นน้ำรีไซเคิลภายในไซต์งาน

ในสหรัฐอเมริกา ศูนย์ข้อมูล Westin Building Exchange ของ Digital Realty ในซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน จัดหาระบบทำความร้อนให้กับแคมปัส ของบริษัท Amazon ที่อยู่ติดกัน ซึ่ง Ecodistrict ใช้น้ำเย็นที่ถูกทำให้ร้อนจากอาคารเวสทินเพื่อสร้างความอบอุ่นแก่อาคารสำนักงานใหญ่ระดับโลกของอเมซอน ขณะที่น้ำเย็นจากอาคารของ Amazon จะถูกนำกลับมาใช้ใหม่ใน Westin เพื่อทำให้โครงสร้างพื้นฐานของศูนย์ข้อมูลเย็นลง

ในที่สุดระบบจะให้ความร้อนแก่พื้นที่สำนักงานประมาณ 5 ล้านตารางฟุต การรีไซเคิลพลังงานส่วนเกินจาก Westin คาดว่าจะช่วยประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้ประมาณ 80 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ตลอด 25 ปี ซึ่งเทียบเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้ถ่านหิน 62 ล้านปอนด์ โครงการนี้สอดคล้องกับเป้าหมายของเมืองซีแอตเทิลในการลดการปล่อยพลังงานในอาคารลง 38% จากปี 2551 ภายในปี 2573 และบรรลุสถานะคาร์บอนเป็นกลางภายในปี 2593

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับน้ำ ดังนั้น Digital Realty จึงใช้ตัวชี้วัด GRESB เพื่อทำการวิเคราะห์สถานการณ์ความเสี่ยงทางกายภาพสำหรับพอร์ตโฟลิโอของตน การประเมินความเสี่ยงรวมถึงการเพิ่มของระดับน้ำทะเล และความเครียดน้ำ (water stress) Digital Realty ใช้เครื่องมือมากมายในการประเมินการใช้น้ำและหนึ่งในนั้นคือเครื่องมือ Aqueduct ของสถาบันทรัพยากรโลก ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการขาดแคลนน้ำและประเมินการใช้น้ำในภูมิภาคที่ขาดแคลนน้ำ

ถัดไปคือตัวชี้วัดซัพพลายเชน

Digital Realty ทราบว่าธุรกิจที่ยั่งยืนจะต้องได้รับแรงหนุนจากซัพพลายเชนที่”สะอาด” ดั้งนั้น Digital Realty จึงได้เริ่มให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของซัพพลายเออร์ เป้าหมายส่วนหนึ่งของโครงการ Science-Based Target Initiative คือการลดการปล่อยคาร์บอนในขอบเขตที่ 3 ลง 24% ต่อพื้นที่ภายในปี 2573

เรื่องนี้คือความพยายามอย่างต่อเนื่อง โดยทั้ง Digital Realty และ Schneider Electric ต่างทำงานร่วมกันได้อย่างดี เพราะเราได้แบ่งปันวัตถุประสงค์ร่วมกันอีกทั้งให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเหมือนกัน เรายังคงดำเนินการในเชิงรุกโดยการนำแนวทางใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิมมาใช้ เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับ Digital Realty ต่อไป เพื่อช่วยสร้างโลกและอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลที่ดีและยั่งยืนยิ่งขึ้น

                                                                                          # # #

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลกับคุณ เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทางไปยังคลาวด์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการ ทั้งสำหรับบ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและระบบนิเวศของคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และคุณค่าในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จับมือพีเอ็มไฮเทค รับมอบสัญญางานติดตั้งระบบควบคุมสถานีไฟฟ้าแบบอัตโนมัติรองรับเทคโนโลยี IEC 61850 จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

บริษัท พี.เอ็ม.ไฮเทค จำกัด จับมือชไนเดอร์ อิเล็คทริค ร่วมงานลงนามข้อตกลงกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในโครงการปรับปรุงระบบควบคุมสถานีไฟฟ้าแบบอัตโนมัติเพื่อให้สามารถรองรับเทคโนโลยี IEC 61850 ทั้งหมดจำนวน 2 สัญญา ซึ่งระบบควบคุมสถานีไฟฟ้าแบบอัตโนมัตินี้เป็นมาตรฐานสากลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับระบบไฟฟ้าในสถานีไฟฟ้าย่อย เพื่อทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้งานกับศูนย์สั่งการ ทำงานแบบมีประสิทธิภาพสูงสุดและป้องกันความผิดพลาดในระบบไฟฟ้าซึ่งเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่อาจทำให้การจ่ายกระแสไฟฟ้าขัดข้องได้ โดยมี นางวัลลภา วัฒนกุญชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.เอ็ม. ไฮเทค จำกัด และตัวแทนจากชไนเดอร์ อิเล็คทริค ลงนามข้อตกลงกับนายปราโมทย์ สุดทรัพย์ รองผู้ว่าการปฏิบัติการและบำรุงรักษา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันสำหรับบริษัทไฟฟ้า https://www.se.com/th/th/work/solutions/for-business/electric-utilities/


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เมื่อผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ต้องเผชิญกับความผันผวนรุนแรงในตลาด การเร่งสู่ระบบดิจิทัลเป็นเรื่องจำเป็นยิ่ง

โดย ไมเคิล จามีสัน ประธานฝ่ายอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค ชไนเดอร์ อิเล็คทริค

ความปลอดภัยของผู้คนถือเป็นสิ่งสำคัญสุดสำหรับบริษัทด้านการผลิต การแพร่ระบาดผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านสถานที่ทำงาน เช่น การสร้างระยะห่างทางสังคมในส่วนบรรจุภัณฑ์ และการจำกัดการเข้าถึงเพื่อติดตั้งหรือดำเนินการซ่อมบำรุง คนทำงานลดน้อยลง เนื่องจากกฎระเบียบข้อบังคับในการกักตัว และอีกหลายปัญหาที่ต้องอาศัยการตอบสนองด้วยนวัตกรรมจากผู้มีส่วนร่วมในภาคการผลิต ตัวอย่างเช่น ในเดือนมีนาคม สถาบันด้านการจัดการซัพพลาย หรือ ISM (Institute of Supply Management) รายงานว่าเกือบ 75 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทที่เข้ารับการสำรวจได้รายงานถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในซัพพลายเชนเรื่องกำลังการผลิตบางส่วน เนื่องจากข้อจำกัดด้านการขนส่งอันเนื่องมาจากไวรัสโคโรนา

เมื่อองค์ประกอบจากปัจจัยภายนอกร่วมกันบีบบังคับให้อุตสาหกรรมต้องเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงไม่มีเวลา (หรือเงินทุน)มาคาดหวังว่าเงินลงทุนจะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ ในทางกลับกัน โซลูชันที่ช่วยปรับปรุงเรื่องความยืดหยุ่น ความคล่องตัว และความสามารถในการมองเห็นทั่วซัพพลายเชนการผลิตคือสิ่งจำเป็น ความสามารถในการก้าวข้ามช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการดำเนินการได้มากขึ้นด้วยจำนวนคนเท่าที่มีอยู่ โดยใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว

แนวทางใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการปรับกระบวนการดำเนินงานสู่ระบบดิจิทัล ช่วยให้พนักงานสามารถเพิ่มทักษะและการฝึกอบรมได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ทำงานได้จากระยะไกล และเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์ที่มีอยู่ในโรงงานผลิต

