Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สแกนเนีย เปิดออฟฟิศขายรถสแกนเนียมือสองคุณภาพครบวงจร (Scania Used Center)

นางสาวดวงใจ พงศ์ประเทืองสุข ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการงานขายและกลยุทธ์ประจำประเทศไทย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวถึงที่มาและเป้าหมายของการเปิดแผนกรถสแกนเนียมือสองขึ้นอย่างเป็นทางการในประเทศไทยว่า สแกนเนีย เป็นหนึ่งในแบรนด์ผู้นำในตลาดรถบรรทุกของโลก ซึ่งมีการดำเนินธุรกิจอยู่มากกว่า 100 ประเทศ เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่เติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ให้มีความสมบูรณ์ โดยวัตถุประสงค์ที่จัดตั้งก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถบรรทุกสแกนเนียมือสองคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณ เพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนรถรุ่นใหม่ เทคโนโลยีล่าสุดได้ง่ายขึ้น 

อีกทั้งยังตอบโจทย์ความต้องการของตลาดปัจจุบันที่หลายๆ บริษัทต้องจัดการบริหารต้นทุนกันอย่างเข้มงวด รวมถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยใช้รถสแกนเนียมาก่อนและอยากทดลองเปลี่ยนมาใช้รถบรรทุกสแกนเนียในธุรกิจบ้าง โดยเริ่มจากรถมือสองซึ่งใช้งบประมาณไม่มาก ก็สามารถส่งเสริมภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า แล้วยังได้รับรถที่มีประสิทธิภาพและความสามารถสูงไปใช้งาน แม้จะเป็นรถมือสอง แต่คุณสมบัติเด่นต่างๆ ที่อยู่ในรถบรรทุกสแกนเนียยังคงอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็นความประหยัดน้ำมัน ความคงทนของเครื่องยนต์ สมรรถนะ ความปลอดภัย งานบริการครบวงจร ทั้งสินเชื่อ ฝึกอบรมและที่ปรึกษาการขับขี่ งานซ่อมและบำรุงรักษา ทำให้สแกนเนียมือสองมีความต้องการอย่างมากในตลาดปัจจุบัน

ส่วนแผนงานของ Scania Used Center นั้น ว่าที่ ร.ต.วัชรพล ละมาตร์ ผู้จัดการฝ่ายขายรถบรรทุกและรถสแกนเนียมือสอง กล่าวว่าหัวใจสำคัญและจุดเด่นของรถสแกนเนียมือสองคือ คุณสมบัติของรถสแกนเนียที่ครบเครื่องพร้อมความน่าเชื่อถือของแบรนด์ เรามีรถหลากหลาย ตั้งแต่ 1 ปี จนถึง 10 ปี ทุกคันต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพอย่างละเอียดตามมาตรฐานของสแกนเนีย 111 รายการ โดยทีมช่างของ สแกนเนีย เป็นผู้ดูแลเช็ค ซ่อม เปลี่ยนอะไหล่ และทดสอบการใช้งานของรถ เพื่อรักษาคุณภาพของรถให้ได้ตามมาตรฐานสแกนเนียไว้พร้อมส่งมอบต่อไป ทำให้วางใจได้ในเรื่องคุณภาพและประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถเช็คประวัติการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถได้อย่างละเอียด ส่วนในด้านการขายนั้นมีทั้งแบบขายทั้งชุด (หัวและหาง) และ แยกขายเฉพาะหัว หรือ ส่วนหาง

ผู้ออกรถสแกนเนียมือสองยังจะได้รับการฝึกอบรมสอนการขับขี่ การดูแลรักษา และการใช้งานรถสแกนเนียอย่างถูกวิธีจากทีมอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ Scania Driver Trainerอีกด้วย ส่วนโปรโมชั่นพิเศษช่วงเปิดตัว Scania Used Center อย่างเป็นทางการนั้น เป็นแพ็คเก็จการดูแลรักษารถฟรี 4 รอบ คือ S-M-S-L เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องชุดเล็ก ชุดกลาง ชุดใหญ่ ทุกๆ 45,000 กิโลเมตร หรือ 2 ปี (แล้วแต่อะไรถึงก่อน) พร้อมเงื่อนไขสินเชื่อสุดพิเศษ ดาวน์เริ่มต้น 0% ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน ขับฟรี 90 วัน หรือ ท่านสามารถปรึกษาเงื่อนไขที่ท่านต้องการ ขยายทุกความเป็นไปได้กับ สแกนเนีย สยาม ลีสซิ่ง ได้อย่างยืดหยุ่น

Scania Used Center ตอบโจทย์ความต้องการในราคาที่เข้าถึงมากขึ้น สินเชื่อที่รองรับเงื่อนไขยืดหยุ่น รถที่นำมาจำหน่ายก็ไว้ใจได้ว่าให้ข้อมูลสภาพอย่างตรงไปตรงมา คุณภาพดี จึงทำให้กระแสตอบรับในตอนนี้ถือว่าดีมาก

โดยตอนนี้ผู้สนใจสามารถติดต่อมาลงทะเบียนรุ่นที่ต้องการ เพื่อให้ฝ่ายขายติดต่อกลับเมื่อมีรุ่นที่ต้องการ ซึ่งคาดว่าการรอรถที่ลูกค้าต้องการจะไม่นาน เนื่องจาก 10 ปีที่ผ่านมานี้ มีรถสแกนเนียขายออกไปใช้งานสะสมอยู่ทั่วประเทศกว่า 5,000 คัน และทางสแกนเนียมีการเก็บประวัติรถทุกคันที่อยู่ในความดูแลของทางศูนย์ทำให้ติดตาม ตรวจสอบ และติดต่อกับผู้ต้องการเปลี่ยนรถได้ง่าย และการเกิดขึ้นของ Scania Used Center จะเป็นจุดสนใจทำให้เกิดการ Trade in กับเรามากขึ้นด้วย 

สำหรับผู้สนใจข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมของบริการรถบรรทุกสแกนเนียมือสอง สามารถติดตามได้ที่ LINE OA: Scania TH Group หรือ โทร 063 226 7451 และ 080 076 4667


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สแกนเนีย 2022 มุ่งมั่นขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงสู่ระบบการขนส่งที่ยั่งยืน

นายโจฮัน คลาสัน ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และการตลาด และหัวหน้างานด้านความยั่งยืน บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2565 สแกนเนียยังคงมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระบบการขนส่งที่ยั่งยืน พร้อมกับการขับเคลื่อนผลกำไรให้กับลูกค้าของเราด้วย โดยภายในปี 2564 ที่ผ่านมา สแกนเนียเป็นบริษัทผู้ผลิตรถบรรทุกและรถโดยสารเพียงรายเดียวที่เข้าร่วมรับรองในบันทึกความเข้าใจระดับโลกที่ร่วมกันให้คำมั่นสัญญาที่จะทำให้ยานยนต์ในประเทศของตนปลอดมลภาวะภายในปี 2583 เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นและความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมรถเพื่อการพาณิชย์

นอกจากนี้ สแกนเนีย ได้เตรียมผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองทั้งการสร้างระบบการขนส่งที่ยั่งยืนพร้อมสร้างผลกำไรให้ลูกค้าไปพร้อมกัน ด้วยการนำหลักการขนส่งที่ยั่งยืน 3 ประการ ได้แก่

1. ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Fuel Efficiencyซึ่งหมายถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ช่วยทำให้ใช้พลังงานน้ำมันสำหรับการเผาไหม้น้อยลง ปล่อยมลพิษน้อยลง และแน่นอนว่าต้นทุนขนส่งก็ลดลงไปด้วย เป็นการช่วยเพิ่มผลกำไรให้ธุรกิจไปพร้อมกัน

2. เชื้อเพลิงทางเลือกและพลังงานไฟฟ้า (Alternative Fuels and Electrificationสแกนเนียส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล โดยไม่จำเป็นต้องทำการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ และสร้างผลลัพธ์ที่ดีในการลดการปล่อยคาร์บอนโดยตรง และการนำพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในภาคธุรกิจการขนส่ง

3.การขนส่งที่ชาญฉลาดและปลอดภัย (Smart and Safe Transport ) ปัจจุบันรถสแกนเนียมีการติดตั้งระบบที่จะช่วยดูแล แจ้งสถานะการทำงาน และตำแหน่งของรถได้แบบเรียลไทม์  เพื่อประเมินช่วงเวลาในการบำรุงรักษารวมทั้งแจ้งเตือนความผิดปกติของรถก่อนที่ขัดข้อง ทำให้ลูกค้าวางแผนการทำงานได้ดียิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดเหตุขัดข้องระหว่างการทำงาน ซึ่งส่งผลให้มีผลกำไรสูงขึ้นและมีปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์น้อยลง

นายโจฮัน กล่าวว่า “ พลังงานไฟฟ้า และ eMobility จะเป็นส่วนหนึ่งในอนาคตอย่างแน่นอน สแกนเนียให้ความสำคัญในการลงทุนและเปลี่ยนแปลงสู่เทคโนโลยีใหม่ โดยในปีที่ผ่านมา เรามีการเปิดตัวรถทั้งไฮบริด และปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การผลิตรถไฟฟ้าเต็มรูปแบบ และถือเป็นแบรนด์แรกของรถบรรทุก โดยสแกนเนียได้ทดสอบเปรียบเทียบรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่กับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์สันดาปเพื่อดูถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารถยนต์ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มีผลดีต่อโลกมากกว่า นอกจากนั้นเรายังได้ส่งมอบรถบรรทุกไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ กับลูกค้า เช่น  SCA, Jula Logistics และ Wibax สิ่งนี้แสดงให้ทั้งลูกค้า และเราเห็นว่ารถบรรทุกไฟฟ้าสามารถขนส่งทางไกล และขนส่งของที่หนักมาก เช่น ไม้ซุง ได้เช่นกัน สำหรับรถบรรทุกไฟฟ้าในประเทศไทยยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น ซึ่งต้องใช้เวลาทำความเข้าใจกับข้อกำหนดเบื้องต้นของตลาด ความต้องการของลูกค้า ตลอดจนรูปแบบธุรกิจเสียก่อน ”

“ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปี 2565 จะเป็นอีกปีที่ท้าทาย แม้ว่าเราเชื่อว่าจะมีการฟื้นตัวในตลาด แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก เรามุ่งเน้นที่จะสนับสนุนลูกค้าของเราให้มีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและร่วมกันกำหนดทิศทางสำหรับอนาคต ด้วยโซลูชั่นที่ขับเคลื่อนผลกำไรของลูกค้าของเราอย่างแท้จริง ทั้งความสามารถในการปรับแต่งข้อเสนอผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงบริการที่เป็นเลิศ เช่น การเงิน สัญญาบริการ และการฝึกอบรมผู้ขับขี่ เราสร้างทางเลือกที่ง่ายสำหรับลูกค้า และทำให้ลูกค้าเข้าใจว่าเราสามารถสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจของพวกเขาได้อย่างไร  โดยเป้าหมายของเราในปี 2565 คือรักษาความเป็นผู้นำ และสร้างความแข่งแกร่ง ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า เพื่อปรับปรุงและพัฒนา Solution Sales ของเราให้ตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า ”นายโจฮัน กล่าวทิ้งท้าย


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

รถบรรทุกมือสองสแกนเนียเติบโตต่อเนื่อง

สแกนเนียเผย ธุรกิจรถบรรทุกมือสองเป็นอีกทางเลือกในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่เติบโตต่อเนื่องถึง 10 มีมูลค่ายอดขายประมาณ 50 ล้านบาท พร้อมการันตีลูกค้าจะได้รับรถที่มีคุณภาพ และราคาย่อมเยา เสมือนเป็นรถมือหนึ่งของสแกนเนี

นายยุทธนา มหาวงษ์ ผู้จัดการฝ่ายขายรถบรรทุกมือสอง บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยถึง การเข้ามาทำตลาดรถบรรทุกมือสองว่า การทำตลาดรถมือสองนับเป็นหนึ่งในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งสแกนเนียได้พยายามที่จะเข้าถึงในทุกกลุ่มเป้าหมาย ทั้งทางด้านผลิตภัณฑ์ และงานบริการเพื่อความเหมาะสมกับลักษณะของธุรกิจ และการใช้งานของลูกค้า ให้ลูกค้าสะดวกในการรับบริการครบวงจรในที่เดียว โดยการเข้ามาในตลาดรถบรรทุกมือสองถือได้ว่าเป็นตลาดกลุ่มที่กำลังเติบโตในประเทศไทย สำหรับการเปิดตลาดรถบรรทุกมือสองในประเทศไทยได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2015 โดยบริษัทแม่ที่สวีเดนได้มองเห็นถึงศักยภาพของตลาดรถบรรทุกในประเทศไทยที่มีความแข็งแกร่ง และยังมีแนวโน้มในการขยายตัวที่ดี โดยในปีนี้มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 20 ถึง 30 คัน แต่ถือว่ามีการเติบโตต่อเนื่อง คิดเป็น 10%  มีมูลค่ายอดขายประมาณ 50 ล้านบาท จากราคารถมือสองของสแกนเนียโดยเฉลี่ย 2 -2.5 ล้านบาทต่อคัน

โดยแนวทางการทำตลาดรถบรรทุกมือสองในประเทศไทยนั้น นายยุทธนา กล่าวว่า จะมีความแตกต่างจากประเทศในแถบยุโรป เพราะกฎหมายในยุโรปมีการกำหนดการใช้งานของรถบรรทุกเอาไว้ไม่เกิน 5-6 ปี แต่สำหรับประเทศไทยการใช้งานรถแต่ละคันจะใช้กันเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี ซึ่งทางสแกนเนียต้องนำมาคำนวณหาความเหมาะสมของราคาต่อสภาพรถที่แท้จริงก่อนที่จะนำเสนอแก่ลูกค้า โดยสต็อกรถบรรทุกมือสองได้มาจาก แหล่งด้วยกัน คือ 1. เป็นรถจากไฟแนนซ์สแกนเนีย สยามลิสซิ่ง 2. เป็นรถบรรทุกที่เกิดจากการเทิร์นของลูกค้า อายุของรถอยู่ประมาณ 6  ปี และ 3. ลูกค้านำรถมือสองมาขายให้กับแผนกรถมือสอง

