Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัว EV ชาร์จ ตัวแรกของโลกที่สามารถติดตามค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และการปล่อยคาร์บอนได้

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น ปฏิวัติวงการ EV ชาร์จเจอร์ ด้วยการเปิดตัว EVlink อุปกรณ์ชาร์จไฟอัจฉริยะสำหรับบ้าน ในงาน IFA 2022 โดยจะเป็นอุปกรณ์ชาร์จ ตัวแรกของโลกที่สามารถบริหารจัดการโหลดพลังงาน EV จำนวนมากอย่างชาญฉลาดได้จากที่บ้าน พร้อมมุ่งเน้นความสำคัญที่แหล่งพลังงานหมุนเวียนเป็นลำดับแรก

อุปกรณ์ชาร์จ EVlink Home Smart รุ่นใหม่ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค นับเป็นอุปกรณ์แรกในตลาดที่สามารถผสานรวมกับระบบนิเวศด้านการจัดการพลังงานในบ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อตรวจสอบการใช้พลังงาน EV ในแบบเรียลไทม์ คาดการณ์การใช้จ่าย และกำหนดงบประมาณได้อย่างง่ายดาย ด้วยโหมดต่างๆ ถึง 4 โหมด ได้แก่ โหมดชาร์จทันที “charge now” โหมดการชาร์จแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม “green charging” โหมดประหยัดค่าใช้จ่าย “cost effective” และ โหมดกำหนดตารางเวลาในการชาร์จได้เอง “customized schedule” ด้วยการเชื่อมต่อกับระบบ Home Energy ได้อย่างสมบูรณ์ จึงทำให้เจ้าของบ้านสามารถควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดของตน พร้อมทั้งติดตามการใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชันเดียว

อุปกรณ์ชาร์จ EV หรือ EV Charger กำลังเป็นที่ต้องการมากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคต่างเลือกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในรูปแบบที่ให้ความยั่งยืนมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยคาร์บอน แต่การชาร์จรถยนต์ก็จะต้องให้ความสะดวกและมีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง ซึ่ง EV สามารถเพิ่มโหลดพลังงานในบ้านได้ถึง 40% (ไม่ต้องพูดถึงผลกระทบต่อราคาพลังงานที่พุ่งสูงอยู่ก่อนแล้ว) จึงเป็นเรื่องน่ากังวลสำหรับเจ้าของบ้านที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เนื่องจากบ้านเรือนต่างๆ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าการขนส่ง อุตสาหกรรม หรือการผลิตพลังงานอยู่แล้ว

ด้วยความสามารถในการเชื่อมต่ออย่างราบรื่นและสามารถใช้งานร่วมกับระบบ Home automation (แอปฯ Wiser Home Energy Management) ของชไนเดอร์ อิเล็คทริคได้อย่างเต็มรูปแบบ ผู้ใช้จึงสามารถรับมือกับความกังวลทั้งหมดนี้ได้ด้วยการใช้แค่อุปกรณ์ในมือ ผู้ใช้สามารถควบคุมเวลาและวิธีการชาร์จ EV พร้อมปรับสมดุลการชาร์จร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่กินพลังงาน โดยควบคุมผ่านมือถือได้ในทุกที่และทุกเวลาที่ต้องการ

เริ่มใช้โหมด “ประหยัดค่าใช้จ่าย”

เมื่อเปิดใช้งานโหมด ‘ประหยัดค่าใช้จ่าย’ Wiser สามารถช่วยเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่แพง ด้วยการสร้างตารางเวลาในการชาร์จให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดโดยอิงตามอัตราค่าไฟฟ้าที่ถูกที่สุดที่มี สำหรับเจ้าของบ้านที่มีการตั้งค่าจำกัดการใช้พลังงานไว้ Wiser ยังสามารถจัดการการชาร์จให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ได้ ช่วยป้องกันกรณีตรวจจับค่าพลังงานถึงขีดจำกัด เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตลอดเวลา

ระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะของ Wiser จะปรับสมดุลโหลดอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถทำงานอย่างราบรื่น เกิดประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับเจ้าของบ้าน ตัวอย่างเช่น หากเริ่มทำอาหาร Wiser จะทำงานรวมกับอุปกรณ์ต่างๆในครัว เช่น ซิงค์ล้างจาน ฯลฯ เพื่อควบคุมและบริหารการใช้งานพลังงานภายในบ้านได้แบบเรียลไทม์ เพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักหรือการสะดุด มอบความสะดวกสบายสูงสุด เพื่อให้คุณชาร์จรถได้โดยไม่รบกวนการใช้ชีวิตในส่วนอื่นๆ

ก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน (Green mode)

ในปี 2566 นี้ผู้ใช้จะสามารถใช้งาน โหมดพลังงานสีเขียว “green mode” ได้ ซึ่งเจ้าของบ้านสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้อย่างเต็มรูปแบบ ตัวอย่างเช่น หากมีการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ ระบบจะสลับมาใช้แหล่งนี้โดยอัตโนมัติ นอกจากนี้เมื่อมีการเก็บพลังงานแสงอาทิตย์สูงสุด คุณสามารถตั้งค่า EV ให้ชาร์จในช่วงเวลานั้นได้

นอกจากนี้ แอปฯ ยังให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาร์บอนฟุตพริ้นท์ได้ โดยให้ข้อมูลอัปเดตเกี่ยวกับปริมาณการใช้ CO2 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจโดยมีข้อมูลมากยิ่งขึ้น ข้อมูลสำคัญเพื่อทำให้เจ้าของบ้านสามารถประหยัดต้นทุนได้เพิ่มขึ้น

การใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด ช่วยให้ตัดสินใจเกี่ยวกับความยั่งยืนได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้มั่นใจว่ารถยนต์ของเราได้รับการชาร์จและพร้อมสำหรับการใช้งานในเวลาที่เราต้องการ ทั้งหมดนี้ คือการทำให้พลังงานและบ้านของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อเราและเพื่อโลกใบนี้

อุปกรณ์ชาร์จ EVlink Home Smart เป็นอุปกรณ์ล่าสุด ที่เข้ามาเสริมแกร่งให้กับกลุ่มผลิตภัณฑ์การบริหารจัดการพลังงานภายในบ้านได้อย่างชาญฉลาดและยั่งยืน ในสาย EV Charger จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค

EVlink Home – เหมาะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ใช้สำหรับที่พักอาศัยทั่วไป

EVlink Pro AC – สำหรับอาคาร สำนักงาน หรือ โรงงานอุตสาหกรรม

#SEGreatPeople #HomesOfTheFuture #NetZeroHomes #HomeCharging #EVcharging

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลกับคุณ เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทางไปยังคลาวด์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการ ทั้งสำหรับบ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและระบบนิเวศของคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และคุณค่าในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ถอดรหัส AvatarOn A ปลั๊กไฟที่ไม่ใช่แค่ปลั๊กไฟ

สำหรับใครหลายๆ คนเวลาพูดถึงปลั๊กไฟ หรือที่ภาษาช่างเรียกว่า เต้ารับ ส่วนมากมักนึกถึงปลั๊กไฟแบบมี 3 ช่อง กรอบปลั๊กสีขาวพื้นๆ ติดตั้งตามผนังบ้านอย่างที่เห็นกันชินตา แต่ถ้าลองเข้าไปดูในความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ประเภทสวิตช์ไฟและเต้ารับของ “AvatarOn A” จะเห็นถึงความตั้งใจของผู้ผลิตที่ใส่ใจต่อการออกแบบสวิตช์และเต้ารับให้รองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคอย่างแท้จริง

ที่น่าสนใจคือ ในยุคที่ DIY (Do It Yourself) ต้องมา ทั้งสะดวก ประหยัด ปรับแต่งได้ดั่งใจ ซ้ำยังภาคภูมิใจอีกต่างหาก การนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมาผสมผสานเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น ความสะดวกในการติดตั้งแบบที่เรียกว่า เทคโนโลยี Easy Clip ช่วยให้ติดตั้งปลั๊กไฟได้อย่างง่ายดาย รวดเร็วและปลอดภัย

นับเป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้ AvatarOn A ชนะใจคณะกรรมการคว้ารางวัลแบรนด์ยอดเยี่ยมแห่งปี ในสาขา Best Home Solution Influencer Campaign จากงาน Thailand Influencer Awards 2021 พลิกโฉมวงการสวิตช์ไฟ สำหรับบ้านและที่พักอาศัยยุคใหม่ ในฐานะที่เป็นสวิตช์ไฟที่ให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกในการออกแบบสวิตช์ไฟและเต้ารับได้อย่างอิสระตามสไตล์ที่ชื่นชอบ

ในส่วนของสวิตช์ไฟนั้นเมื่อคราวเปิดตัว AvatarOn A รูปลักษณ์ภายนอกที่ออกแบบให้ไร้กรอบ ตอบโจทย์ทุกดีไซน์ เรียบและกลมกลืนไปกับผนังที่ติดตั้ง รวมทั้งสีสันที่มีให้เลือกไม่เพียงแค่สีขาว แต่ยังเพิ่มสีดำและสีเทา รวมเป็น 3 ตัวเลือกเพื่อให้เหมาะกับการออกแบบตามสไตล์ของผู้บริโภค เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็น เนื่องจากในสายงานออกแบบจะทราบดีว่าสีดำ-ขาว ยังคงเป็นสีคลาสสิกตลอดกาลและไม่เคยตกยุค ให้ทั้งความหรู ดูดี มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ไม่เพียงเท่านั้น ประเด็นของการใช้งานที่ผู้ผลิตให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 ทั้งในแง่ของประโยชน์ใช้สอยให้ครอบคลุมในทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน และเหนืออื่นใดคือความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยผ่านการรับรองตามมาตรฐานทั้งของประเทศไทยและสากล มีตรา มอก. และ IEC เป็นการันตี บนฐานของการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการใช้งานของผู้บริโภคทุกวันนี้ ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์กับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี โดยเพิ่ม USB Type C รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกรูปแบบ

เพราะปลั๊กไฟในปัจจุบันไม่ได้เป็นแค่ปลั๊กไฟ แต่เป็นหัวใจสำคัญของบ้านที่จะขาดเสียมิได้!

เหตุผลของการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทสวิตช์และปลั๊กไฟให้มีความหลากหลายนั้น ประเด็นสำคัญคือการเพิ่มทางเลือกให้สอดรับและเหมาะสมกับฟังก์ชั่นการใช้งานของแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่ห้องนอนไปจนถึงห้องน้ำ รองรับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีหลากประเภทตั้งแต่หม้อหุงข้าวไปจนถึงสมาร์ทโฟน

Put the Right Man on the Right Job ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น แต่ละห้องในบ้านมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต่างกัน ฉะนั้นการเลือกสวิตช์และปลั๊กไฟจึงควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของแต่ละพื้นที่เช่นกัน

ตัวอย่างเช่น “ห้องนอน” ห้องแห่งการพักผ่อน ชาร์จแบตเตอรี่ยามที่เหนื่อยล้าจากภารกิจนอกบ้าน หัวใจสำคัญของห้องอยู่ที่หัวนอน การติดตั้งสวิตช์และปลั๊กไฟที่หัวเตียง ควรเลือกปลั๊กไฟแบบที่มี USB Port ด้วย เพื่อรองรับการใช้งานสมาร์ทโฟน ขณะที่สวิตช์ไฟถ้าใช้แบบดิมเมอร์ สามารถหรี่ไฟปรับบรรยากาศสำหรับการพักผ่อนได้อย่างเต็มที่และตื่นขึ้นพร้อมรับวันใหม่อย่างสดใส

“ห้องโถง” หรือ “ห้องนั่งเล่น” เนื่องจากเป็นห้องอเนกประสงค์ที่ทุกคนใช้ทำกิจกรรมร่วมกัน นอกจากตำแหน่งของปลั๊กไฟที่ไม่ควรอยู่ในระดับที่ต่ำเกินไปเพื่อป้องกันเด็กเล็กแล้ว การเลือกปลั๊กที่มีม่านนิรภัยเป็นการเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง รวมทั้งสวิตช์ไฟแบบ 2 ทางเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เช่นในจุดเชิงบันไดเพื่อจะสามารถปิด-เปิดไฟในส่วนของชั้นบนของอาคารได้อีกด้วย หรือ การติดสวิตช์ 2 ทางบริเวณหัวนอนก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ไม่เลว สามารถเปิด-ปิดไฟได้โดยไม่ต้องลุกจากเตียงนอน เป็นต้น ซึ่งเราสามารถเลือกสีสวิตช์ไฟให้แตกต่างเพื่อง่ายในการจดจำ

