หากคุณอยากรู้ว่าไฟเบรคของคุณทำงานปกติหรือไม่ คุณจะต้องทำอย่างไร?
คำตอบอยู่ที่นี่แล้วครับ ด้วยนวัตกรรมใหม่แห่งมนุษยชาติได้กำเนิดขึ้นแล้วที่นี่ที่เดียว กับอุปกรณ์สำหรับตรวจสอบไฟเบรครถยนต์ ที่ใช้หลักการทำงานสุดแสนจะง่ายดาย แต่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพในการทำงาน อาศัยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพียงไม่กี่ชิ้น กับฝีมือด้านการประดิษฐ์อีกเล็กน้อย ก็ได้ตุ๊กตาจุ๊บๆ ดูดติดไฟเบรคยามต้องการทดสอบว่าไฟเบรคของคุณยังทำงานปกติดีหรือไม่
สิ่งประดิษฐ์ขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ช่วยลดภาระคนใช้รถยนต์ เพราะในยามที่ต้องการตรวจสอบว่าไฟเบรคทำงานดีอยู่หรือไม่ วิธีที่ง่ายที่สุดคือ เรียกคนมาช่วยดูที่ท้ายรถขณะเราเหยียบเบรค หากปกติดี ไฟเบรคที่ควรติด ก็จะติด แล้วถ้าหากไม่มีแม้ใครสักคนมาช่วยดูให้ล่ะ จะทำไงดี..ง่ายที่สุดก็หาทางจอดรถไว้หน้ากระจก จากนั้นดูการทำงานผ่านกระจกมองหลังแต่ไอ้กระจกที่ว่านั้นจะหาได้ที่ไหนหนอ งั้นเรามาออกแรงนิดหน่อย กับลงทุนเล็กน้อย มาสร้างตัวช่วยตรวจสอบการทำงานของไฟเบรคกันดีกว่า
แนวคิด
ถ้าหากไฟเบรคมีสภาพดี เวลาเหยียบเบรค ไฟต้องติดสว่าง ถ้าไฟเบรคเสีย มันก็ไม่ติด ดังนั้นการตรวจสอบจึงใช้แสงของไฟเบรคนี่ล่ะครับ อุปกรณ์ตรวจจับแสงที่หาง่ายราคาถูกคือ LDR หรือตัวต้านทานแปรค่าตามแสง ในภาวะที่ไม่มีแสงมากระทบ มันจะมีค่าความต้านทานสูงและลดลงเมื่อได้รับแสง เมื่อ LDR ได้รับแสงก็จะทำให้วงจรทำงานแล้วขับ LED ให้กะพริบ และกะพริบไปตลอดจนกระทั่งปิดสวิตช์จ่ายไฟ ดังนั้นในการใช้งานจึงให้นำชุดตรวจสอบนี้ไปติดเข้าที่ตำแหน่งของไฟเบรค แล้วเปิดสวิตช์จ่ายไฟ พอเหยียบเบรค แล้วไฟเบรคทำงานปกติ LDR จะได้รับแสงจากไฟเบรค วงจรจึงทำงาน แสดงผลด้วยไฟกะพริบ
รูปที่ 1 แสดงวงจรสมบูรณ์ของ Break lamp Tester
วงจรและการทำงาน
แสดงในรูปที่ 1 อุปกรณ์ที่เป็นหัวใจหลักคือ LDR1 และ SCR1 โดยในภาวะปกติ LDR1 ไม่ได้รับแสง จะมีค่าความต้านทานสูงมาก จนไม่มีกระแสไฟฟ้าไหลเข้าที่ขาเกต (G) ของ SCR1 ทำให้ SCR1 ไม่ทำงาน เมื่อ LDR1 ได้รับแสงสว่างมากพอ ค่าความต้านทานลดลง จึงเริ่มมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน LDR1 ไปยังขาเกตของ SCR1 ได้ ทำให้ SCR1 ทำงาน เกิดกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตัวมันไปทำให้ LED1 และ LED2 ทำงาน