ทั้งนี้ หากเทียบกับรถมือสองของแบรนด์ฝั่งยุโรป ทางสแกนเนียมีจุดเด่นอยู่ที่เป็นเจ้าเดียวในประเทศไทยที่มีไฟแนนซ์เป็นของตัวเองจึงสามารถดูแลลูกค้าได้ดีกว่า ยืดหยุ่นกว่า นอกจากนี้ลูกค้ายังสามารถรับบริการอื่นๆ จากสแกนเนียเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจได้อีกหลากหลายบริการ

จุดเด่นของแผนกรถมือสองสแกนเนียที่แตกต่างจากตลาดรถมือสองทั่วไป คือการตรวจสอบเช็คในทุกส่วนของรถด้วยอุปกรณ์และโปรแกรมเฉพาะของสแกนเนีย โดยช่างของสแกนเนียที่ผ่านการอบรมมาเป็นอย่างดีตามมาตรฐาน ซึ่งในการตรวจนี้เรามีเช็คลิสต์ตามมาตรฐานของเราอยู่ที่ 111 รายการ ที่จะต้องเช็คให้อยู่ในสภาพใช้การได้ตามมาตรฐาน และเมื่อมีอะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนก็จะเป็นอะไหล่สแกนเนียแท้ 100%  ดังนั้นลูกค้าจึงมั่นใจในตัวของช่างว่าเป็นช่างสแกนเนียที่ซ่อมรถสแกนเนียอยู่แล้ว มีประสบการณ์ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ทำธุรกิจในประเทศไทย และในปีนี้ทางสแกนเนียจะมีการเช็คเปลี่ยนถ่ายโปรแกรมชุดใหญ่ (L)  เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเกียร์เฟืองท้ายทั้งหมด และทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ทุกครั้งที่เราส่งมอบรถมือสองให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าพร้อมนำรถไปใช้งานอย่างเต็มที่ได้ทันทีหลังรับรถ ไม่ต้องกังวลเรื่องการเอาไปซ่อมเพิ่ม” นายยุทธนากล่าว

นายยุทธนากล่าวทิ้งท้ายว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทำให้ธุรกิจรถมือสองสแกนเนียเป็นอีกทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ และได้รับความสนใจมากขึ้น ซึ่งในปีหน้าจะมีการนำเสนอให้นำเรื่อง “สัญญาการให้บริการ” เข้ามาเพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น ช่วยลูกค้ารถมือสองให้ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

สำหรับลูกค้าที่สนใจรถสแกนเนียมือสอง สามารถโทรศัพท์สอบถามสแกนเนียมือสองของแท้ได้ที่ คุณยุทธนา 092 223 7544 โดยสแกนเนีย ยังคงมุ่งมั่นเพื่อให้รถของลูกค้าพร้อมใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และเพิ่มผลกำไรในธุรกิจขนส่งอย่างสูงสุด เพื่อขับเคลื่อนสู่ระบบขนส่งที่ยั่งยืน “เพราะธุรกิจคุณ สำคัญที่สุด”


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ครบรอบ 35 ปี สแกนเนียส่งมอบรถรุ่นพิเศษ “Yak Edition”

เมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ  35 ปี สแกนเนีย สยาม ก้าวสู่การบริการเพื่อลูกค้าอย่างยั่งยืน บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด ได้ทำการส่งมอบรถรุ่นพิเศษที่มีชื่อว่า Yak Edition ซึ่งเป็นความลงตัวจากการผสมผสานงานศิลปวัฒนธรรมไทย กับสุดยอดงานวิศวกรรมของสแกนเนีย ให้กับห้างหุ้นส่วนจำกัดสักทอง ทรานสปอร์ต โดยมีนายสมเอก น้อยสมมิตร กรรมการผู้จัดการ หจก.สักทอง ทรานสปอร์ต เป็นผู้รับมอบ

สำหรับรถรุ่น Yak Edition หรือ R410A6x2NA  เป็นหัวเก๋งขนาดใหญ่ (R-series) ที่มีเครื่องยนต์ขุมกำลังขนาด 410 แรงม้า ขับเคลื่อน 6×2 เกียร์ออพติครูส ระบบช่วงล่างถุงลมหน้าหลังให้สัมผัสนุ่มสบายแต่มั่นใจ มาพร้อมระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม กับถุงลมนิรภัยผู้ขับขี่ ดิสก์เบรกพร้อมเบรกเสริม สำหรับทางลาดชันรีทาร์เดอร์ ระบบรักษาเสถียรภาพ (ESP) เบรกอัตโนมัติ (AEB) ระบบเตือนออกนอกเลน (LDW) และพิเศษสุดกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันตามความเร็วคันหน้า (ACC) เพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ ความปลอดภัย และเทคโนโลยีอัจฉริยะนี้ ยังทำให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นด้วย มั่นใจได้กับทุกงานในการขนส่ง และเมื่อสั่งจองรถรุ่นพิเศษ Yak Edition รับเงื่อนไขสุดพิเศษที่สอดคล้องไปกับเลข 35 ปี สแกนเนียในประเทศไทย โดยฟรีค่าซ่อม 3 ปีและฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปีลูกค้ามั่นใจได้ในการใช้รถขับเคลื่อนธุรกิจ สร้างงาน สร้างกำไร สร้างชื่อเสียงได้อย่างคุ้มค่าแน่นอน


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เปิดตัวครบรอบ 35 ปี สแกนเนีย เปิดตัวรถรุ่นพิเศษ “Yak Edition”

ร่วมฉลอง​ 35 ปี สแกนเนีย​ สยาม​บริษัทแห่งการมุ่งมั่นพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืนในวันนี้ สู่อนาคตธุรกิจที่เหนือกว่า (Sustainable Transport – Now and Beyond) พร้อมเปิดตัวรถรุ่นพิเศษ “Yak Edition” ฉลองความสำเร็จระยะยาวคู่คนไทย แถมข้อเสนอสุดพิเศษหลังการขาย

นายอรรถพล ชูศรี ผู้จัดการฝ่ายสื่อสาร และการตลาด บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด​ เปิดเผยว่า​บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด​ผู้นำการขนส่งระดับโลกจากสวีเดนได้อยู่เคียงข้างการขนส่งในประเทศไทยมาครบ 35 ปี พัฒนางานบริการคู่ลูกค้าคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังลงทุนขยายสาขาและงานบริการที่ครอบคลุมมากขึ้น ด้วยความตั้งใจที่จะตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยได้ดียิ่งขึ้นในระยะยาวต่อไป และเนื่องในโอกาสฉลองการดำเนินงานในประเทศไทยครบรอบ 35 ปี สแกนเนีย สยาม จึงได้นำเสนอรถรุ่นพิเศษที่เหนือกว่าทั้งเรื่องสมรรถนะและภาพลักษณ์ กับรถรุ่นพิเศษที่มีชื่อว่า Yak Edition ซึ่งเป็นความลงตัวจากการผสมผสานงานศิลปวัฒนธรรมไทย กับสุดยอดงานวิศวกรรมของสแกนเนี