ห้องที่เป็นเสบียงคลังของบ้าน อย่าง “ห้องครัว” อุปกรณ์ที่ใช้งานในพื้นที่นี้มักเป็นอุปกรณ์ที่ต้องเสียบปลั๊กแทบจะตลอดเวลา เช่น ตู้เย็น หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำ ฯลฯ ควรเลือกใช้ปลั๊กไฟแบบที่มีสวิตช์ปิด-เปิด เพื่อว่าจะไม่ต้องถอดปลั๊กทุกครั้งที่เลิกใช้งาน และควรเลือกสเปคที่รองรับกำลังวัตต์สูงอย่างน้อย 2,500 วัตต์ ส่วนห้องสุดท้ายที่จะขาดไปเสียไม่ได้คือ “ห้องน้ำ” การติดตั้งปลั๊กไฟควรเลือกชนิดที่มีฝาครอบกันน้ำจะดีที่สุด

หยิบเอาสาระน่าสนใจเหล่านี้มาเล่าสู่กันฟังเป็นข้อคิดพิจารณา เพราะฟังก์ชั่นครบ ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน…เช่นนี้ไม่รัก AvatarOn A ได้อย่างไร!


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ร่วมมือสร้างความยั่งยืนด้วยดิจิทัล ในแผนยุทธศาสตร์ PEA Digital Utility

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) เดินหน้าร่วมมือองค์กรชั้นนำ รุกสร้างความยั่งยืนด้วยระบบดิจิทัล นำทีมโดย นายมงคล ตั้งศิริวิช (ขวาสุด) รองประธานกลุ่ม Strategic Accounts ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา จับมือบริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำโดยนายอมร แดงโชติ (ที่สองจากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจ บริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด บริษัทในเครือ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญางานจ้างเหมาติดตั้งระบบ SCADA Smart Grid ADMS สำหรับระบบจำหน่ายแรงต่ำ กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำโดย นายปราโมทย์ สุดทรัพย์ (ที่สองจากซ้าย) รองผู้ว่าการปฏิบัติการและบำรุงรักษา การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นโครงการนำร่องในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยพิธีลงนามสัญญามีขึ้น ณ อาคารศูนย์สั่งการระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็วๆ นี้ (25 สิงหาคม 2565)

นับเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือในการผลักดันสร้างความยั่งยืนร่วมกันภายใต้แผนยุทธศาสตร์ PEA Digital Utility ซึ่งสอดรับกับแคมเปญ Green Heroes for Life ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ร่วมกันจัดการระบบพลังงานและดิจิทัล เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นและโลกที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น #GreenHeroesforLife


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ โชว์นวัตกรรมงาน Future Energy Asia

นายมงคล ตั้งศิริวิช รองประธานกลุ่ม Strategic Accounts ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา นำทีมนวัตกรรมของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทราส์ฟอร์เมชั่น ด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เดินหน้าชูนวัตกรรมที่ช่วยให้โลกยั่งยืนในงาน Future Energy Asia และ Future Moblity Asia 2022 ซึ่งเป็นงานที่รวมนวัตกรรมในการจัดการพลังงาน งานนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำด้วยนวัตกรรมไฮไลท์อาทิ สวิตช์เกียร์ GM AirSeT และ SM AirSeT นวัตกรรมใหม่ที่ใช้อากาศบริสุทธิ์แทนก๊าซ SF6 ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยให้ระบบไฟฟ้า อุตสาหกรรมและอาคารลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาและการดำเนินงาน พร้อมด้วย EcoStruxure Building แพลตฟอร์มสำหรับอาคารที่เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการพลังงานในอาคารให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน  และสร้างความยั่งยืน สามารถเชื่อมต่อกับระบบ EV Charger เพื่อทำการมอนิเตอร์และควบคุมได้จากที่เดียว

นอกจากนี้ภายในบูธ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ สำหรับธุรกิจในยุค 4.0 เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อยอดความยั่งยืนขององค์กร อาทิ ระบบแรงดันไฟฟ้าต่ำ โซลูชันไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ โซลูชันบริการดูแลรักษาระบบไฟฟ้าด้วย IoT: EcoStruxure Service Plan รวมไปถึง โซลูชันซอฟต์แวร์จาก AVEVA เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ระดับโลก สำหรับอุตสาหกรรมและอาคารในแบบ End-to-End  โดยงานมีขึ้นที่ ไบเทค บางนา เมื่อเร็วๆ นี้

ค้นหาเทคโนโลยีด้านพลังงานล้ำหน้าได้ที่ https://www.se.com/th/th/work/campaign/innovation/overview.jsp


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ จัดทัพนวัตกรรมบุกงาน Future Energy Asia และ Future Mobility Asia 2022

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำระดับโลกด้านดิจิทัลทราส์ฟอร์เมชั่น ด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เดินหน้าชูนวัตกรรมที่ช่วยให้โลกยั่งยืนในงาน Future Energy Asia และ Future Moblity Asia 2022 ซึ่งเป็นงานที่รวมนวัตกรรมในการจัดการพลังงาน งานนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นำด้วยนวัตกรรมไฮไลท์อาทิ สวิตช์เกียร์ GM AirSeT และ SM AirSeT นวัตกรรมใหม่ที่ใช้อากาศบริสุทธิ์แทนก๊าซ SF6 ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยให้ระบบไฟฟ้า อุตสาหกรรมและอาคารลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาและการดำเนินงาน พร้อมด้วย EcoStruxure Building แพลตฟอร์มสำหรับอาคารที่เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการพลังงานในอาคารให้มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน  และสร้างความยั่งยืน สามารถเชื่อมต่อกับระบบ EV Charger เพื่อทำการมอนิเตอร์และควบคุมได้จากที่เดียว