การปรับกระบวนการสู่ดิจิทัล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสินทรัพย์ และเพิ่มความยืดหยุ่นได้อย่างไร

หลายองค์กรกำลังตระหนักว่าการปรับกระบวนการดำเนินงานสู่ดิจิทัลสามารถให้วิธีการในการสร้างกระบวนการใหม่ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งช่วยให้กระบวนการเดิมมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ตัวอย่างต่อไปนี้ แสดงให้เห็นว่าบรรดาบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงอุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์ ได้นำโซลูชันดิจิทัลซอฟต์แวร์มาใช้ เพื่อปรับตัวรับมือกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดทั่วโลก

  • ติดตั้งระบบซ่อมบำรุงแบบคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ในอุตสาหกรรมที่จำเป็นอย่าง อาหารและเครื่องดื่ม ที่มีความต้องการพุ่งสูงทำให้ผู้ผลิตอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถปล่อยให้การดำเนินการต้องชะลอตัวหรือหยุดชะงักได้ ตัวอย่างเช่น ในการผลิตผลิตภัณฑ์จำพวกนมวัว ยังคงผลิตนมอยู่อย่างต่อเนื่อง และหากโรงงานโดนบังคับให้ต้องหยุดการดำเนินงาน นมที่ได้ก็จะถูกทิ้ง ส่งผลให้เกิดการสูญเสียสำคัญที่เป็นอาหารเหลือทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย รวมถึงส่งผลกระทบต่อผลกำไร ด้วยเหตุนี้ สินทรัพย์เครื่องจักรจึงถูกเรียกเก็บภาษีเกินขีดจำกัดปกติ และต้องมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเพื่อลดการเกิดดาวน์ไทม์ แม้ว่าอุปกรณ์จะเกิดความเสียหายและล้มเหลวก็ตาม โดยในกรณีดังกล่าว โซลูชันระบบดิจิทัลจะให้ความสามารถในการคาดการณ์การซ่อมบำรุงล่วงหน้า ซึ่งช่วยให้พนักงานที่มีอยู่จำกัดมุ่งเน้นที่สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงมากที่สุด และสามารถวางแผนการซ่อมได้ ก่อนที่จะทำให้การดำเนินงานต้องหยุดชะงัก  บริษัทต่างๆ สามารถขยายอายุการใช้งานของอุปกรณ์ได้ด้วยการใช้ IIoT เซ็นเซอร์วัดเงื่อนไขการทำงาน หากไม่มีเหตุอันควรให้ต้องซ่อมบำรุง บริษัทก็สามารถเลื่อนการซ่อมบำรุงออกไปได้ไกลกว่าช่วงเวลาปกติที่เป็นมาตรฐาน สอดคล้องตามข้อมูลจาก McKinsey การตรวจสอบเงื่อนไขการซ่อมบำรุงได้ดียิ่งขึ้น โดยปกติแล้วจะช่วยลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงได้ 10-15 เปอร์เซ็นต์
  • การเพิ่มศักยภาพให้กับคนทำงาน บรรดาองค์กรที่เผชิญกับความท้าทายในการที่ต้องลดคนทำงาน ต้องใช้คนทำงานที่เหลืออยู่ในการผลิตได้เต็มประสิทธิภาพ ตัวอย่างหนึ่งที่การปรับกระบวนการสู่ดิจิทัลช่วยได้คือ การมีผู้เชี่ยวชาญจากระยะไกล (เช่นผู้จัดการที่ดูแลพื้นที่ผลิต) ใช้แท็ปเล็ตในการช่วยชี้แนวทางให้กับพนักงานที่มีประสบการณ์น้อยและยังต้องทิ้งระยะห่างทางสังคม โดยอุปกรณ์ดังกล่าวจะใช้แอปพลิเคชัน AR ในการอธิบายกระบวนการในการใช้เครื่องจักรและบริหารจัดการด้านการทำงานให้เห็นเป็นภาพ

ในสถานการณ์ที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และโรงงานส่วนใหญ่ต้องอาศัยการดำเนินการด้วยตัวเอง พนักงานต้องห่างจากเครื่องจักรเพื่อเข้ารับการฝึกอบรมด้านกระบวนการดำเนินงาน เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาในพื้นที่การผลิต พนักงานเหล่านี้ต้องดูหน้าจอหลากหลายของเครื่องจักรแต่ละตัว เพื่อประเมินถึงต้นเหตุของปัญหาที่เจอ หากสายการผลิตหยุดทำงาน ก็ต้องโทรเข้าไปที่ฝ่ายสนับสนุนด้านเทคนิค ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ทั้งหมดกินเวลามากและทำให้มีเวลาไม่พอ

ในทางกลับกัน หากผู้ดำเนินงานเข้าถึงเครื่องมือ AR ในระบบดิจิทัลผ่านอุปกรณ์พกพา ตัวอย่างเช่น พนักงานสามารถระบุจากภาพที่เห็นได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดปัญหาที่ไหนโดยที่ไม่ต้องทำการฝึกอบรมต่อ อีกทั้งยังได้รับคำแนะนำโดยทันที พร้อมเอกสารที่อัพเดตเกี่ยวกับการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และเมื่อกระบวนการในระบบดิจิทัลทำให้งานของผู้ดูแลง่ายขึ้น บริษัทก็มีความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ที่ยุ่งยากและผันผวนได้ดียิ่งขึ้น

  • ปรับสู่ระบบอัตโนมัติเพื่อให้สามารถเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ทางเลือกได้รวดเร็ว องค์กรธุรกิจที่ลงทุนในเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากวิกฤติปัจจุบัน เนื่องจากความยืดหยุ่นที่เพิ่มเข้ามา ช่วยให้ปรับตัวตามเงื่อนไขตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ ตัวอย่างเช่น ในการดำเนินการด้านการกลั่นและบรรจุขวดที่ออกแบบเพื่อการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากมีระบบออโตเมชั่นที่เหมาะสมอยู่แล้ว ก็จะช่วยให้ปรับเปลี่ยนและออกเป็นสูตรใหม่สำหรับเจลทำความสะอาดมือได้ ซึ่งความคล่องตัวในการตอบสนองอย่างรวดเร็วนั้นช่วยให้บริษัทต่างๆ รองรับความต้องการของตลาดในปัจจุบันได้ โดยใช้สินทรัพย์ขององค์กรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และช่วยรักษางานไว้ได้

ประโยชน์ของการปรับกระบวนการสู่ระบบดิจิทัล ที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติ

ก้าวต่อไปก็คือ หลายองค์กรด้านการผลิตจะนำพาธุรกิจไปในแนวทางใหม่ สำหรับบางรายการจะมุ่งเน้นที่ความพอเพียงในองค์กรมากกว่า แต่สำหรับอีกหลายรายจะเน้นไปที่ช่องทางจัดหาและจัดจำหน่ายเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ตาม การปรับกระบวนการด้านการทำงานหลักสู่ระบบดิจิทัลและความสามารถในการเข้าถึงสินทรัพย์ต่างๆ ในโรงงานได้จากระยะไกลอย่างปลอดภัย จะกลายเป็นศักยภาพหลักที่จำเป็นต่อการให้บริการในตลาดที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ยิ่งขึ้น


เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลกับคุณ เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทางไปยังคลาวด์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการ ทั้งสำหรับบ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและระบบนิเวศของคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และคุณค่าในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค สร้างประสบการณ์ดิจิทัลเฉพาะบุคคล ให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าผ่าน mySchneider Portal

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น พร้อมมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าและคู่ค้าที่ล็อคอินเข้ามาที่ se.com/th  ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ

การออกแบบพอร์ทัลรูปแบบใหม่นี้ เริ่มขึ้นในปี 2563 พร้อมช่วยสร้างความแตกต่างในตลาดให้กับลูกค้าและคู่ค้าของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค อีกทั้งช่วยให้ดำเนินงานในแต่ละวันได้อย่างง่ายด้วยองค์ประกอบต่อไปนี้

  • เข้าใช้งานด้วย single sign on และสามารถบริหารจัดการข้อมูลทั้งหมดได้
  • เข้าถึงได้ตรงกับบริการทางธุรกิจผ่านพอร์ทัลที่ปรับให้ตรงต่อการใช้งานเฉพาะบุคคล
  • รวบรวมเครื่องมือและบริการทางธุรกิจที่หลากหลายและสามารถเข้าถึงได้จากจุดเดียว
  • จัดระบบใหม่ในส่วนเครื่องมือออนไลน์ของชไนเดอร์ เพื่อลดจำนวนแพลตฟอร์มที่ลูกค้าต้องเข้าไปดู

“เราให้ความสำคัญอันดับแรกกับการมอบประสบการณ์ออนไลน์ที่ให้ประสิทธิภาพในแบบ 24×7 เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเรา” ปีเตอร์ เว็กเคสเซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายดิจิทัล ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “ประสบการณ์ที่ได้จากพอร์ทัล mySchneider คือกลยุทธ์ในการปฏิรูปสู่ดิจิทัลที่มุ่งเน้นความสำคัญไปยังความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับแรก และช่วยให้เรามอบศักยภาพและเครื่องมือในระบบดิจิทัลที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าของเรา”

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค พร้อมช่วยให้ลูกค้าประหยัดเวลาในการเข้าถึงข้อมูล และช่วยให้ทำงานร่วมกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งติดตามข้อมูลสำคัญได้จากจุดเดียว  ทำให้ปัจจุบันลูกค้าของชไนเดอร์สามารถจัดการเนื้อหาที่ชื่นชอบในรูปแบบที่เหมาะกับตัวเองที่สุด รวมถึงความต้องการว่าจะให้แสดงอะไรก่อนหรือหลังตามลำดับ ทั้งนี้ พอร์ทัล mySchneider ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงทรัพยากรทั้งหมดที่จำเป็นต่อการบริหารจัดการธุรกิจได้โดยตรง พร้อมทั้งสามารถติดตามเนื้อหาได้ตามความชื่นชอบเฉพาะบุคคลเพื่อให้ตรงต่อความคาดหวังของลูกค้า

นอกจากนี้ พอร์ทัล mySchneider ยังช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงแดชบอร์ดที่ให้มุมมองเฉพาะสำหรับผู้ใช้งาน สามารถกำหนดการแจ้งเตือนเพื่อให้ทราบเมื่อมีผลิตภัณฑ์ออกใหม่ ซอฟต์แวร์ใหม่ รวมถึง กิจกรรมสัมมนาออนไลน์ และเอกสารการวิจัยที่ออกมาใหม่ โดยปัจจุบันทั้งคู่ค้าและตัวแทนจำหน่ายสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากจุดเดียว และสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดที่เตรียมไว้เฉพาะเพื่อช่วยสนับสนุนการทำธุรกิจ เช่น โอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลผลิตภัณฑ์ ใบเสนอราคา การสั่งซื้อ การติดตามการสั่งซื้อ การเงิน การฝึกอบรม และโปรแกรมต่างๆ เช่น หากเป็นผู้จัดการโรงงาน ก็จะเห็นข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานได้ในแบบที่ต้องการ ด้วยการมองเห็นภาพเสมือนจริง รวมถึงสัญญา และการบริการต่างๆ ตามที่ได้วางแผนไว้ นอกจากนี้ มีหน้าหลักที่ให้มุมมองเฉพาะสำหรับผู้ใช้ พร้อมไฮไลต์เนื้อหาที่ต้องใช้ในทุกวัน ตั้งแต่เครื่องมือ ทรัพยากรต่างๆ ตลอดจนผลิตภัณฑ์และแอปพลิเคชัน รวมถึงบริการเสริมต่างๆ ตามโปรไฟล์ของผู้ใช้รายนั้นๆ

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลกับคุณ เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทางไปยังคลาวด์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการ ทั้งสำหรับบ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและระบบนิเวศของคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และคุณค่าในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

การผสานรวมเทคโนโลยีสารสนเทศ เข้ากับเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ คือโลกใบใหม่ของอุตสาหกรรมดิจิทัล

โดยโซฟี บอร์กเน่ รองประธานอาวุโส ฝ่ายธุรกิจระบบดิจิทัลสำหรับโรงงาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric)

ปีที่แล้ว เราพูดถึงการให้ความสำคัญมากขึ้นกับเอดจ์สำหรับอุตสาหกรรม ว่าเป็นปัจจัยเร่งการปรับกระบวนการสู่ดิจิทัลและเป็นสิ่งจำเป็นในการเพิ่มการประมวลผลแบบเรียลไทม์  การผสานรวมของโลกเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ (OT) เป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยในเรื่องนี้ และเป็นความท้าทายสำหรับบริษัทด้านอุตสาหกรรมอีกหลายแห่งเช่นกัน

โลกไอทีถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ในขณะที่โลกโอทีถูกขับเคลื่อนด้วยการผลิต ซึ่งเป็นการผลิตต่อหน่วยต่อชั่วโมง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ความปลอดภัยของบุคลากร ฯลฯ  ในปัจจุบัน ถ้าจะมีการบริหารจัดการการผลิต ก็เพื่อดูแลค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างกำไรเพิ่ม และสร้างความยั่งยืน ฯลฯ ซึ่งก็ต้องอาศัยข้อมูลจากระบบธุรกิจ แล้วบรรดาคนไอทีเหล่านั้นล่ะ?  คนไอทีมักจะรู้แค่เรื่องสองเรื่องเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครือข่าย และการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งเป็นรากฐานที่ช่วยให้ระบบเหล่านี้แข็งแกร่ง ซึ่งจะสำเร็จได้นั้น ก็คือทั้งไอทีและโอทีจำเป็นต้องทำงานร่วมกัน

นั่นคือเหตุผลที่เราได้ทำงานร่วมกับซิสโก้ โดยดึงเอาประสบการณ์ด้านไอที/โอที รวมกันกว่า 85 ปีมาช่วยลูกค้าของเราเชื่อมความแบ่งแยกทางเทคโนโลยีและวัฒนธรรมการทำงานเข้าหากัน  เราได้ทบทวนแนวทางด้านระบบออโตเมชันเพื่อนำประโยชน์ที่ดีที่สุดของไอทีมาใช้ได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น เพื่อช่วยลูกค้าตอบโจทย์ความต้องการเรื่องความคล่องตัวได้ในศตวรรษที่ 21 และเราก็ได้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจในหลายประการด้วยกัน