“รถรุ่นพิเศษ Yak Edition นี้จะแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงประสิทธิภาพของสแกนเนียที่สามารถไปได้เหนือกว่า ไม่ว่าจะเป็นงานดีไซน์ ด้วยหัวเก๋งขนาดใหญ่ มาพร้อมกับสีมุกเงินอาร์คติก ตกแต่งลวดลายยักษ์ไทยสีทองที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ มีอำนาจและทรงพลัง และสีทองยังหมายถึงการเฉลิมฉลอง ความมั่งคั่ง เงินทอง อีกทั้งยักษ์ไทยถือเป็นเอกลักษณ์เป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เห็นได้จากสนามบินสุวรรณภูมิที่มียักษ์ไทยยืนประดับเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมไทย และยังเห็นได้ในวัดไทยหลาย ๆ แห่ง จึงแสดงถึงชื่อเสียงที่โด่งดังระดับชาติ และแน่นอนว่ายังคงความยอดเยี่ยมในเรื่องการประหยัดน้ำมัน พร้อมกับประสิทธิภาพการขนส่งที่สุดยอด ขับเคลื่อนผลกำไรธุรกิจให้ลูกค้าคนไทยได้อย่างมีคุณภาพ”

ด้านนายณรงค์ฤทธิ์ อิทธิสารรณชัย ผู้จัดการฝ่ายสนับสนุนการขาย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัดกล่าวถึงรายละเอียดของรถรุ่น Yak Edition หรือ R410A6x2NA ว่า เป็นหัวเก๋งขนาดใหญ่ (R-series) ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขุมกำลัง 410 แรงม้า ขับเคลื่อน 6×2 เกียร์ออพติครูส ระบบช่วงล่างถุงลมให้สัมผัสนุ่มสบายแต่มั่นใจ มาพร้อมระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม กับถุงลมนิรภัยผู้ขับขี่ ดิสก์เบรกพร้อมเบรกเสริม สำหรับทางลาดชันรีทาร์เดอร์ ระบบรักษาเสถียรภาพ (ESP) เบรกอัตโนมัติ (AEB) ระบบเตือนออกนอกเลน (LDW) มอบความปลอดภัยที่เหนือกว่าใครให้ทั้งผู้ขับขี่ เพื่อนร่วมทางบนท้องถนน และสินค้ามูลค่าสูงที่ขนส่ง พิเศษสุดกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันตามความเร็วคันหน้า (ACC) ที่มอบทั้งความสะดวกสบายในการขับขี่ ความปลอดภัย และเทคโนโลยีอัจฉริยะนี้ ยังทำให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นด้วย มั่นใจได้กับทุกงานในการขนส่ง

นอกจากนั้นยังยกระดับความเป็นอยู่ในห้องโดยสารด้วยเบาะที่นั่งคู่หน้าหุ้มหนังคุณภาพดี พร้อมลายนูนโลโก้สแกนเนีย วิทยุจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ หน้าปัดเรือนไมล์แสดงผลขนาดใหญ่ขึ้น พวงมาลัย D-shape หุ้มหนังพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชั่น แถมยังเสริมความสะดวกสบายเอาใจนักขับคนไทยด้วยม่านบังแดด ช่องเก็บของขนาดใหญ่ เตียงนอนขนาด 800 มิลลิเมตร ช่องบนหลังคาปรับไฟฟ้า และช่องแช่เย็นอเนกประสงค์ที่ให้ความเย็นเทียบเท่าตู้เย็น ทั้งหมดถูกจัดวางและสร้างในตำแหน่งตามหลักสรีรวิทยา จึงทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสะดวกสบายตลอดทาง

นอกจากเรื่องสมรรถนะของรถรุ่นพิเศษ Yak Edition ที่เหนือกว่าแล้ว ยังคุ้มค่ายิ่งขึ้นเมื่อสั่งจองรถรุ่นพิเศษ Yak Edition รับเงื่อนไขสุดพิเศษที่สอดคล้องไปกับเลข 35 ปี สแกนเนียในประเทศไทย โดยฟรีค่าซ่อม 3 ปี* และฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปี* ลูกค้ามั่นใจได้ในการใช้รถขับเคลื่อนธุรกิจ สร้างงาน สร้างกำไร สร้างชื่อเสียงได้อย่างคุ้มค่าแน่นอน”  นายอรรถพล ชูศรี กล่าวทิ้งท้าย

 

สนใจติดต่อตัวแทนจำหน่ายใกล้ท่านและสอบถามข้อมูลรถเพิ่มเติมที่  

www.scania.com/th/th/home/products-and-services/trucks/trucks_showroom.html  

หมายเหตุ ปี หรือ 360,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน

หมายเหตุ 5 ปี หรือ 600,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สแกนเนีย เปิดศูนย์บริการสระบุรี ใหม่ รองรับการเติบโตธุรกิจระยะยาว

สแกนเนีย สยาม ครบรอบ 35 ปี มุ่งมั่นพัฒนาการขนส่งที่ยั่งยืนในวันนี้ สู่อนาคตธุรกิจที่เหนือกว่า เปิดศูนย์บริการสระบุรีใหม่อย่างเป็นทางการ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับลูกค้า พร้อมจัดโปรโมชันต้อนรับมากมาย อาทิของที่ระลึก เปิดให้บริการรอบกลางคืนเมื่อโทรจอง ส่วนลดค่าแรง 15% ตรวจเช็คฟรี 11 รายการ ใช้บริการครบ 30,000 บาทขึ้นไป รับบัตรกำนัล 500 บาท รวมถึงล้างแอร์ และตั้งศูนย์ถ่วงล้อฟรี

นายสถิตย์ ริยะตานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการหลังการขาย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปี บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด พร้อมให้บริการลูกค้าคนไทยระยะยาวอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดศูนย์บริการสระบุรีแห่งใหม่ ที่มีศักยภาพให้บริการได้มากขึ้น มีมาตรฐานเดียวกันกับสแกนเนียทั่วโลก บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ มีช่องซ่อมจำนวน 6 ช่อง รวมทั้งมีเครื่องมือพิเศษ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถให้บริการได้รวดเร็วขึ้น

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ในส่วนของออฟฟิศ และห้องพักสำหรับรับรองลูกค้า ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 30 กว่าล้านบาท โดยการเปิดศูนย์บริการแห่งนี้ทางบริษัทมองถึงลูกค้าเป็นหลัก เนื่องจากจำนวนรถของลูกค้าในพื้นที่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วมีราว 100 คัน แต่ปัจจุบัน พื้นที่สระบุรีมีลูกค้าผ่านเข้าใช้บริการรวมกว่า 1,000 คัน ซึ่งการลงทุนครั้งนี้เป็น Captive Dealer ถือเป็นสาขาที่สแกนเนียลงทุน และบริหารจัดการทั้งหมดด้วยตัวเอง แม้ช่วงนี้เป็นช่วงของการระบาดโควิด-19 การลงทุนบางอย่างเป็นไปได้ยาก แต่ทางสแกนเนียสำนักงานใหญ่ เห็นถึงความจำเป็นอยากให้ลูกค้าได้ประโยชน์ และต้องการดูแลลูกค้าแบบพรีเมียม รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในประเทศไทยด้วยการลงทุนต่อเนื่องในระยะยาว

“ศูนย์บริการสระบุรีของสแกนเนีย จะเป็นประตูไปสู่ภาคอีสาน และเชื่อมต่อกับภาคกลาง เราเน้นนโยบายสร้างศูนย์ใหม่ขึ้นมาเพื่อซัพพอร์ตลูกค้า และดูแลคนขับเป็นอย่างดีด้วยห้องพักที่ได้มาตราฐาน และมองว่าในโซนสระบุรีจะมีกลุ่มผู้ประกอบการด้านการขนส่ง (โลจิสติกส์) เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่วังน้อยที่จะมีศูนย์กระจายสินค้า อาทิ DHL, TESCO หรือโรงปูน SCG รวมถึงกลุ่มธุรกิจของผู้ประกอบการต่างๆ มากมาย ยังไม่รวมรถบรรทุกทางผ่านตลอดเวลา” นายสถิตย์ กล่าว