นายมงคล ตั้งศิริวิช รองประธานกลุ่ม Strategic Accounts ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า “องค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้ช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2020-2030 เป็นทศวรรษแห่งการดำเนินการ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่รุนแรงที่สุดของมนุษย์ โลก และเศรษฐกิจจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ องค์กรต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เราจึงทุ่มเทวิจัยผลิตภัณฑ์ในเชิงกลยุทธ์และยุทธวิธีที่ครอบคลุมเพื่อต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน วันนี้เราจึงมีการเปิดตัวตู้สวิตช์เกียร์รุ่นใหม่ GM AirSeT และ SM AirSeT ซึ่งไม่ใช้ก๊าซ SF6 ในตู้และอุปกรณ์ย่อยภายในเพื่อเป็นฉนวนอีกต่อไป แต่ใช้อากาศบริสุทธิ์แทน นับว่าเป็นความท้าทายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการคิดค้นการใช้อากาศบริสุทธิ์แทนก๊าซ SF6 แต่ยังคงประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวมและขนาดของตู้ขนาดเท่าเดิม”

ตู้สวิตช์เกียร์ GM AirSeT เทคโนโลยี GIS (Gas Insulated Substation) ชนิดแบบ Primary และตู้สวิตช์เกียร์ SM AirSeT เทคโนโลยี AIS (Air Insulated Substation) ชนิดแบบ Secondary มาพร้อมเซ็นเซอร์อัจฉริยะแบบฝังตัว ยังคงเปี่ยมขุมพลังแห่งดิจิทัลด้วย แพลตฟอร์ม EcoStruxure ช่วยให้สามารถมอนิเตอร์ข้อมูลและมีประสทธิภาพในการควบคุม รวมถึงการตรวจสอบประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน การจ่ายไฟฟ้าและจะช่วยให้สามารถบำรุงรักษาเชิงป้องกันและพยากรณ์การซ่อมบำรุงได้ ผู้ดูแลสามารถตรวจสอบการทำงานทั้งหมดได้จากระยะไกล ข้อมูลเชิงลึกจะถูกป้อนเข้าสู่เครื่องมือวิเคราะห์บนคลาวด์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ โดย GM AirSeT เหมาะสำหรับโรงไฟฟ้า อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ดาต้าเซ็นเตอร์ และกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ขณะที่ SM AirSeT เหมาะสำหรับ คอนโดมิเนียม อาคารขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ฯลฯ

นอกจากนี้ในงาน Future Energy Asia 2022 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังจัดแสดงแพลตฟอร์มดิจิทัล EcoStruxure Building นวัตกรรมล้ำสมัยสำหรับอาคาร ช่วยในการบริหารจัดการและควบคุมการใช้พลังงาน ทั้งเรื่องของ HVAC หรือ Heating (การทำความร้อน) V-Ventilation (การระบายอากาศ) และ AC-Air Conditioning (การปรับอากาศ) นวัตกรรมดังกล่าวช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น ด้วยโซลูชันอัจฉริยะที่ช่วยทั้งเรื่องการควบคุม มอนิเตอร์ และการวิเคราะห์ข้อมูล ที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่าใช้จ่าย โดยไม่จำเป็นต้องแบกรับความซับซ้อนด้านไอที ทั้งในการติดตั้งและบำรุงรักษาที่คาดการณ์ไม่ได้ โดย EcoStruxure Building สามารถใช้ผ่านเว็บไซต์และมือถือช่วยให้เจ้าของอาคาร ผู้ดูแล และผู้ปฏิบัติการอาคารได้เห็นภาพสถานะของโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของตน ช่วยให้สามารถติดตามการใช้พลังงาน รวมทั้งควบคุมประสิทธิภาพได้อย่างง่ายดาย

พร้อมกันนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังไปเปิดตัว โซลูชั่นสำหรับ EV Charger ช่วยในเรื่องการบริหารจัดการพลังงานได้อย่างดี สำหรับอาคาร และสำหรับสถานีชาร์จไฟฟ้า อาทิ EcoStruxure EV Advisor, EcoStruxure EV Changing Expert รวมไปถึงการเปิดตัว EV Charger รุ่นใหม่สำหรับอาคารและที่พักอาศัย ซึ่งนับเป็นไฮไลท์สำคัญสำหรับอาคารในอนาคตอีกด้วย โดยผลิตภัณฑ์ EV Changer ที่เปิดตัวล่าสุดได้แก่ EVlink Pro AC ซึ่งมาพร้อมกับระบบป้องกันแบบ Built – in ภายใน สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้และรองรับ NFC ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน และสร้างความยั่งยืนสำหรับอาคาร เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เพิ่มเวลาทำงานและประสิทธิภาพสูงสุด และรับประกันประสบการณ์ผู้ใช้ที่ราบรื่นสำหรับผู้ติดตั้ง EV ผู้ปฏิบัติงาน และผู้ขับขี่

ภายในงาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้นำเทคโนโลยี Wiser Home Control ระบบควบคุมบ้านอัจฉริยะสำหรับอัพเกรดบ้านให้ทันสมัยมากขึ้น ครบเครื่องตัวช่วยยุคใหม่ในการจัดการบ้าน ยุค 4.0 ผู้ใช้สามารถสั่งเปิด-ปิด ตั้งค่าอัตโนมัติต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟนหรือแท็ปเล็ต เช่น ระบบแสงสว่าง เครื่องปรับอากาศ เครื่องเสียง สมาร์ททีวี ชุดโฮมเธียร์เตอร์ ระบบม่าน กล้อง CCTV และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ พร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อและทำงานผสานร่วมกับระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่มีขนาดจิ๋ว ติดตั้งง่าย ได้อีกด้วย เช่นนำไปติดตั้งที่ประตู หน้าต่าง ใต้อ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ เพื่อตรวจสอบน้ำรั่วได้อีกด้วย

ภายในบูธ ยังมีเทคโนโลยีอื่นๆ สำหรับธุรกิจในยุค 4.0 เพื่อเป็นเครื่องมือในการต่อยอดความยั่งยืนขององค์กร อาทิ ระบบแรงดันไฟฟ้าต่ำ โซลูชันไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ โซลูชันบริการดูแลรักษาระบบไฟฟ้าด้วย IoT: EcoStruxure Service Plan รวมไปถึง โซลูชันซอฟต์แวร์จาก AVEVA เทคโนโลยีซอฟต์แวร์ระดับโลก สำหรับอุตสาหกรรมและอาคารในแบบ End-to-End