LED1 และ LED2 เป็น LED แบบพิเศษหน่อยครับ มันเป็นแบบกะพริบได้เมื่อได้รับแรงดันไบแอสตรง ดังนั้นเมื่อ SCR1 ทำงานก็จะมีแรงดันไบแอสตรงให้แก่ LED1 และ LED2 ทำให้มันทำงาน เป็นไฟกะพริบ 2 ดวง
ตัวต้านทาน R1 มีความสำคัญมาก ในภาวะที่ LED1 และ LED2 ดับ (เพราะการทำงานเป็นไฟกะพริบจะต้องมีช่วงเวลาหนึ่งที่ดับ) หากไม่มี R1 จะทำให้เกิดภาวะวงจรเปิด ทำให้มีแรงดันตกคร่อมที่ขา A (แอโนด) และ K (แคโทด) ของ SCR1 ส่งผลให้มันหยุดทำงานเองได้ เมื่อมี R1 ต่อเข้าไป จะทำให้มีกระแสไฟฟ้าไหล 2 ทางคือ ทางหนึ่งผ่าน LED1 กับ LED2 และทางหนึ่งผ่าน R1 ในสภาวะที่ LED1 และ LED2 ดับ ก็ยังคงมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน R1 ทำให้แรงดันที่ขา A และ K ของ SCR1 ยังคงมีอยู่ SCR1 จึงยังทำงานอยู่ต่อไปได้ จนกว่าจะมีการปิดสวิตช์จ่ายไฟเลี้ยง กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่าน R1 เรียกว่า กระแสโฮลดิ้ง (Holding current) ควรมีค่าอย่างน้อย 5.8mA
การสร้าง
วงจรนี้มีอุปกรณ์ไม่กี่ตัว จึงไม่จำเป็นต้องออกแบบลายวงจรพิมพ์ สำหรับตัวต้นแบบผมใช้แผ่นวงจรพิมพ์เอนกประสงค์ดังรูปที่ 2 มาตัดเป็นวงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5 ซม. ให้สามารถใส่ลงไปในตัวตุ๊กตาได้
รูปที่ 2 ขวดเครื่องปรุงแฟนซีใช้เป็นตุ๊กตาและแผ่นวงจรพิมพ์เอนกประสงค์ที่เลือกใช้
การติดตั้งอุปกรณ์ให้ติดตั้งด้านลายทองแดงโดยบัดกรีแปะลงไปเหมือนการบัดกรีพวกอุปกรณ์ SMD ดังรูปที่ 3 และในรูปที่ 4 จะเป็นรูปวาดการวางอุปกรณ์ทั้งบนแผ่นวงจรพิมพ์และอุปกรณ์ที่ต้องใช้การโยงสายไฟเพื่อติดตั้งกับหัวตุ๊กตา สำหรับกะบะถ่านให้ติดตั้งด้านบนของแผ่นวงจรพิมพ์แต่รอไว้ติดตั้งในขั้นตอนประกอบเป็นตุ๊กตาเพราะกะบะถ่านจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยยึดเกาะกับตุ๊กตา
รูปที่ 3 ลักษณะการบัดกรีอุปกรณ์
รูปที่ 4 รูปแบบการต่อวงจรเช็กไฟเบรค
เมื่อบัดกรีอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วก็มาทำการทดสอบ เริ่มด้วยการจ่ายไฟ +3V จากนั้นหาแสงไฟที่มีความสว่างพอๆ กับไฟเบรค แล้วส่องเข้าหา LDR จะทำให้ LED ติดและกะพริบ หากไม่ติดให้ทำการปรับความไวในการตรวจจับแสงของวงจร ด้วยการปรับค่าของ VR1 ในขณะยังส่องไฟให้กับ LDR อยู่ โดยให้ค่อยๆ หมุน VR1 จน LED ติด ก็จะได้จุดที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานแล้วครับ
การประกอบเป็นตุ๊กตาจุ๊บๆ