การผนึกกำลังระหว่างไอทีและโอที ช่วยแก้ปัญหาความท้าทายของอุตสาหกรรมปัจจุบัน

เมื่อเร็วๆ นี้ ซิสโก้และชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ได้ช่วยบริษัททำเหมืองแห่งใหญ่ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามของโลก เปลี่ยนวิสัยทัศน์แห่งอนาคตสู่ความเป็นจริงได้ เพื่อปรับปรุงเรื่องการดำเนินการของเหมืองได้อย่างยั่งยืน พร้อมกับดึงดูดคนทำงานใหม่ๆ บริษัทฯ จึงตัดสินใจเพิ่มระบบออโตเมชั่นด้านการดำเนินงานและเพื่อให้ควบคุมเหมืองต่างๆ ได้จากระยะไกล

การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการภูมิภาคส่วนกลางสำหรับเหมืองแร่เหล็กในประเทศออสเตรเลีย ช่วยให้สามารถดำเนินการในส่วนของเหมืองทั้งหมด รวมถึงระบบรางและท่าเรือได้จากที่เดียว  ระบบออโตเมชันที่มีการเชื่อมโยงกับระบบตั้งตารางเวลา (scheduling systems) ช่วยลดการสูญเสียพลังงานในระหว่างการขนส่ง ในขณะที่ศูนย์ควบคุมจากส่วนกลางซึ่งอยู่ใกล้กับศูนย์กลางประชากรหลักๆ ยังช่วยลดความจำเป็นโดยที่พนักงานไม่ต้องทำงานในสถานที่ห่างไกล

องค์ประกอบหลักบางประการของโครงการ ได้แก่

  1. ระบบรถบรรทุกเหมืองที่ทำงานได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ขนย้ายสิ่งต่างๆ ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มผลิตผล รถบรรทุกต่างๆ ถูกบริหารจัดการด้วยระบบควบคุมดูแลจากส่วนกลาง แทนการใช้คนขับรถแต่ละคนดำเนินการ
  2. ใช้สว่านแบบอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ดำเนินการคนเดียวสามารถดำเนินการหลายแท่นเจาะโดยใช้คอนโซลควบคุมจากระยะไกลได้
  3. ติดตั้งระบบรถไฟพร้อมคนขับที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลเพียงอย่างเดียว โดยช่วยเพิ่มความเร็วทั่วเครือข่ายและลดเวลาโดยเฉลี่ยในแต่ละรอบ

ซิสโก้ และชไนเดอร์ อิเล็คทริค  ได้ประสานความร่วมมือในการจัดหาเครือข่ายและอุปกรณ์ที่เป็นระบบออโตเมชั่นสำหรับระบบไอทีเหมืองและส่วนที่เป็นโอที เพื่อช่วยให้ลูกค้าตระหนักถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของทีมงานโอทีในแต่ละปีได้มากถึง 1 ล้านยูโร หรือเกือบ 38 ล้านบาท

ประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาสถาปัตยกรรมระบบงาน IT/OT ในระดับเวิลด์คลาส

ซิสโก้ และชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสถาปัตยกรรมอ้างอิงด้านระบบออโตเมชั่น OT/IT สำหรับอุตสาหกรรม (OT/IT Industrial Automation Reference Architecture) ซึ่งให้ศักยภาพเชิงระบบนิเวศด้านการผลิตที่สอดประสานระหว่างไอทีและโอที ให้ความปลอดภัย และช่วยให้ลูกค้าผสานรวมทั้งธุรกิจและข้อมูลจากกระบวนการทำงานได้อย่างปลอดภัย ให้มุมมองเชิงลึก ซึ่งนำไปสู่การยกระดับใหม่ด้านประสิทธิภาพของอุตสาหรรม

สถาปัตยกรรมดังกล่าว เพิ่มศักยภาพให้อุตสาหกรรมในการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยแนวทางที่มุ่งเน้นให้เครือข่ายเป็นศูนย์กลางในการควบรวมการทำงาน รองรับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่จำเป็นต่อการสนับสนุนกระบวนการและเทคโนโลยีใหม่ๆ ประโยชน์ที่ได้รับบางประการได้แก่

  • ช่วยให้ฝ่ายไอทีและโอทีทำงานร่วมกัน เพื่อลดพื้นที่การโจมตีบนไซเบอร์ อีกทั้งตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว และดำเนินการได้สอดคล้องตามกฏระเบียบข้อบังคับ
  • ช่วยให้มั่นใจเรื่องของการผสานรวมด้านการผลิตเป็นหนึ่งเดียวและให้ความปลอดภัย โดยมีการฝังระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ไว้ในสภาพแวดล้อมด้านโอที
  • ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดีขึ้น ขยายช่วงเวลาในการผลิตได้สูงสุด และให้ความยั่งยืนด้วยการประยุกต์ใช้ระบบวิเคราะห์ มีการประมวลผลที่แม่นยำ รวมถึงการสนับสนุนการตัดสินใจได้แบบเรียลไทม์

โลกโอทีที่ช่วยผสานการทำงานร่วมกันระหว่าง IT/OT และการปฏิรูปสู่ดิจิทัลมีอะไรใหม่บ้าง?

หลายอย่างเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เราได้คิดค้นระบบควบคุมด้วยการตั้งโปรแกรมทำงานได้เป็นเวลากว่า 50 ปีมาแล้ว การตอบรับอุตสาหกรรม 4.0 ต้องอาศัยข้อมูลที่นำมาใช้งานได้อย่างอิสระและปลอดภัย ทั้งจากผลิตภัณฑ์ประเภทสมาร์ททั้งหลายจนถึงคลาวด์  ความก้าวหน้าของการปฏิรูปอุตสาหกรรมไปเร็วและจะเร็วขึ้นเรื่อยๆ เราต้องมอบระบบออโตเมชั่นที่สามารถรองรับความก้าวหน้าในอัตรารวดเร็วเช่นปัจจุบันได้ อีกทั้งต้องมอบความคล่องตัวซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอนาคตให้กับลูกค้า โดยในการช่วยให้ลูกค้าอุตสาหกรรมผสานรวม IT/OT เข้าด้วยกัน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อนำความคล่องตัวมาไว้ในระบบออโตเมชั่นของเราเช่น EcoStruxure Automation Expert ได้มากยิ่งขึ้น เป้าหมายก็คือการรวมข้อมูลทางธุรกิจเพื่อการตัดสินใจด้านการดำเนินงาน และข้อมูลส่วนปฏิบัติการเพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจ เรื่องนี้ ต้องอาศัยเทคโนโลยี แนวทางปฏิบัติ และทักษะที่ดีที่สุดทั้ง IT และ OT เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการผสานรวม IT/OT จะทำงานได้เป็นอย่างดี

เข้าถึงเทคโนโลยีสำหรับอุตสาหกรรมในอนาคตเพียงคลิ๊ก https://www.se.com/th/th/work/campaign/industries-of-the-future/


เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลกับคุณ เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทางไปยังคลาวด์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการ ทั้งสำหรับบ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและระบบนิเวศของคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และคุณค่าในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

การสร้างความยั่งยืนให้ดาต้าเซ็นเตอร์ คือสิ่งจำเป็น

โดย มาร์ค การ์เนอร์ รองประธานฝ่าย Secure Power สหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์

เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าเราต่างยืนอยู่บนทางแยก เพราะสิ่งที่เราตัดสินใจในปัจจุบัน นอกจากจะส่งผลถึงอนาคตคนรุ่นใหม่แล้ว ยังส่งผลต่อโลกทั้งใบ เรื่องนี้กลายเป็นความชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลก และเนื่องจากความยั่งยืนไต่ระดับสู่การเป็นวาระสำคัญขององค์กรและผู้บริโภค เราจึงได้เห็นว่าองค์กรหลายแห่งกำลังใช้ความริเริ่มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกเพื่อมอบประโยชน์แก่โลกที่เราอาศัยอยู่

ในขณะที่ความต้องการในการปฏิรูปสู่ระบบดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ภาคส่วนต่างๆ ที่มีบทบาทสำคัญมากที่สุดในโลกไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตรกรรม อาคาร และการก่อสร้าง ตลอดจนดาต้าเซ็นเตอร์ ไอที พลังงานและสาธารณูปโภคด้านต่างๆ ล้วนตัดสินใจไปในแนวทางเดียวกัน คือการนำเรื่องความยั่งยืนมาใช้เป็นด่านหน้าของกลยุทธ์ในองค์กร

เทคโนโลยีจึงกลายเป็นปัจจัยหลักที่สร้างศักยภาพให้แก่ภาคธุรกิจ รวมถึงผู้บริโภค ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมา มีการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเมินว่าภายในปี พ.ศ. 2578 ภาคไอทีทั่วโลก จะมีการใช้ไฟฟ้า สูงขึ้นถึง 8.5% เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่ม 5% ในปี พ.ศ.2564 นอกจากนี้ อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ ก็จะกลายเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องรับหน้าที่หลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานที่สร้างความยั่งยืน ในการมีส่วนร่วมโดยตรงต่อเป้าหมายการพัฒนาความยั่งยืนของสหประชาชาติ  5 ประการ  (SDGs)

ความยั่งยืนและภาคอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์

ผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์หลายแห่งในปัจจุบัน ตั้งแต่ไฮเปอร์สเกลเลอร์ ไปจนถึงผู้ให้บริการคลาวด์และโคโลเคชั่น ได้นำร่องตลาดไปก่อนแล้ว ด้วยการทำเป็นแบบอย่างพร้อมประกาศเจตนารมย์อันแรงกล้าต่อสาธารณชนเกี่ยวกับความมุ่งมั่นในเรื่อง Net Zero โดยนำแนวทางที่ให้ความยั่งยืนมากขึ้นมาใช้ในธุรกิจดิจิทัล

ตัวอย่างเช่น Microsoft ได้เริ่มหันไปใช้พลังงานลมแบบหมุนเวียน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะใช้กันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการที่ทั้งภาครัฐบาลและประชาชนต่างให้ความสนใจและมีความต้องการใช้พลังงานหมุนเวียนกันมากขึ้น

เรื่องนี้ คือความจริงที่กำลังเป็นที่สนใจอย่างมากในภาคโคโลเคชั่น และในการสำรวจที่จัดทำขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริคและ 451 Research โดยมีผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลกกว่า 800 รายเข้าร่วมการสำรวจครั้งนี้ ผลสำรวจพบว่า 97% ของลูกค้าของผู้ให้บริการต่างขอให้มีเรื่องความยั่งยืนอยู่ในข้อผูกพันตามสัญญา และความต้องการเหล่านี้นับเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนให้เกิดความยั่งยืนในราว 50%

อย่างไรก็ตาม การตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเรื่องแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืน ด้วยเป้าหมายด้านสภาพแวดล้อมที่สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างกว้างขวางนั้น ภาคส่วนของเราจะต้องทำงานร่วมกัน ซึ่งองค์กรธุรกิจต่างๆ จะไม่สามารถทำงานแบบไซโลได้อีกต่อไป

สำหรับหลายองค์กร การรวมความยั่งยืนไว้ในแนวทางปฏิบัตินั้นเป็นเรื่องที่พูดง่ายมากกว่าการทำ แต่หากผลักดันให้เกิดการรับรู้ สร้างกลยุทธ์และใช้สิ่งจูงใจที่เหมาะสม เราจะสามารถสนับสนุนให้อุตสาหกรรมสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีประสิทธิภาพพร้อมปลูกฝังเรื่องความยั่งยืนที่ถูกต้องได้ตั้งแต่แรกเริ่ม บางสิ่งเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้ให้บริการโคโลเคชั่น เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ เนื่องจากลูกค้าจำนวนมากอาศัยฐานการตัดสินใจจากการทำงานร่วมกับองค์กรที่ใส่ใจเรื่องความเป็นสีเขียว

แผนงานใน ขั้นตอนเพื่อเอาชนะความท้าทายด้านสภาพอากาศ

ความยั่งยืนที่แท้จริงของดาต้าเซ็นเตอร์ในอุดมคติ ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด และในหลายแง่มุม การสร้างกลยุทธ์ที่ครอบคลุมต้องให้ผู้ดำเนินการมุ่งเน้นความสำคัญในหลายแง่มุมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์ พื้นที่ สาธารณูปโภคด้านพลังงาน รวมถึงกลยุทธ์ในการดำเนินงาน และบริหารจัดการด้านพลังงาน

แนวคิดดังกล่าวเป็นเรื่องที่ผมได้รับเชิญไปอภิปรายช่วง keynote ในการเปิดงาน DCD Europe Virtual เมื่อเร็วๆ นี้ และในช่วงเริ่มต้น จะมีองค์ประกอบพื้นฐานสามประการที่ต้องพิจารณา

ประการแรก เราต้องระบุหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยในการดำเนินการได้อย่างยั่งยืน ประการที่สอง ควรประเมินสินทรัพย์สินขององค์กรเพื่อตัดสินใจว่าจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ทั้งหมดได้อย่างไร และประการที่สาม ควรพิจารณาการออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์ใหม่หรือแนวคิดที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาใช้กับโครงการใหม่ หรือใช้ในการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกเดิมที่มีอยู่ได้

สำหรับหลายองค์กร แนวคิดทั้งสามประการนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเป็นแนวคิดที่ล้ำหน้า แต่เป็นหลักการสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนและช่วยสร้างแผนความยั่งยืนสี่ขั้นตอนได้อย่างครอบคลุม ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ประกอบการเอาชนะความท้าทายด้านสภาพอากาศได้ ขั้นตอนสำคัญคือ:

  1. กำหนดความสำเร็จให้กับองค์กรของคุณ และสร้างศักยภาพให้กับทีมงานเพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้
  2. กำหนดเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายที่ใหญ่หรือเล็กก็ตาม และพยายามให้ได้ผลลัพธ์แม้เพียงเล็กน้อยก็ตามในจุดที่สามารถทำได้ – 1% ต่อปี ถ้าทำได้ตลอดระยะเวลา 25 ปี ก็จะสร้างผลกระทบที่มีนัยสำคัญในองค์กรระดับโลกได้
  3. ปรับใช้โปรแกรมทั่วทั้งธุรกิจของคุณ และวิเคราะห์ในจุดที่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ในแต่ละเดือน แต่ละไตรมาส หรือในแต่ละปี
  4. รักษาผลลัพธ์เอาไว้ ด้วยการดูแลสอดส่อง บริหารจัดการ และแบ่งปันบทเรียนที่ได้เรียนรู้

ปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อให้เกิดความยั่งยืน

ทุกวันนี้ มีหลายองค์กรที่ปรับปรุงโครงการด้านความยั่งยืนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นพร้อมกับได้รับผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว ด้วยความช่วยเหลือของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ตัวอย่างเช่น ฝ่ายจัดหาพลังงานหมุนเวียนทั่วโลกของ Equinix ได้จัดหาพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 82% ภายในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ขณะที่การจัดหาพลังงานหมุนเวียน 100% ในทวีปอเมริกาเหนือช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากถึง 23.2 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในทวีปยุโรป 75% ของกระแสไฟฟ้าของ Iron Mountain ถูกแปลงเป็นพลังงานสีเขียว ในขณะที่นำพลังงานหมุนเวียนทั้ง 100% ไปให้บริการสำหรับการดำเนินงานในสหราชอาณาจักร ไอร์แลนด์ และเบเนลักซ์ เรื่องนี้ นอกจากจะช่วยประหยัดเงินและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังเป็นการผลิตพลังงานสะอาดในปริมาณที่เพียงพอต่อการจ่ายพลังงานเทียบเท่าการใช้สำหรับบ้าน 56,000 หลัง ซึ่งเป็นการเอารถยนต์ออกจากถนนมากกว่า 10,000 คันในแต่ละปี

การมุ่งเน้นที่ Net Zero และความยั่งยืนยังเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับเราที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริคอย่างยิ่ง เราได้ประกาศแนวทางในการยกระดับความมุ่งมั่นขึ้นไปอีกขั้นเพื่อให้บรรลุความเป็นกลางด้านคาร์บอน รวมถึงการเร่งไปสู่เป้าหมายปี 2573 ของเราในการสร้างความเป็นกลางด้านคาร์บอนภายในเวลาห้าปีจนถึงปี 2568 เพื่อให้บรรลุการปล่อยมลพิษจากการปฏิบัติงานเป็นศูนย์ภายในปี 2573 โดยเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมาย SBT เพื่อให้ผลที่สมบรูณ์ และบรรลุ net-zero ในห่วงโซ่อุปทานภายในปี 2593 นอกจากนี้ เรามุ่ยังงมั่นที่จะลดการใช้ SF6 ภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งรวมถึงในสวิตช์เกียร์ในดาต้าเซ็นเตอร์ของเราด้วย

ขณะนี้มีหลายประเทศที่ลงนามในข้อตกลงปารีส มีหลายอย่างที่ต้องทำและมีเวลาไม่มาก แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นคือธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะในภาคของดาต้าเซ็นเตอร์ ต้องดำเนินการและต้องการที่จะทำเรื่องดังกล่าวโดยพร้อมเพรียง ด้วยการปรับกระบวนการสู่ระบบดิจิทัล การใช้พลังงานไฟฟ้า และประสานการทำงานร่วมกันเพื่อช่วยผู้คนในโลก และเพื่อผลักดันไปสู่การประหยัดค่าใช้จ่าย สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เป้าหมายที่เกินจริง และสามารถบรรลุได้ด้วยสูตรสำเร็จที่เรียบง่าย นั่นคือ พลังงานหมุนเวียน + การใช้พลังงานไฟฟ้า x ประสิทธิภาพ = ความยั่งยืน

ปัจจุบัน การพิจารณาผลกระทบด้านพลังงานของเราไม่ได้เป็นแค่เพียงองค์ประกอบเดียวที่ผู้ประกอบการดาต้าเซ็นเตอร์ต้องคำนึงถึง และก็ไม่ใช่แค่เรื่องการปรับใช้เทคโนโลยีเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีมุมมองแบบองค์รวมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและผลกระทบด้านพลังงานของเรา ซึ่งโดยทั่วไป ในขณะที่ผู้ประกอบการต่างขับเคลื่อนความริเริ่มที่ยั่งยืน คนเหล่านี้ ต่างพยายามอย่างมากในการรักษาประสิทธิภาพและคงความยืดหยุ่นเอาไว้ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของปริศนาที่หายไป ในการทำให้เป้าหมายดังกล่าวคงอยู่ได้ยาวนาน

ในแง่ของอุตสาหกรรม เราต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น ช่วยลดผลกระทบด้านสภาพอากาศให้กับคนรุ่นหลัง ถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้วเพื่อให้อุตสาหกรรมยืนหยัดต่อไปได้อีกยาวนาน

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลกับคุณ เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทางไปยังคลาวด์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการ ทั้งสำหรับบ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและระบบนิเวศของคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และคุณค่าในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ เปิดตัวยูพีเอสสำหรับธุรกิจหลากหลาย ชูความโดดเด่นด้านประสิทธิภาพ และราคา ช่วยประหยัดพลังงาน พร้อมการบริการ เสียเปลี่ยนฟรีถึงบ้าน

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัว APC UPS สำหรับธุรกิจ ชูความแข็งแกร่งที่โดดเด่น “3 การปกป้อง” ได้แก่ 1.ปกป้องให้ธุรกิจกับอุปกรณ์ต่อพ่วง ด้วย เทคโนโลยี Sine wave ให้ความต่อเนื่องของพลังงานสำหรับอุปกรณ์ที่ละเอียดอ่อนต่อไฟฟ้า 2.ปกป้องค่าไฟด้วย Green Mode Efficiency ที่ให้ประสิทธิภาพพลังงานสูงถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ช่วยในการประหยัดพลังงาน  3.ปกป้องเวลาอันมีค่า เพราะเมื่อเครื่องเสียเปลี่ยนฟรีถึงบ้าน หรือสำนักงานทันที เล็งเจาะกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอี คลินิก ร้านสะดวกซื้อ สาขาธุรกิจ ห้องไอทีขนาดเล็ก ตั้งเป้ากระจายทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

นายรังสิมันตุ์ มีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและช่องทางการจัดจำหน่าย กลุ่มธุรกิจ Secure Power ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า “เครื่องสำรองไฟฟ้าเอพีซี นับเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ในพอร์ตฟอริโอ ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่มีผู้ใช้งานและให้การยอมรับ เชื่อมั่นด้านประสิทธิภาพและมาตรฐานระดับสากล ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก ครอบคลุมทุกเซกเม้นต์ ซึ่งนวัตกรรมของ เครื่องสำรองไฟฟ้าเอพีซี เราออกแบบฟีเจอร์ให้ตรงต่อการใช้งานของผู้ใช้เป็นหลัก ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เช่น ผู้ใช้งานตามบ้าน สำนักงานเราจะมีฟีเจอร์ที่จำเป็นเช่น ขนาดเล็ก กะทัดรัด แขวนผนังได้ ประหยัดพื้นที่ใช้สอย สะดวกและติดตั้งง่าย บางรุ่นสามารถชาร์จมือถือพร้อมๆ กับการสำรองไฟได้ด้วย หรือถ้าเป็นธุรกิจ เอสเอ็มอี เราจะมีฟีเจอร์ที่จำเป็น เช่น การสำรองไฟได้นานกว่า หรือการจ่ายพลังงานได้มากกว่า เพื่อรองรับอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานมาก สำหรับห้องไอที หรือดาต้าเซ็นเตอร์ เราก็มีรุ่นที่เหมาะสมตามสภาพแวดล้อมไอทีรูปแบบต่างๆ มีฟีเจอร์ที่จำเป็นมากขึ้น เช่นการมอนิเตอร์แบบเรียลไทม์ การวิเคราะห์เชิงลึกด้านพลังงาน รวมไปถึงการสั่งงานเปิด/ปิด ช่วยควบคุมค่าไฟ เป็นต้น โดยลูกค้าสามารถเลือกเครื่องสำรองไฟ ที่มีความสามารถด้านฟีเจอร์ที่คุ้มค่าเหมาะกับตนเอง หรือธุรกิจ ได้ไม่ยาก ในแบรนด์ APC แบรนด์เดียว ที่มีคนทั่วโลกให้ความไว้วางใจ”