สำหรับผู้ที่สนใจเทคโนโลยี นวัตกรรมด้านความยั่งยืนของชไนเดอร์ อิเล็คทริค พบกันได้ในงาน Future Energy Asia และ Future Mobility 2022 สามารถเยี่ยมชม ได้ที่ ฮอลล์ 98 บูธ MK01  ณ ไบเทค บางนา ในวันที่ 20-22 กรกฎาคม 2565 นี้ พลาดไม่ได้ กับสิทธิพิเศษสำหรับท่านที่ลงทะเบียนเข้าชมบูธล่วงหน้าที่ https://bit.ly/3c6uqzw  และเพียงโชว์อีเมลยืนยันการลงทะเบียนที่หน้างาน รับฟรีของที่ระลึกสุดพิเศษจากชไนเดอร์ อิเล็คทริค


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จับมือ ยูโอบี เพิ่มทางเลือกสำหรับธุรกิจที่ต้องการบริหารจัดการพลังงาน

นายสเตฟาน นูสส์ (Stephane NUSS) (ด้านบนจอขวา) ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ และนายธนากร วงศ์วิเศษ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลประเทศไทย เมียนมา และลาว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ร่วมงานเปิดตัว U-Energy แพลตฟอร์มสินเชื่อเพื่อการอนุรักษ์พลังงานแบบครบวงจรแห่งแรกในเอเชีย ของธนาคารยูโอบี ที่ออกแบบมาเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมการดำเนินโครงการอนุรักษ์พลังงานสำหรับอาคารและที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้มุ่งมั่นในการมีส่วนร่วมเพื่อให้ธุรกิจในประเทศไทยได้สามารถสร้างความยั่งยืนด้วยการบริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีสีเขียว เพื่อให้ธุรกิจได้บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนที่ตั้งไว้ ซึ่งงานนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน เป็นประธาน โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นที่โรงแรม เดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

บริการดูแลระบบไฟฟ้ายุค IoT กันไว้ดีกว่าแก้

โดย ยอน เรนาด หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญการปฏิบัติงานด้านบริการระดับโลก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค

IoT ยังไม่ถูกใช้อย่างเต็มศักยภาพในปัจจุบัน

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) พบว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เชื่อมต่อ IoT จะมีการเติบโตมหาศาล โดยคาดการณ์ว่าจะทะลุ 30.9 พันล้านอุปกรณ์ ภายในปี 2568  ทว่าอินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง หรือ IoT ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น แม้ว่าแนวคิดและการนำ IoT มาประยุกต์ใช้ จะพัฒนาอย่างมีนัยสำคัญ นับตั้งแต่ที่มีการเริ่มใช้คำนี้มานานกว่าสองทศวรรษ ถึงกระนั้นก็ตาม หลายบริษัทยังคงพลาดโอกาสมากมายในการปรับปรุงธุรกิจให้มีความยืดหยุ่น ยั่งยืน และสร้างมูลค่าได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น  IoT มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับเศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2573 โดยประมาณอยู่ที่ 14 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการปรับปรุงด้านเทคโนโลยี ก็จะไม่สามารถบรรลุตัวเลขนี้ได้ เช่น การผสานรวมการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) และเทคโนโลยีการดำเนินงาน (OT) ได้ดียิ่งขึ้น ด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น การปรับปรุงความยั่งยืน การแก้ไขปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน และการให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

เทคโนโลยียังคงพัฒนาและได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายใหม่ๆ

Covid เป็นปัจจัยที่เร่งให้บริษัทต่างๆ นำ IoT มาใช้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น มีรายงานว่า 48% ของระบบสาธารณูปโภค ได้เร่งปรับใช้ IoT เพื่อตอบสนองความท้าทายที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการระบาดของโควิด จึงนับเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า IoT ให้ประโยชน์อย่างมากจนมีการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาเป็นแนวทางหลักในการทำงาน

นั่นเป็นเพราะว่า IoT สามารถตอบโจทย์ปัญหาบางประการที่เป็นจุดบอดใหญ่ที่สุดของธุรกิจได้ เช่น การตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้าจากระยะไกล และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งนี้การนำเทคโนโลยีและอุปกรณ์ IoT ระบบดิจิทัลที่เชื่อมต่อกันได้อย่างฉลาดมาใช้ จะช่วยให้บริษัทต่างๆ ปลดล็อกแหล่งข้อมูลใหม่เกี่ยวกับประสิทธิภาพของอุปกรณ์ได้ โดยสามารถนำข้อมูลดังกล่าวมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งช่วยป้องกันปัญหา และเพิ่มอายุการใช้งานของอุปกรณ์ รวมถึงช่วยให้ดำเนินงานได้ยืดหยุ่นและให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานมากขึ้น

ตัวอย่างเช่น IoT ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นจากแนวทางปฏิบัติด้านการบำรุงรักษาที่ดีขึ้น

IoT ช่วยเพิ่มความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงด้วยการช่วยให้พลังงาน อุปกรณ์ และกระบวนการต่างๆ ดำเนินไปตามแนวทางปฏิบัติด้านการบำรุงรักษาที่ดียิ่งขึ้น อาทิ เซ็นเซอร์วัดความชื้นหรืออุณหภูมิของอุปกรณ์ อย่าง หม้อแปลงไฟฟ้า และสวิตช์เกียร์ ซึ่งจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็นความรู้เพื่อใช้บ่งชี้และคาดการณ์ถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้

ข้อมูลดังกล่าว ช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษาโดยช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถคาดการณ์ความล้มเหลวของอุปกรณ์ และระบุระยะเวลาการซ่อมที่เหมาะสม แทนที่จะทำตามเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า โดยไม่ต้องรอให้อุปกรณ์เสียหายก่อน การเตือนล่วงหน้าช่วยป้องกันการหยุดทำงาน ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ และสร้างระบบให้บริษัทต่างๆ กำหนดแนวทางในการเปลี่ยน ปรับปรุง และซ่อมแซมอุปกรณ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางที่สร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