นายสถิตย์ กล่าวต่อว่า เนื่องในโอกาสเปิดศูนย์บริการแห่งใหม่ในเดือนมิถุนายนนี้ ทางศูนย์จะมีของที่ระลึกแจก เปิดให้บริการรอบดึกเมื่อลูกค้านัดหมายล่วงหน้าก่อน 15.00 น. ส่วนลดค่าแรง 15% ตรวจเช็คฟรี 11 รายการ และหากใช้บริการกับทางศูนย์บริการครบ 30,000 บาทขึ้นไป รับบัตรกำนัล ราคา 500 บาท สามารถนำมาใช้ได้ในครั้งถัดไป และในช่วงที่อากาศร้อนแบบนี้ก็ยังมีบริการล้างแอร์ฟรี รวมถึงตั้งศูนย์ถ่วงล้อฟรีอีกด้วย ในส่วนของสัญญาบริการ หากลูกค้าตัดสินใจซื้อภายในเดือนนี้จะมีบัตรกำนัลให้ในราคา 6,000 บาทต่อคัน โดยสามารถนำมาใช้ได้ในครั้งถัดไป

นายสถิตย์ กล่าวย้ำว่า “ทุกศูนย์บริการสแกนเนียในประเทศไทย เป็นมาตรฐานเดียวกับสแกนเนียทั่วโลก ลูกค้าจึงมั่นใจเข้าใช้บริการได้ในทุกสาขา สแกนเนียมีระบบนัดหมายที่ทำให้ทีมงานรู้ถึงกำหนดการซ่อมบำรุงของรถแต่ละคัน และมีการติดตามนัดหมายลูกค้าให้เข้าบำรุงรักษารถอย่างเหมาะสม รถจะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่จอดเสียกลางทาง ธุรกิจก็จะเติบโตขึ้น ถ้าหากมองครึ่งปีหลัง ในปี 2564 ของศูนย์บริการสระบุรี น่าจะโตกว่าครึ่งปีแรก10 – 20% แต่ถ้ามองภาพรวมของศูนย์บริการ

ทั่วประเทศจะโตกว่าครึ่งปีแรกประมาณ 5 – 8% เนื่องจากปัญหาของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นช่วงปี 2020 ทำให้ผู้ประกอบการสามารถรับมือกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้ครึ่งปีหลังทุกอย่างจึงมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว”


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สแกนเนีย กับ “สัญญาบริการ” ให้ลูกค้าต่อสู้ในตลาดอย่างแข็งแกร่ง

ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจ สแกนเนีย ชู “สัญญาบริการ” เป็นหัวใจให้ผู้ประกอบการ ต่อสู้ในตลาดได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ด้วยงานบริการหลังการขายเต็มรูปแบบ มาตรฐานและรับประกันคุณภาพระดับสากลให้กับลูกค้าคนไทย รวมถึงการเชื่อมโยงงานบริการกับระบบเทคโนโลยีที่ช่วยบริหารจัดการฟลีทรถ และแผนการบำรุงรักษารถแต่ละคัน เพื่อประโยชน์และผลกำไรของลูกค้าสแกนเนียทุกท่าน

นายจักรี รักขาวชญานนท์ ผู้จัดการด้านสัญญาบริการ บริษัท สแกนเนียสยาม จำกัด กล่าวว่า ในปัจจุบัน “สัญญาบริการ”เป็นปัจจัยในการตัดสินใจของลูกค้าเพื่อเลือกซื้อรถ โดยเฉพาะในเชิงพาณิชย์อย่างรถบรรทุกและรถโดยสาร ที่ผู้ซื้อนำไปใช้ทำมาหากิน สัญญาบริการจึงเป็นการดูแลงานซ่อมและบำรุงรักษาให้กับลูกค้าด้วยมาตรฐานศูนย์บริการสแกนเนีย ลูกค้าจึงมั่นใจได้กับอะไหล่แท้พร้อมรับประกันและงานซ่อมตามมาตรฐานสแกนเนีย โดยสแกนเนียมีระบบสัญญาณเชื่อมโยงกับตัวรถ เพื่อนำข้อมูลมาทำการวิเคราะห์ปัญหาอย่างแม่นยำ สามารถเก็บประวัติการบำรุงรักษา ระยะทางการวิ่งของรถและพฤติกรรมการขับขี่ เพื่อนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพได้อย่างดี โดยสแกนเนียจะมีสัญญาบริการให้เลือกพิจารณา 2 ประเภท คือ 1.สัญญาซ่อมและบำรุงรักษา และ 2.สัญญาบำรุงรักษา หรือ คือการดูแลงานเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและตรวจสอบสภาพรถ แต่ไม่รวมงานซ่อม สำหรับในช่วงสถานการณ์โควิด-19 สแกนเนียได้จัดโปรโมชั่นออกมาในแบบสัญญาบำรุงรักษาในราคาพิเศษ โดยจะมี 4 โปรแกรม คือ S-M-S-L S เป็นรอบเล็ก M รอบกลาง และ L รอบใหญ่ ในช่วงโปรโมชัน เหลือเพียง 66,000 บาท จากราคาปกติ 80,000-90,000 บาทต่อสัญญาบำรุงรักษา 4 โปรแกรม ทำให้จะช่วยลูกค้าประหยัดไปประมาณ 2 -3 หมื่นบาท นอกจากนี้รถทรัคของสแกนเนียที่ใช้แล้วเป็นเวลานาน ลูกค้าสามารถนำมาเปลี่ยนรถเป็นรถรุ่นใหม่ได้ โดยสแกนเนียมีแผนกรับซื้อรถใช้แล้วมาให้บริการด้วย

“ดังนั้นความสำคัญของ “สัญญาบริการ” หากเทียบกับรถที่มีสัญญากับไม่มีสัญญานั้น ปัญหาคือรถที่ไม่มีสัญญาจะไม่สามารถควบคุมหรือคำนวณค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงได้ในแต่ละครั้ง และงบประมาณการซ่อมอาจบานปลายได้ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น มาตรฐานการขับของผู้ขับขี่แต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน เส้นทางการขนส่ง สินค้าที่บรรทุก เป็นต้น แต่สัญญาบริการจะคำนวณค่าใช้จ่ายที่แน่นอนในแต่ละเดือนให้เรียบร้อย ซึ่งครอบคลุมงานซ่อมและบำรุงรักษา รวมถึงอุปกรณ์อะไหล่ต่าง ๆ ไว้แล้ว ผู้ประกอบการสามารถนำไปวางแผนทั้งค่าใช้จ่ายและรายได้ ได้แม่นยำมากขึ้น สามารถวางแผนธุรกิจได้ไกลมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระงานด้านธุรการ งานเอกสาร ลดขั้นตอนและเวลาในการเข้าศูนย์บริการ โดยศูนย์บริการสแกนเนียจะทำการเสนอราคาอนุมัติงานซ่อมประกันตามสัญญาบริการให้อัตโนมัติ พูดง่าย ๆ เราจะเหมือนเป็นลูกค้าที่ดูแลผลประโยชน์ให้ลูกค้านั่นเอง เพราะสแกนเนียดูแลให้ทุกขั้นตอน” นายจักรี กล่าว