จากการที่ธุรกิจไทยเริ่มมีการฟื้นตัว การเริ่มต้นทางธุรกิจหรือการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ อุปกรณ์ที่จะเข้ามาช่วยรองรับนั่นคือเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ๆ หรืออุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไอที เน็ตเวิร์ค สตอเรจ กล้องวงจรปิด มาพร้อมกับวงจร และชิพภายในที่มีความละเอียดอ่อน  และแบตเตอรี่คุณภาพสูง ปลอดภัย

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย พัฒนาเครื่องสำรองไฟ เปิดตัวใหม่ในปีนี้ หลายรุ่น หลายซีร์รี่ ที่ตอบโจทย์ทั้งเรื่องราคา และให้ประสิทธิภาพสูง มาพร้อมกับสเปกที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในหลากหลายเซกเม้นต์ เพื่อให้ธุรกิจไทยเติบโตอย่างมีเสถียรภาพด้วยต้นทุนที่คุ้มค่า และมั่นใจการใช้งาน และบริการหลังการขาย

วันนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัวเครื่องสำรองไฟรุ่นใหม่ 3 รุ่น ประกอบด้วย

APC Easy UPS Line-interactive SMV เครื่องสำรองไฟที่ทุกธุรกิจต้องมี ใช้เทคโนโลยี แบบ Line Interactive with AVR (Auto Voltage Regulation) ที่มาพร้อมรูปคลื่น Pure Sinewave Output ทำหน้าที่ปกป้องอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟสูง และต้องการใช้งานต่อเนื่องยาวๆ พร้อมให้ความเสถียรมีเหมาะสม สามารถทำงานได้ต่อเนื่องไม่สะดุด เหมาะสำหรับอุปกรณ์หลากหลาย  ด้วยเอาต์เล็ตเชื่อมต่อแบบ universal ทำให้เชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์ได้ง่าย และรุ่นนี้มีรูปคลื่นแบบ Pure Sinewave Output ทำให้สามารถรองรับอุปกรณ์ได้ทุกประเภท โดยเฉพาะอุปกรณ์ IT ที่ใช้เทคโนโลยี Active PFC Rectifier รวมถึงกลุ่มเป้าหมาย ที่เริ่มตั้งแต่องค์กรขนาดเล็ก ร้านค้า SME Start-Up จบไปถึงองค์กรขนาดกลาง ใช้คู่กับคอมพิวเตอร์ทั่วไป หรือคอมพิวเตอร์สำนักงาน Wifi router จอมอนิเตอร์ อุปกรณ์ IT Gadget อื่นๆ เครื่องสำรองไฟจะทำหน้าที่ จ่ายไฟ ป้องกันไฟดับขณะทำงาน ผู้ใช้จะสามารถทำงานต่อได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง และสามารถปิด window ต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อไฟดับกะทันหัน โดยที่ไม่ทำให้เอกสารเสียหาย และยังป้องกันไฟตก ไฟเกิน ไฟกระชาก เพื่อช่วยถนอมและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ห้าง ร้านค้า Retail ทั่วไป ทั้งขนาดเล็ก จนถึงขนาดใหญ่ จำเป็นต้องใช้เครื่องสำรองไฟฟ้าเช่นกัน เพื่อช่วยธุรกิจดำเนินได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความปลอดภัยของบริษัท เช่น เครื่องสำรองใช้คู่กับเครื่องคิดเงิน (POS) กล้องวงจรปิด (CCTV) คอมพิวเตอร์หรือเซิร์ฟเวอร์ขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นธุรกรรมออน์ไลน์ หรือออนกราวนด์ เครื่องสำรองไฟที่ดี มีคุณภาพ สำรองไฟได้จริงๆ วัตต์เต็ม ป้องกันกัน ไฟตก ไฟกระชาก จะช่วยให้ธุรกิจของท่านดำเนินต่อเนื่องไม่สะดุด สำหรับความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกบ้าน ทุกร้านค้าต้องมี เปรียบเหมือนเป็นหูเป็นตา บันทึกเหตุการณ์ที่สำคัญ และเพิ่มความปลอดภัยให้ธุรกิจ ห้าง ร้าน และบ้านของท่าน

APC Easy UPS Line-interactive SMV มีให้เลือก 3 รุ่น 3 ขนาด รุ่นเริ่มต้น คือ รุ่น SMV1000I-MS ให้กำลังไฟอยู่ที่ 1000VA/700Watt มีพอร์ตเชื่อมต่ออุปกรณ์ 4 ช่อง และ รุ่น SMV2000AI-MS ให้กำลังไฟ 2000VA/1400Watt และ SMV3000AI-MS ให้กำลังไฟ3000VA/2100Watt ทั้ง 2 รุ่นนี้ มีพอร์ตเชื่อมต่ออุปกรณ์ ถึง 6 ช่อง ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ ตามขนาดของโหลดอุปกรณ์ได้อย่างครอบคลุม

APC Easy UPS On-Line SRV เครื่องสำรองไฟระบบ True Online สุดคุ้ม  เป็นเครื่องสำรองไฟฟ้า ที่ใช้เทคโนโลยี True Online Double Conversion ที่ออกแบบมาให้ใช้งานแบบบึกบึน แข็งแรง ทนทาน ยังมาพร้อมกับรูปคลื่นแบบ Pure Sinewave Output เช่นกัน จึงสามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ทุกประเภท รวมถึงอุปกรณ์ IT ที่ใช้เทคโนโลยี Active PFC Rectifier ด้วย ระบบเทคโนโลยีแบบ True Online จ่ายไฟอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการกระพริบของกระแสไฟระหว่างที่ระบบสลับมาใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ หรือเรียกว่า transfer time เท่ากับ 0 (zero) อุปกรณ์ของท่านจะทำงานได้ต่อเนื่อง ไม่สะดุด นิ่ง เรียบ และมีเสถียรภาพสูง จึงเหมาะกับโหลดที่มีความ sensitive สูง