ความสามารถด้านดิจิทัลของ IoT ยังช่วยขับเคลื่อนความริเริ่มด้านความยั่งยืนในหลายโครงการและช่วยให้ใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด

บริษัทที่เพิ่มความสามารถด้านดิจิทัล จะสามารถตรวจสอบ รวบรวม และวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยข้อมูลพวกนี้ล้วนนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นและช่วยขับเคลื่อนการดำเนินการด้านการใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดการสูญเสีย

IoT ช่วยชี้ให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าพลังงานถูกใช้ไปในส่วนใดบ้าง รูปแบบการใช้เป็นอย่างไร และส่วนใดที่มีการใช้พลังงานมากที่สุด ซึ่งแดชบอร์ดและรายงานการใช้พลังงาน ช่วยให้ทีมสามารถกำหนดค่าพื้นฐาน พร้อมติดตามความคืบหน้าของโครงการในด้านประสิทธิภาพพลังงานได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย อีกทั้งยังแนะนำการปรับการดำเนินงานในไซต์งานได้อย่างเหมาะสมที่สุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดและหลีกเลี่ยงการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น

มุมมองด้าน IoT ที่เป็นตัวเปลี่ยนโฉมหน้าของเกมได้มากที่สุด คือความสามารถในการคาดการณ์อนาคต แทนที่จะใช้วิธีตั้งรับแบบเดิม IoT ช่วยให้บริษัทต่างๆ คาดการณ์อนาคตและตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลจริง

ตัวอย่างเช่น หลายอุตสาหกรรมล้วนพึ่งพาพลังงานที่ให้ความต่อเนื่อง เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานระบบสำคัญทำงานต่อไปได้ และหลีกเลี่ยงการเกิดไฟฟ้าขัดข้องและการหยุดชะงักของระบบโดยที่ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า ทั้งนี้ ผลการวิจัยของการ์ทเนอร์ ยังระบุว่า ผลกระทบด้านค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการที่อุปกรณ์ไฟฟ้าทำงานบกพร่องเนื่องจากการเกิด Downtime ของเครือข่ายดาต้าเซ็นเตอร์เพียงอย่างเดียว อยู่ที่ประมาณ 5,600 เหรียญสหรัฐต่อนาที ซึ่งการนำ IoT มาช่วยปรับปรุงด้านการบำรุงรักษาช่วยลดความเสี่ยงเรื่อง Downtime ได้

สิ่งที่เป็นอันตราย อย่างการเกิดไฟไหม้จากระบบไฟฟ้าขัดข้อง ก่อให้เกิดความเสียหายได้มากกว่าเรื่องการเสียเงิน เพราะคุกคามถึงชีวิตและเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งการใช้แบบจำลองการคาดการณ์ที่สร้างขึ้นโดยใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ IoT ที่ติดอยู่ที่อุปกรณ์ เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถระบุความเสี่ยงได้ เช่น ประกายไฟที่เกิดจากอาร์คหรือการเสื่อมสภาพที่อาจทำให้เกิดการระเบิด

เพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้ ธุรกิจควรนำบริการด้านข้อมูลจาก IoT มาใช้ให้ครอบคลุมทั้งในส่วนของกิจกรรมต่างๆ ในระบบอัตโนมัติของอุตสาหกรรมและการบริหารจัดการพลังงาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นผู้นำบริการด้านข้อมูลที่ให้ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ให้ประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เจาะลึกถึงวิธีการใช้ IoT สำหรับระบบการจ่ายไฟฟ้า

เรียนรู้เคล็ดลับเรื่องการบำรุงรักษาในยุคที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ในการช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของระบบไฟฟ้า คลิก https://www.se.com/th/th/work/services/


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สวิตช์ไฟ กับการบ่งบอกรสนิยม

เทรนด์การแต่งบ้านสไตล์มินิมอลกำลังมาแรง! และได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ สไตล์การตกแต่งที่เรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น หากแต่มากด้วยประโยชน์ ตอบสนองการใช้งานได้อย่างครบถ้วน แบบ Less is more น้อยแต่มากไปด้วยคุณภาพ

สวิตช์ กับเต้ารับหรือที่เรียกกันว่า ปลั๊กไฟ อาจจะดูเป็นของพื้นๆ บ้านไหนๆ ก็มีเหมือนกัน แต่ใครจะคิดว่าแค่สวิตช์ไฟก็ทำให้บ้านดูชิคๆ คูลๆ ชวนให้น่าค้นหานับตั้งแต่ย่างเท้าเข้าบ้าน

ด้วยการออกแบบรูปทรงที่ประณีต ใส่ใจในทุกรายละเอียดของการใช้งาน ผสานกับการดีไซน์รูปแบบที่มีหลากหลาย ตอบโจทย์ครบถ้วน ทั้งความสวยล้ำ รับกับการใช้งานในยุค 5G หน้าสวิตช์ยังเรียบเสมอกับระดับผนังจึงเนียนเป็นหนึ่งเดียวไปกับการแต่งบ้าน ตอบโจทย์ความเป็นคุณได้มากยิ่งขึ้น

เริ่มจาก “สวิตช์ไฟ” หน้าของสวิตช์ที่มีให้เลือกขนาดความกว้างได้ 3 ขนาด ขนาดเล็ก-เท่ากับสวิตช์ไฟทั่วไป ขนาดกลางกลาง-กว้างขึ้นเป็น 1 เท่าครึ่ง และขนาดใหญ่-2 เท่าของขนาดกลาง หรือ 3 เท่าของขนาดเล็ก ทำให้สามารถใช้งานได้ถนัดมือ และแลดูยูนีค จะสัมผัสด้วยปลายนิ้ว ข้อนิ้ว หรือข้อศอกได้ทั้งสิ้น เพียงคลิ๊กเดียวเบาๆ สว่างไสว สร้างความอุ่นใจในความปลอดภัย