นายจักรี กล่าวต่อว่า 35 ปีในประเทศไทยของสแกนเนีย เราฟังเสียงจากลูกค้าคนไทยเสมอมา ทำให้เราปรับปรุงเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ตอบโจทย์ผู้ประกอบการคนไทยมากขึ้น เช่น สัญญาบริการที่คิดตามระยะทางการใช้งาน กิโลเมตรละ 1 บาท โดยทำสัญญากับสแกนเนียในระยะยาว 5 ปีหรือระยะการใช้รถ 6 แสนกิโลเมตร ก็จะชำระค่าสัญญาบริการเพียง 6 แสนบาท (เป็นรูปแบบรายปีหรือแล้วแต่จะตกลงกัน) ทั้งนี้เมื่อซื้อรถบรรทุกสแกนเนียคันใหม่ ลูกค้าจะได้แถมงานซ่อมฟรี 2 ปี (หรือ 270,000 กิโลเมตรอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมบำรุงรักษาฟรี 5 ปี (หรือ 600,000 กิโลเมตรอย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)ไปกับตัวรถอยู่แล้ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า หลังจากนั้นขึ้นอยู่กับการเจรจากับลูกค้ากับสแกนเนียในการขยายสัญญาเพิ่มเติม

นอกจากนี้ นายจักรีกล่าวถึงพื้นฐานของ Connected Service (ระบบเชื่อมต่องานบริการ) ที่มีความเชื่อมโยงกับ Fleet Management System (ระบบช่วยบริหารจัดการฟลีทรถ) ว่า โดยปกติแล้ว รถสแกนเนียจะมีระบบตัวส่งสัญญาณที่ติดตั้งในตัวรถเรียกว่า C300 เป็นอุปกรณ์ที่ส่งข้อมูลจากตัวรถ มาเก็บไว้ในระบบของสแกนเนีย ทำให้เมื่อรถเกิดปัญหา เราสามารถวิเคราะห์ได้จากระยะไกล อีกทั้งศูนย์บริการสามารถรู้และแจ้งให้ลูกค้าได้ทราบก่อนเกิดความเสียหายหนัก ข้อมูลนี้ยังสามารถรู้ถึงพฤติกรรมการขับขี่ จึงสามารถนำมาแนะนำปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ ประหยัดน้ำมัน ลดการสึกหรอของชิ้นส่วนต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น โดยสแกนเนียมีทีมผู้ฝึกสอนการขับขี่คอยให้บริการในส่วนการแนะนำนี้ด้วย ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้รถลูกค้ามีความพร้อมใช้งานสูงสุด ให้ลูกค้าแข่งขันในตลาดแบบไม่พลาดแม้แต่งานเดียว


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สแกนเนีย สยาม พัฒนา เร่งฟื้นตลาดรถบรรทุก – รถบัส ปี 2021

สแกนเนีย สยาม ผู้ผลิตรถบรรทุกและรถบัสสำหรับงานหนักระดับพรีเมียมวางเป้าหมายปี 2564 เป็นปีแห่งการฟื้นตัวและพัฒนาศักยภาพ ช่วยผู้ประกอบการในประเทศไทยต่อสู้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้น

นางสตีน่า เฟเกอร์แมน กรรมการผู้จัดการบริษัทสแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยว่า สแกนเนียยังคงวางแผนลงทุนในการเพิ่มศักยภาพทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์และงานบริการอย่างต่อเนื่อง สำหรับประเทศไทยในปี 2564 จะเป็นปีแห่งการพัฒนาเพื่อช่วยให้ลูกค้าฟื้นตัวได้เร็วที่สุดจากสถานการณ์ยากลำบากหลังจากการระบาดของโควิด -19 อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 ที่ผ่านมา สแกนเนียมีส่วนแบ่งการตลาดประเภทรถบรรทุกในประเทศไทยประมาณร้อยละ 2.5 และส่วนแบ่งตลาดรถบัสโดยสารในประเทศไทยถึงประมาณร้อยละ 20 ซึ่งตัวเลขทั้งสองตลาดเป็นส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโดยมียอดขายรถบรรทุกสแกนเนียที่จดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก 297 คัน และรถบัส 96 คัน ทำให้เห็นว่าสแกนเนียได้ทำตลาดให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยสแกนเนียเน้นตอบโจทย์การขนส่งทุกรูปแบบให้กับลูกค้ารถบรรทุก และยังรักษาความเป็นพันธมิตรธุรกิจเคียงข้างลูกค้ารถโดยสาร เพื่อที่จะรักษายอดขายและได้ขยายส่วนแบ่งการตลาดและเป็นแบรนด์อันดับ 1 ของยอดขายในประเทศไทยต่อไปอย่างต่อเนื่อง

นางสตีน่ากล่าวว่า สำหรับงานด้านบริการ สแกนเนียพร้อมกับการเปิดศูนย์บริการแห่งใหม่ที่จังหวัดสระบุรีที่จะเปิดให้บริการในไตรมาสที่2 ของปีนี้ ซึ่งศูนย์บริการแห่งนี้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีลูกค้านิยมใช้บริการเป็นจำนวนมากซึ่งห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 100 กิโลเมตรเท่านั้น ด้วยสระบุรีเป็นเหมือนประตูสู่ภาคอีสาน และธุรกิจขนส่งของลูกค้าเรามากมายผ่านเส้นทางนี้ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะลงทุนเพิ่ม โดยสแกนเนียเป็นผู้บริหารจัดการด้วยตัวเราเอง (Captive Dealer) เพื่อมอบบริการที่ดีขึ้นให้กับกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการอยู่ปัจจุบัน และเรายังมองศูนย์ฯ สระบุรีใหม่นี้ให้สามารถรองรับการเติบโตในอนาคตได้อีกด้วย” นอกจากนั้น สแกนเนียยังมองการขยายให้สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล กับโครงสร้างพื้นฐานมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา คาดการณ์ว่าหลังวิกฤตโควิด จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“การระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าได้ส่งกระทบกับทุกคนในทุกอุตสาหกรรมอย่างหนัก แม้แต่สแกนเนียสยามก็ไม่มีข้อยกเว้นโดยบริษัทฯได้หยุดดำเนินการผลิตที่โรงงานประกอบรถบรรทุกในเขตชานเมืองฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้วและปรับกลยุทธ์ใหม่และเริ่มนำเข้ารถบรรทุก ส่งตรงจากระบบการผลิตในสวีเดน ก่อนที่จะนำเข้ามาในประเทศไทย ด้วยระบบการผลิตทั่วโลกของสแกนเนีย ทำให้มั่นใจได้ว่ารถของเราจะมีคุณภาพเหมือนกัน ไม่ว่าเราจะสร้างมาจากที่ไหนก็ตาม”นางสตีน่ากล่าวและว่าที่สำคัญที่สุดคือรถที่ผลิตในสวีเดน จะมีราคาจำหน่ายเทียบเท่ากับการผลิตในประเทศไทย ไม่กระทบต่อการให้บริการลูกค้าแต่อย่างใด
ทั้งนี้สแกนเนีย สยามก่อตั้งในปี 1986 และครบรอบ 35 ปีในการทำตลาดในประเทศไทยในปีนี้สแกนเนียสยามยังคงวางแผนที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความมุ่งมั่นในระยะยาวต่อตลาดในประเทศไทย พร้อมมุ่งมั่นพัฒนางานบริการให้ดีขึ้น ให้รถลูกค้าพร้อมใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพิ่มผลกำไรธุรกิจขนส่ง ขับเคลื่อนสู่ระบบขนส่งที่ยั่งยืน “เพราะธุรกิจคุณ สำคัญที่สุด”