พิเศษรุ่นนี้สามารถต่อขยายแบตเตอรี่ภายนอกได้ เพื่อเพิ่มระยะเวลาสำรองไฟตามความต้องการของท่าน แนะนำให้ใช้คู่กับอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น คอมพิวเตอร์สำหรับการแพทย์ โคมไฟผ่าตัด อุปกรณ์ทางทันตกรรม เครื่องปั่นตัวอย่างเลือด เครื่องให้ออกซิเจน อุปกรณ์ในโรงงานเช่นระบบ PLC เป็นต้น ด้วยการสำรองและการจ่ายพลังงานที่สูงตามต้องการ แบตเตอรี่ทำงานตลอดเวลา ทำให้มั่นใจและรองรับได้ทุกสถานการณ์ ถึงแม้ระบบไฟฟ้าภายนอกจะไม่เสถียร True Online สามารถช่วยให้ทำงานได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ สำหรับ APC Easy UPS On-Line SRV มีให้เลือกหลายรุ่นและหลายรูปแบบ เริ่มต้นตั้งแต่  1,000VA จนถึง 10,000VA  ทั้งรูปแบบตั้งพื้น หรือแบบแร็ค รองรับตามการใช้งานในแต่ละอุปกรณ์ ทั้ง Non-IT หรือ IT Application ที่ต้องการติดตั้งเข้าในระบบหรือเข้าตู้แร็ค สำหรับรองรับ Server หรือ Network และสามารถเลือกรุ่นที่ให้ ระยะเวลาสำรองไฟเพิ่มขึ้น คือ รุ่น Long Battery Up time มากับราคาที่พิเศษสุด รุ่นเริ่มต้น เพียง หมื่นต้นๆ สุดคุ้มจริงๆ

Smart-UPS SRTG On-Line เครื่องสำรองไฟรุ่นล่าสุดรหัสชื่อรุ่น SRTG เปิดตัว 6 ขนาด 5kVA, 6kVA, 8kVA, 10kVA, 15kVA และ 20kVA ด้วยเทคโนโลยี High density, True Online Double Conversion ให้พลังไฟเต็ม (power factor = 1) ตั้งแต่ 5,000 วัตต์ ไปจนถึง 20,000 วัตต์สำหรับสำรองไฟให้อุปกรณ์ไอที และเฉพาะรุ่นขนาด 15kVA และรุ่น 20kVA มีให้เลือกใช้งานกับระบบไฟฟ้าทางด้านขาเข้าทั้งแบบ 1 เฟส และ 3 เฟส

ด้วยการออกแบบที่กะทัดรัด Smart-UPS SRTG On-Line จึงช่วยประหยัดพื้นที่และติดตั้งง่าย ทั้งในรูปแบบตั้งพื้น หรือเข้าตู้แร็ค จึงเหมาะสำหรับห้องไอที ห้อง Edge network และห้อง telecom VOIP เรียกได้ว่าครอบคลุมตู้แร็ค และสภาพแวดล้อมไอทีได้ทุกขนาด ให้ความเสถียรในการใช้งาน ช่วยปกป้องอุปกรณ์ไอทีราคาแพง เช่น เซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มเติมแบตเตอรี่ได้อีกด้วย เพื่อการทำงานที่ต่อเนื่องของอุปกรณ์ในตู้แร็ค

Smart-UPS SRTG On-Line มาพร้อมอินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่ายแบบ Multi-Color LCD ให้รายละเอียด เช่น กระแสขาออก (Output voltage) กระแสขาเข้า (Input voltage) โหลด และสภาพของแบตเตอรี่ (Battery Health) ซึ่งให้ข้อมูลที่แม่นยำ พร้อมความสามารถในการตั้งค่าการทำงาน เช่น กระแสออกและความถี่ ภาษา และการแจ้งเตือน นอกจากนี้ยังมี APC Smart-Slot รองรับการ์ดอุปกรณ์เสริมในการทำงาน

นอกจากนี้ที่สำคัญ Smart-UPS SRTG On-Line ช่วยให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนด้วย Green Mode Efficiency ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ UPS ได้ถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ประหยัดค่าไฟฟ้าและการทำความเย็นโดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ

Smart-UPS SRTG On-Line ยังสามารถใช้งานร่วมกับ EcoStruxure IT Expert ช่วยในการมอนิเตอร์ข้อมูลเชิงลึกต่างๆ และช่วยให้การเหลือปกป้องอุปกรณ์ไอที โดยสามารถการมองเห็นได้ 24/7 แบบเรียลไทม์ และเชื่อมต่อโดยตรงไปยังสมาร์ทโฟนหรือแท็ปเล็ตได้ และเมื่ออัพเกรดเป็น EcoStruxure™ Asset จะมีที่ปรึกษา คอยแก้ไขปัญหาระยะไกลให้ 24×7 เช่นกัน

รวมไปถึงสามารถใช้งาน PowerChute Network Shutdown โดยจะเชื่อมต่อกับ Network Management Card ที่ติดตั้งอยู่กับ UPS ผ่านระบบ Network จะช่วยให้สามารถติดตามและบริหารการทำงานของเครื่องจากระยะไกลได้ซึ่งรวมถึงการควบคุมการ shutdown และ load segment ได้

 นางสาวปวีณา เตชะมงคลศิริ ผู้จัดการช่องทางจัดจำหน่ายค้าปลีก ผลิตภัณฑ์ APC ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จาก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า “เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการเข้าใจความต้องการของลูกค้าและพาร์เนอร์ของเรา ดังนั้นผลิตภัณฑ์จึงถูกพัฒนา และออกแบบตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในปัจจุบันจริง  พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับราคา และความคุ้มค่า เราออกแบบเครื่องสำรองไฟ ให้ตรงตามความต้องการในการใช้งานในปัจจุบันเป็นหลัก ครอบคลุมทุกเซกเม้นต์ ทั้งผู้ใช้ตามบ้าน สำนักงาน เกมส์มิ่ง เอนเตอร์เทนเมนต์ องค์กร ภาคธุรกิจ ทั้งเอสเอ็มอี เฮลธ์แคร์ ห้องไอที ดาต้าเซ็นเตอร์ โรงงาน เรียกได้ว่าครบ จบที่เดียว นอกจากนี้เราให้ความสำคัญ คือคุณภาพของแบตเตอรี่ ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และสำรองได้ตรงตามสเปก ซึ่ง Signature ของเอพีซี ที่ไม่เหมือนใคร คือความใส่ใจให้เรื่องแบตเตอรี่ เรามี Batter Connector อยู่ภายนอก (ตัวต่อขั่วแบตเตอรี่ที่ผู้ใช้ต้องเชื่อมต่อขั่วนี้เมื่อเริ่มใช้งาน ทำให้มั่นใจได้ว่า แบตเตอรี่จะใหม่ทุกเครื่อง และปลอดภัยเมื่อขนย้าย และอีกส่วนที่เราให้ความสำคัญเช่นกัน คือการให้บริการทั้งก่อน และหลังการขาย เรามี Customer Care Center ที่ใช้บริการสอบถาม ทั้งเรื่องการขายหรือเทคนิคคอล สำหรับบริการหลังการขาย เอพีซีเป็นที่แรกในเงื่อนไขการให้บริการ สำหรับ สินค้าในตระกูล Back UPS และ Easy SMV ที่เมื่อเครื่องเสียในประกัน เราเปลี่ยนเครื่องใหม่ Refurbish ให้ฟรีถึงบ้าน Pick Up Service โดยผู้ใช้งาน เพียงโทรมาแจ้งที่ Schneider Customer Care Center วันและเวลาทำการ เพียงแจ้ง serial no หรือใบกำกับภาษีทีซื้อ เอพีซีเริ่มนับประกัน จากวันที่ท่านซื้อ รับประกัน 2-3 ปี แล้วแต่รุ่น รับประกันทั้งตัวเครื่องและแบตเตอรี่ สำหรับ Smart UPS เรารับประกัน แบบ Online Service ถึงบ้านท่านเช่นกัน


 

Exit mobile version