มากไปกว่านั้นคือ โทนสีของสวิตช์และเต้ารับที่ผ่านการคิด วิเคราะห์ และตั้งใจคัดสรรจากประสบการณ์อันยาวนานในการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ผลิตภัณฑ์เพื่อคนรักบ้านและที่อยู่อาศัย พบว่า สีขาว เทา และดำ เป็นสีที่สุดคลาสสิค เข้ากับทุกสไตล์การแต่งบ้าน สามารถมิกซ์แอนด์แมตช์ ผสมผสานและออกแบบจับคู่การใช้งานร่วมกันได้อย่างง่ายดายทั้งสวิตช์และเต้ารับ เนื่องจากถูกออกแบบโดยใช้กลไกแบบแยกส่วน จะเป็นแนววินเทจ เท่ๆ หรือจะแนวพาสเทล นุ่มๆ โรแมนติกๆ ก็ลงตัวกลมกลืนเป็นที่สุด

ทั้งยังทะลุกรอบไปอีกให้สามารถติดตั้งสวิตช์ไฟเป็นแนวตั้งหรือแนวนอนได้ตามความถนัดของการใช้งานและรสนิยม ด้วยความยืดหยุ่นที่ไม่ได้จํากัดเฉพาะการใช้งานเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงสไตล์ความเป็นตัวตนของคุณ

ส่วน “เต้ารับ” หรือ ปลั๊กไฟ มีทั้ง เต้ารับ 3 ขาเดี่ยว เต้ารับ 3 ขาคู่ ที่เพิ่มสวิตช์ปิด-เปิด เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานในกรณีที่ใช้กับเครื่องใช้ในบ้านที่ต้องเสียบปลั๊กแทบจะตลอดเวลา เช่น หม้อหุงข้าว ไมโครเวฟ กาต้มน้ำร้อน พัดลม ฯลฯ โดยไม่ต้องถอดสาย เป็นการเพิ่มความสะดวก ปลอดภัยและลดความเสื่อมของสายอุปกรณ์ไปด้วย

อีกความพิเศษที่ยุคนี้ต้องมีคือ เต้ารับแบบ USB ที่ไม่ใช่แค่แบบ type A แต่ AvatarOn A ถือเป็นเจ้าแรกที่มี USB type C เข้ามาเป็นอีกตัวเลือก รองรับการชาร์ตไฟได้ถึง 12 วัตต์ จึงวางใจได้เมื่อใช้ที่หัวเตียง และยังมีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้งานต่างๆ อีกมากมาย เช่น เต้ารับสำหรับโทรศัพท์ เต้ารับสำหรับทีวี เต้ารับสายแลน สวิตช์แบบหมุนสำหรับไฟหรี่ หรือสำหรับควบคุมพัดลม

สำหรับคนเจนวาย เจนซี ที่นิยมการดีไอวาย ออกแบบเอง เลือกเอง ลงมือเอง มีทริคเล็กๆ น้อยมาฝาก เพราะสีสันไม่ได้มีดีแค่ความสวยงามหรือรสนิยม แต่ยังช่วยสร้างการจดจำได้ดี

เมื่อตอนเปิดตัว AvatarOn A ประเด็นหนึ่งที่สร้างความประทับใจอย่างมากให้กับผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคนรักการแต่งบ้านคือ เรื่องของสีสัน เพราะการติดตั้งสวิตช์ไฟเดี่ยวอาจเป็นเรื่องของความเนียนไปกับดีไซน์ของบ้าน แต่บางจุดที่ต้องมีสวิตช์ไฟมากกว่า 1 นี่สิ บางครั้งก็สร้างความสับสนว่าสวิตช์ไหนเป็นไฟจุดไหนของบ้าน ทริคหนึ่งของการสร้างการจดจำคือ การใช้สี เช่น กำหนดให้สวิตช์ไฟโถงเป็น “สีขาว” ไฟบันไดเป็น “สีเทา” และไฟทางเดินเป็น “สีดำ” เป็นต้น

ด้วยเชื่อว่าความเป็นตัวตน (signature) นั้นสำคัญ AvatarOn A จึงไม่หยุดที่จะพัฒนาบนพื้นฐานความคิดที่ถือเอาผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เพื่อทุกตอบโจทย์ของการดีไซน์ หรือแม้กระทั่ง ช่องทางการหาซื้อก็มีหลายช่องทาง เช่นร้านไฟฟ้าชั้นนำ ร้านวัสดุก่อสร้าง และช่องทางออนไลน์ เรียกได้ว่าอยู่กับบ้านก็สั่งได้


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เดินหน้าโชว์นวัตกรรมสุดล้ำสำหรับอนาคต ในงาน Assembly & Automation Technology 2022

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชั่น เตรียมจัดทัพเดินเกมรุกโชว์นวัตกรรม Next Generation Automation สำหรับโลกอุตสาหกรรม 4.0 ในงาน Assembly & Automation Technology 2022 พร้อมเปิดตัวโซลูชั่นใหม่สุดล้ำอนาคต

  • Lexium™ MC12 multi carrier ระบบการลำเลียงในสายการผลิตรุ่นใหม่ ที่มุ่งแก้ pain point สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต มีจุดเด่นด้านการติดตั้งและการออกแบบได้อย่างรวดเร็ว ด้วยอุปกรณ์การติดตั้งและการประกอบแบบโมดูล มาพร้อมซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถออกแบบและจำลองกระบวนการได้ล่วงหน้า
  • Co-Bot หุ่นยนต์อัจฉริยะสำหรับอุตสาหกรรม Health Care มีความสามารถในการจดจำภาพสภาพแวดล้อมในการทำงาน ผสานการตั้งโปรแกรมในการทำงานได้อย่างแม่นยำ เป็นผู้ช่วยมือฉมังในการทำงานแบบซ้ำๆ ช่วยลดโหลดและเวลาของเจ้าหน้าที่
  • Proface ST6000 มอนิเตอร์สำหรับอุตสาหกรรมรุ่นล่าสุด Basic HMI ระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุด BLUE ให้ภาพคมชัดแบบสามมิติ มีหน้าจอให้เลือกหลายขนาด เชื่อมต่อกับเครื่องมือควบคุมแบบมอนิเตอร์ บนคลาวด์อย่างไร้รอยต่อ
  • พร้อมพบกับซอฟต์แวร์แบบ end to end โซลูชั่น จาก AVEVA ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ ที่จะเปลี่ยนโรงงานธรรมดาให้เป็นโรงงานอัจฉริยะ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถมาร่วมงาน Assembly&Automation Technology 2022 เยี่ยมชมนวัตกรรมล่าสุดของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ที่ ฮอลล์ 101 บูธ 1G21  ณ ไบเทค บางนา ในวันที่ 22-25 มิถุนายน 2565 นี้ พลาดไม่ได้ กับสิทธิพิเศษสำหรับท่านที่ลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าที่ https://bit.ly/3QjSWwq และเพียงโชว์อีเมลยืนยันการลงทะเบียนที่หน้างาน รับฟรีของที่ระลึกสุดพิเศษจากชไนเดอร์ อิเล็คทริค