นางสตีน่า กล่าวต่อว่า ลูกค้าของสแกนเนีย ทุกรายจะได้รับข้อเสนอสเปครถ และงานบริการหลังการขายที่เหมาะกับธุรกิจของลูกค้า ทำให้ไม่ต้องกังวลกับปัญหาค่าซ่อมที่ไม่คาดคิด และให้รถของลูกค้ารับงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสแกนเนียยังได้ปรับงานบริการให้โดนใจลูกค้ามากขึ้นโดยการขยายเวลาเปิดศูนย์บริการถึง 22.00 น. (4 ทุ่ม) เพื่อรองรับการใช้บริการหลังเวลาปกติ (จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 17.00 น.)โดยเริ่มต้นจากที่ศูนย์บริการสาขาบางนา กม.19 (สำนักงานใหญ่) เป็นแห่งแรก ทำให้ผู้ประกอบการมีโอกาสทางธุรกิจ และทางเลือกที่มากขึ้น นอกจากนี้ สแกนเนียยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ที่พร้อมให้คำปรึกษา หรือออกให้บริการซ่อมนอกสถานที่ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน

ในปี 2564 สแกนเนียสยาม ยังคงทำงานร่วมกับลูกค้าในการร่วมเปลี่ยนแปลงสู่ระบบการขนส่งที่ยั่งยืนการขนส่งที่ยั่งยืน (Driving the shift towards a Sustainable transport system) เช่น การฝึกสอนนักขับรถบรรทุกและรถบัส เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมุ่งมั่นสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน รวมถึงพยายามผลักดันเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยสแกนเนียมีความรู้ และความพร้อมเกี่ยวกับระบบการขนส่งที่ยั่งยืนหลากหลายรูปแบบ บนพื้นฐาน หลัก 3 ประการ ได้แก่ 1.การใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ 2.ระบบขนส่งอัจฉริยะและปลอดภัย 3.รถพลังงานทางเลือกและพลังงานไฟฟ้า
“เราต้องการที่จะมั่นใจว่า ลูกค้าเข้าใจในเรื่องการใช้สแกนเนียแล้วสามารถลดมลพิษได้อย่างไร แน่นอนว่าการใช้เชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ หรือ ความประหยัดน้ำมันของรถสแกนเนียคือหนึ่งในสิ่งที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ตั้งแต่ตอนนี้ นอกจากนี้ สแกนเนียยังพร้อมที่จะเปลี่ยนสู่พลังงานเชื้อเพลิงทางเลือกในรูปแบบต่างๆ ถ้าหากมีความต้องการจากตลาดประเทศไทยในอนาคต ซึ่งเราภูมิใจที่จะบอกว่ามันจะช่วยให้ลูกค้าได้กำไรไปพร้อมกับความยั่งยืน” นางสตีน่า กล่าว


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สแกนเนียมุ่งมั่นสู่การลดคาร์บอน

สแกนเนีย เผยหลัก 3 ประการ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ผลักดันการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบการขนส่งที่ยั่งยืน (Driving the shift towards a sustainable transport system) แม้สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกยังคงส่งผลกระทบธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างต่อเนื่อง แต่เป้าหมายด้านสู่ความยั่งยืนยังคงเดินหน้าต่อไป

นายโจฮัน คลาสัน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดและหัวหน้างานด้านความยั่งยืน บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2564 คาดว่าจะเป็นปีที่ยากลำบากของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยต่อเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 แต่ “สแกนเนีย” ผู้ผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดใหญ่จากสวีเดน จะยังคงไม่ทิ้งเป้าหมายที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงสู่ระบบการขนส่งที่ยั่งยืน ด้วยผลิตภัณฑ์ งานบริการ และเทคโนโลยีที่มีความพร้อมสำหรับธุรกิจลูกค้า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนของประเทศไทย ด้วยการนำหลักการขนส่งที่ยั่งยืน 3 ประการ มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพระบบขนส่งในระดับต่าง ๆ ได้แก่ 1. ประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) ซึ่งหมายถึงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ช่วยทำให้ใช้พลังงานน้ำมันสำหรับการเผาไหม้น้อยลง เมื่อเผาไหม้น้อยลงก็ปล่อยมลพิษน้อยลงไปด้วย แน่นอนว่าต้นทุนขนส่งก็ลดลงไปด้วย เป็นการช่วยเพิ่มผลกำไรให้ธุรกิจไปพร้อมกัน 2. เชื้อทางเลือกและพลังงานไฟฟ้า (Alternative Fuels and Electrification) โดยการพัฒนาการรองรับพลังงานทางเลือกและรถพลังงานไฟฟ้า ซึ่งแน่นอนว่าสามารถลดปริมาณการปล่อยมลพิษได้อย่างชัดเจนและ 3.การขนส่งที่ชาญฉลาดและปลอดภัย
(Smart and Safe Transport ) โดยสแกนเนียได้พัฒนาระบบการขนส่งอัจฉริยะและปลอดภัย เพราะนักขับคือหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดในธุรกิจขนส่ง ระบบอัจฉริยะที่ช่วยให้ขับขี่ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากจะช่วยลดอุบัติเหตุบนสังคมท้องถนนแล้ว ยังช่วยบริหารธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทั้ง 3 หลักการด้านการขนส่ง จะสามารถช่วยให้ระบบขนส่งของเราสะอาดปลอดภัย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายโจฮัน กล่าวว่า “ตามความตกลงปารีส ปี 2559 มีหลายประเทศได้ร่วมลงนามกับองค์การสหประชาชาติเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ทำให้สแกนเนียมุ่งมั่นอย่างมากที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนให้ทุกคนจริงจังกับความยั่งยืน เพราะมันไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราอีกต่อไป สภาพอากาศที่ร้อนขึ้น ฝุ่น PM 2.5 รวมถึงการละลายของน้ำแข็งขั้วโลกและภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลก ล้วนเกี่ยวข้องกับวิกฤตทางธรรมชาติ

“จุดประสงค์ของสแกนเนีย คือการผลักดันการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบการขนส่งที่ยั่งยืนมากขึ้นไม่ว่าเราจะอยู่ในยุโรปหรือไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใดในโลกก็ตาม และมากกว่าร้อยละ 25 ของไอเสีย คาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดมาจากอุตสาหกรรมการจราจรและระบบการจราจรขนส่งทางบก โดยเรามุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา” นายโจฮัน กล่าว

ดังนั้นเพื่อเข้าสู่ระบบการขนส่งที่ยั่งยืนในแต่ละปีสแกนเนีย จึงได้ใช้งบประมาณจำนวนมากในการวิจัยและพัฒนาเพื่อความยั่งยืนพร้อมกับเพิ่มศักยภาพธุรกิจขนส่งให้กับลูกค้า แม้ในสถานการณ์โควิด-19 จะมีความรุนแรงต่อเนื่องยาวนาน แต่การดำเนินงานสู่ระบบการขนส่งที่ยั่งยืนยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยความร่วมมือและทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อคงความเป็นผู้นำด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสนับสนุนให้ลูกค้าของเราสามารถสร้างความแตกต่าง โดยการทำตลาดและให้บริการไปพร้อมกับธุรกิจที่ยั่งยืนโดยใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของสแกนเนีย

นายโจฮัน ยังให้ความเห็นว่า การขนส่งที่ยั่งยืนสามารถเพิ่มมูลค่าและโอกาสให้กับผู้ประกอบการขนส่งได้ พร้อมกับการลดมลพิษ จากที่ปัจจุบันการตั้งเป้าหมายการลดมลพิษเพื่อความยั่งยืน เป็นเรื่องที่บริษัทชั้นนำหลาย ๆ บริษัทมีอยู่ในแผนพื้นฐานทางธุรกิจ และสแกนเนียมีผลิตภัณฑ์และบริการที่พร้อมจะตอบโจทย์เหล่านั้นได้ “เรามีรถที่ตอบโจทย์ธุรกิจขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมงานบริการที่มีคุณภาพและระบบที่ช่วยวิเคราะห์เพื่อพัฒนาการขนส่งให้ดียิ่งขึ้น ให้ความยั่งยืน กับกำไรในธุรกิจดีขึ้นไปด้วยกัน”

ทั้งนี้เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา สแกนเนียได้เปิดตัวรถบรรทุกไฟฟ้าเต็มรูปแบบ สามารถเดินทางได้ไกลสูงสุดถึง 250 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และรถบรรทุกไฮบริด นอกจากนี้ ยังเปิดตัวเครื่องยนต์ V8 ใหม่ ที่พัฒนาให้มีกำลังสูงขึ้น แต่ปล่อยมลพิษน้อยลง ในตลาดยุโรปและอเมริกาใต้ แสดงให้เห็นว่าแม้ต้องประสบกับวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 แต่สแกนเนียไม่หยุดการพัฒนาด้านการขนส่งที่ยั่งยืน “ประเทศไทยมีทรัพยากรที่ดีสำหรับผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพอย่างไบโอดีเซล เนื่องจากเป็นประเทศเกษตรกรรม” และในปีเดียวกันสแกนเนียสามารถบรรลุการกำหนดเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกที่สอดคล้องกับเป้าหมายของข้อตกลงปารีส (Science Based Targets initiative (SBTi) ได้สำเร็จ ซึ่งเป้าหมายที่ตั้งไว้คือการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากภายในองค์กรลงให้ถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับปริมาณการปล่อยคาร์บอนในปี พ.ศ.2558


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สแกนเนีย พลิกดิน ปลูกสร้าง ยกศักยภาพศูนย์บริการสระบุรีใหม่ ยืนยันทำตลาดในประเทศไทยระยะยาว

สแกนเนีย เริ่มแผนลงทุนสร้างศูนย์บริการสาขาสระบุรีใหม่ ขยายกำลังรองรับการขนส่งที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต เส้นทางภาคกลาง-อีสาน สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา โดยทีมผู้บริหารสแกนเนียย้ำหนักแน่นในการทำตลาดรถขนาดใหญ่เพื่อการพาณิชย์ระยะยาวต่อในประเทศไทย เตรียมพร้อมสนับสนุนลูกค้าให้ผ่านวิกฤต และฟื้นตัวได้อย่างมั่นคงจากสถานการณ์โควิด-19

นางสตีน่า เฟเกอร์แมน กรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด แสดงออกถึงทิศทางที่ชัดเจนให้ลูกค้าในประเทศไทยมั่นใจว่า สแกนเนีย ยังคงวางแผนลงทุนเพิ่มศักยภาพทั้งผลิตภัณฑ์และงานบริการอย่างต่อเนื่อง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนผลกำไรให้ลูกค้า (Driving Profitability) ควบคู่กับการขับเคลื่อน เพื่อเปลี่ยนแปลงสู่ระบบการขนส่งที่ยั่งยืน (Driving the shift towards a sustainable transport) ซึ่งสแกนเนียได้ทำธุรกิจในประเทศไทยมายาวนาน ย่างเข้าสู่ปีที่ 35 ในปี พ.ศ.2564 นี้ มั่นใจได้กับความเป็นมืออาชีพ ประสบการณ์และความรู้ที่นำมาพัฒนา เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจขนส่งให้ดียิ่งขึ้นต่อไปในระยะยาว

ด้าน นาย สถิตย์   ริยะตานนท์ ผู้อำนวยการบริการหลังการขาย บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด กล่าวว่า “ศูนย์บริการสแกนเนีย สาขาสระบุรี เป็นหนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ที่มีลูกค้านิยมใช้บริการเป็นจำนวนมาก ด้วยสระบุรีเป็นเหมือนประตูสู่ภาคอีสาน และธุรกิจขนส่งของลูกค้าเรามากมายผ่านเส้นทางนี้ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะลงทุนเพิ่ม โดยสแกนเนียเป็นผู้บริหารจัดการด้วยตัวเราเอง (Captive Dealer) เพื่อมอบบริการที่ดีขึ้นให้กับกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการอยู่ปัจจุบัน และเรายังมองศูนย์ฯ สระบุรีใหม่นี้ให้สามารถรองรับการเติบโตในอนาคตได้อีกด้วย” นอกจากนั้น สแกนเนียยังมองการขยายให้สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล กับโครงสร้างพื้นฐานมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา คาดการณ์ว่าหลังวิกฤตโควิด จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สแกนเนียเลือกบริษัท จีซีเอส กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างเหล็กที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานสากล อีกทั้งมีประสบการณ์สร้างโรงซ่อมตามมาตรฐานสแกนเนียมาแล้วในหลายประเทศทั่วโลก มาเป็นผู้สร้างศูนย์บริการสแกนเนีย สาขาสระบุรีใหม่ โดยทีมผู้บริหารทั้งสองฝ่ายได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมและติดตามแผนดำเนินงานอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ก่อนเริ่มปลูกสร้าง

ศูนย์บริการสแกนเนีย สาขาสระบุรี ใหม่ ออกแบบและควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานการสร้างของสแกนเนียทั่วโลก สร้างบนพื้นที่ 4 ไร่ มีความพร้อมทั้งในส่วนของพื้นที่รับส่งรถ สำนักงาน ต้อนรับลูกค้า ห้องพักนักขับ ห้องเก็บอะไหล่ และโรงซ่อมถึง 6 ช่องบริการ ดูแลโดยพนักงานและช่างสแกนเนียที่มีประสบการณ์มืออาชีพ ลูกค้าจึงมั่นใจได้กับคุณภาพงานบริการ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาสที่สอง ปี พ..2564

สแกนเนียแสดงถึงความยึดมั่น และตั้งใจต่อตลาดในประเทศไทยระยะยาว เคียงข้างสนับสนุนลูกค้าอย่างเต็มกำลังให้ผ่านวิกฤตไปด้วยกัน ฟื้นฟูสภาพธุรกิจกลับมาให้ได้เร็วที่สุด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายสื่อสารและการตลาด บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด 0 2017 9200 หรือเข้าเยี่ยมชมได้ที่ www.scania.co.th หรือ www.facebook.com/scaniathailandgroup


 

Exit mobile version