(1) ติดตั้ง LDR เข้ากับกึ่งกลางของตัวดูดกระจก โดยเจาะรูขนาดเล็ก 2 รู พอให้ขาของ LDR สอดเข้าไปได้ จากนั้นดัน LDR เข้าไปจนแนบสนิทกับตัวดูดกระจก แล้วแยกขา LDR ออกไปคนละด้านแล้วใช้สายไฟขนาดเล็กบัดกรีจากขา LDR ไปยังแผงวงจรดังรูปที่ 4 จากนั้นใช้กาวซิลิโคนใสปิดรูที่ขา LDR สอดเข้าไปเพื่อให้ตัวดูดกระจกยังสามารถรักษาความเป็นสุญญากาศขณะดูดติดกับท้ายรถได้ดังเดิม
รูปที่ 5 ติดตั้ง LDR เข้ากับตัวดูดกระจก
(2) นำฝาของขวดเครื่องปรุงที่เป็นเหมือนหัวตุ๊กตา มาตัดส่วนที่เป็นรูสำหรับเทเครื่องปรุงออก เจาะรูตรงดวงตา 2 ข้างด้วยดอกสว่านขนาด 3 มม. เพื่อติดตั้ง LED 2 ดวง และรูด้านข้าง 2 ข้าง สำหรับร้อยสกรู 3 มม. ยาว 25 มม. เพื่อยึดตัวดูดกระจก สุดท้ายให้เจาะรูสำหรับติดตั้งสวิตช์เปิดปิด
(3) นำแผงวงจรที่ลงอุปกรณ์และโยงสายไฟเรียบร้อยแล้วติดตั้งลงไปด้านในดังรูปที่ 6 จากนั้นติดตั้งสวิตช์สำหรับเปิดปิด และ LED ทั้ง 2 ดวงเข้ากับรูที่เจาะไว้ตรงดวงตาด้วยปืนกาวซิลิโคนดังรูปที่ 6 สำหรับแสดงสภาวะไฟเบรค
รูปที่ 6 ติดตั้งแผ่นวงจรพิมพ์ลงไปด้านใน รวมทั้งส่วนที่ใช้การโยงสายสวิตช์เปิดปิด และ LED แสดงสภาวะไฟเบรค
(4) บัดกรีกะบะถ่าน 3V รุ่น CR2032 ไว้ด้านบนของแผ่นวงจรพิมพ์ ด้วยขนาดของกะบะถ่านที่มีขนาดกว้างกว่าส่วนหัวของตุ๊กตาเล็กน้อย เมื่อบัดกรีแล้วจึงทำให้แผ่นวงจรพิมพ์ด้านในถูกยึดติดเข้ากับหัวตุ๊กตาได้อย่างแน่นหนาดังรูปที่ 7
รูปที่ 7 การติดตั้งกะบะถ่านรุ่น CR2032 จะเห็นว่ากะบะถ่านมีขนาดกว้างกว่าหัวคุ๊กตาเล็กน้อยเมื่อติดตั้งแล้วทำให้แผ่นวงจรพิมพ์ด้านในถูกยึดเอาไว้อย่างแน่นหนา
(5) ตกแต่งช่องติดตั้งสวิตช์ด้วยสติ๊กเกอร์ลายหนัง แล้วนำฝาครอบสวิตช์มาสวมลงไปดังรูปที่ 8
รูปที่ 8 ตกแต่งตรงลอยเจาะสวิตช์ด้วยสติกเกอร์และสวมฝาครอบลงไป
(6) ติดตั้งตัวดูดกระจกเข้าส่วนหัวตุ๊กตาด้วยการใช้สกรู 3 มม. ยาว 30 มม. ร้อยเข้าไปตรงรูด้านข้างของหัวตุ๊กตาสอดทะลุห่วงของตัวดูดกระจกโดยให้ร้อยทะลุไปอีกด้านของของหัวตุ๊กตาแล้วล็อกด้วยนอตตัวเมียดังรูปที่ 9
รูปที่ 9 ติดตั้งตัวดูดกระจกด้วยชุดสกรู 3 มม. ยาว 30 มม.
เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ การใช้งานก็เพียงนำไปจุ๊บไว้กับฝาครอบไฟเบรคแล้วก็เดินไปเหยียบคันเบรค หาก LED ติดก็แสดงว่าไฟเบรคของเราทำงานปกติ เป็นไงครับลงทุนเพียงไม่กี่บาทก็สร้างความสะดวกให้กับชีวิตได้ ที่สำคัญยังไม่เคยเห็นมีขายในท้องตลาด อาจทำไปจำหน่ายก็เข้าท่าดีนะครับ