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค แตกไลน์อีคอมเมิร์ซ เพิ่มช่องทางการซื้อ นำร่องกับผู้ประกอบการโรงตู้

ไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) รุกทำการตลาดออนไลน์ เปิดเว็บ shop-th.se.com เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา นำร่องกับกลุ่มคู่ค้าผู้ประกอบการโรงตู้ ตอบโจทย์ธุรกิจคู่ค้าที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เพิ่มความสะดวก วางแผนได้ และรวดเร็วในการสั่งสินค้า ลดกระบวนการที่สิ้นเปลืองเวลา  พร้อมอัดโปรเด็ด เพียงสมัครสมาชิกในเว็บวันนี้ ส่งฟรีไม่มีขั้นต่ำ พร้อมส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าใหม่สูงสุดถึง 600 บาท

ที่ผ่านมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประสบความสำเร็จในการเพิ่มช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์ ในมาร์เก็ตเพลสเช่น Shopee และ Lazada มาอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับบ้าน อาทิ สวิตช์ไฟ เบรกเกอร์ เครื่องสำรองไฟ และผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรม เช่น ปุ่มกดและอุปกรณ์อื่นๆ ในโรงงาน โดยมีการร่วมทำกิจกรรมโปรโมชั่น สร้างความเคลื่อนไหวในตลาดออนไลน์

คุณเบญจพร บุญอำนวยวิทยา ผู้อำนวยการฝ่ายการขายดิจิทัล ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เล็งเห็นความสำคัญในการเพิ่มความสะดวกให้กับพันธมิตรคู่ค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ได้ และเพื่อสอดรับกับการเข้าสู่ยุคดิจิทัลในปัจจุบัน จึงได้เปิดตัวร้านค้าออนไลน์ผ่านทางเว็บ shop-th.se.com ซึ่งจะรวมกลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นำร่องสำหรับผู้ประกอบการโรงตู้และผู้รับเหมา โดยผลิตภัณฑ์ในเว็บของเรา เน้นไปที่ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Easy Series ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในตลาด ราคาจับต้องได้ มาพร้อมประสิทธิภาพและการใช้งานง่าย ซึ่งผลิตภัณฑ์ทุกรุ่นจะมีการกำหนดรายละเอียด พร้อมข้อมูล การใช้งาน ไว้อย่างชัดเจนครบถ้วน เพื่อความสะดวกกับลูกค้า และเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดในการสั่งซื้อ พร้อมกันนี้ เรายังมีข้อมูลแนะนำช่องทางในการเข้าฟังสัมมนาในหัวข้อหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการในเว็บนี้อีกด้วย”

ผลิตภัณฑ์ที่มีขายผ่านช่องทางออนไลน์ในเว็บ shop-th.se.com นี้ ได้แก่

  • EasyPact EZS เบรกเกอร์ MCCBs (Molded-Case Circuit Breakers) ชูจุดเด่นความง่าย ได้แก่ง่ายต่อการเลือกใช้ ผู้ซื้อเลือกใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน คลอบคลุมการใช้งานทั่วไป เพราะรองรับกระแสไฟที่ 100 – 600 แอมป์ สามารถเลือกการเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ 3 Pole และ 4 Pole ทนกระแสลัดวงจร 25-50 กิโลแอมป์ ง่ายในการติดตั้ง เนื่องจากมีขนาด 2 เฟรมทำให้ง่ายต่อการออกแบบตู้ การติดตั้ง และซ่อมบำรุง สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานที่มากขึ้น เช่น Trip release coils, Auxiliary signaling, contacts และ Rotary handles
  • EasyPact CVS เซอร์กิตเบรกเกอร์ MCCB ที่ให้สมรรถนะใหม่ด้าน breaking capacity (icu) ขนาด 16-600A รองรับกระแสลัดวงจรตั้งแต่ 25-50 kA
  •   Acti9 เบรกเกอร์ลูกย่อย หรือ MCBs ขนาดเล็ก ประหยัดพื้นที่ ช่วยลดขนาดแผง รองรับอุปกรณ์ได้หลากหลาย รองรับอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน ประหยัดค่าใช้จ่าย มีแถบสีแสดงสถานะ และง่ายในการตรวจสอบ
  • ดิจิตอลมิเตอร์ รุ่น EasyLogic™ PM2000 series ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและจัดการระบบไฟฟ้าง่ายๆ ในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นใจ ครอบคลุมทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ด้วยเครื่องมือวัดและการจัดการโหลดไฟฟ้าที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อผ่าน RS485  มีทั้งแบบสีสะดุดตา อ่านค่าง่าย และแบบเรียบง่าย สีขาวดำ
  • ตัวเก็บประจุรุ่นใหม่ EasyCan Capacitor ใช้งานง่าย ประหยัดพื้นที่ และมีประสิทธิภาพสูง
  • และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ สำหรับอุตสาหกรรม

การขยายช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มุ่งเป้าเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า และเป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการผลักดันภาพรวมของตลาดออนไลน์ในกลุ่มอุตสาหกรรม เสริมความแข็งแกร่งให้พันธมิตรคู่ค้า เริ่มต้นจากผู้ประกอบการโรงตู้ ผู้รับเหมา ให้ก้าวสู่การตลาดรูปแบบใหม่ในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสใหม่ทางการขาย อีกทั้งยังเป็นช่องทางในการจัดจำหน่ายถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว นับเป็นการก้าวสู่ประสบการณ์ของตลาดออนไลน์ไปด้วยกันในยุคดิจิทัล 4.0 นี้” คุณเบญจพร กล่าวทิ้งท้าย


Exit mobile version