Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

IRPC ผนึก Metro Systems ร่วมพัฒนาต่อยอดธุรกิจขยายตลาดให้บริการด้าน Digital Solution

IRPC จับมือ Metro Systems ลงนามบันทึกข้อตกลงพันธมิตรการค้า ร่วมพัฒนาต่อยอดธุรกิจการให้บริการด้านดิจิทัล ด้วยความชำนาญ และประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีของทั้งสองบริษัท โดยแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน   สร้างโอกาสทางธุรกิจ ต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจให้บริการด้าน Digital Solution ประกอบด้วย Application and Automation service, Technology consult, Infrastructure service, Cloud service, data Analytic, และ cybersecurity service

วันที่ 17 กรกฎาคม 2566 นายปรเมศร์ จุลวิชิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารศักยภาพองค์กร และดิจิทัล บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC  พร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ลิขิตจรรยากุล รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์โซลูชั่น บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ Metro Systems ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพันธมิตรทางการค้าด้านซอฟต์แวร์และดิจิทัล ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจที่ให้บริการด้านดิจิทัล โดยอาศัยความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ รวมถึงทรัพยากรด้านเทคโนโลยี ประกอบด้วย Application and Automation service, Technology consult, Infrastructure service, Cloud service, Data Analytic, และ Cybersecurity service ในการพัฒนาและต่อยอดโครงการต่างๆ พร้อมสร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ และขยายตลาดใหม่ให้กับทั้งสองบริษัทในการเสนอ Digital Solution ให้แก่หน่วยงานต่างๆ ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นายปรเมศร์ จุลวิชิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารศักยภาพองค์กร และดิจิทัล IRPC เปิดเผยถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “IRPC ได้นำเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรมยุคใหม่ มาประยุกต์ใช้กับกระบวนการทำงานภายในของบริษัท รวมถึงการนำข้อมูลต่างๆ มาประมวลผล และวิเคราะห์เชิงลึกจนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี เช่น การทำ Robot Software, AI, Data Science, IT Security เป็นต้น มาช่วยการทำงานเพื่อต่อยอดด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพ และยกระดับความปลอดภัยในการทำงาน ทำให้ทีม IRPC Digital (นำทีมโดย คุณสุวรรณ ศรีนวล ผู้จัดการฝ่ายดิจิทัล) มีองค์ความรู้ และประสบการณ์ด้านดิจิทัล ที่สามารถร่วมกันสร้างโอกาสทางธุรกิจ และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มศักยภาพทักษะการให้บริการ ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ภายใน IRPC สามารถขยายผลออกไปสู่ลูกค้าภายนอกได้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ด้วยความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรมยุคใหม่ มาช่วยเสริมศักยภาพ และทักษะให้กับทีม IRPC โดยถือเป็นโอกาสทางธุรกิจอันดีที่ IRPC ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพันธมิตรทางการค้าด้านซอฟต์แวร์ และดิจิทัล กับ บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในการยกระดับการให้บริการด้านดิจิทัลครั้งนี้”

นายชัยวัฒน์ ลิขิตจรรยากุล รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจซอฟต์แวร์โซลูชั่น บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติ และภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสร่วมมือกับ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ในการร่วมพัฒนาทีม IRPC Digital ผมมีความมั่นใจว่า เราจะมีส่วนร่วมในการ Transform Business ของ IRPC Digital ไปเป็นผู้ให้บริการทางด้านดิจิทัลให้กับลูกค้ารายใหม่ๆ ของ IRPC ได้ ซึ่งเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการโซลูชั่นทางเทคโนโลยี โดยมีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญกว่า 37 ปี Metro Systems ยังได้ร่วมกันพัฒนา Robotic Process Automation (RPA) กว่า 4 ปี ในการแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านเทคโนโลยี เราเล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาธุรกิจร่วมกัน โดยอาศัยความรู้ความสามารถ ความชำนาญ และทรัพยากรในด้านเทคโนโลยีที่ Metro Systems และ IRPC มี โดยเรามีความเชี่ยวชาญในด้าน Application and Automation service, Technology consult, Infrastructure service, Cloud service, Data Analytic, และ Cybersecurity service ที่เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนให้กับ IRPC มีความพร้อมทั้งทางด้านบุคลากรที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในแต่ละโซลูชั่น รวมถึงทรัพยากรในด้านต่างๆ ที่พร้อมจะสนับสนุน ผมเชื่อว่าจากการร่วมมือกันในครั้งนี้ จะทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด เพื่อให้ทันความเปลี่ยนแปลงทั้งในอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี ที่รวดเร็วในปัจจุบัน ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือพันธมิตรทางการค้านี้ Metro Systems และ IRPC จะร่วมกันพัฒนา และต่อยอดโครงการต่างๆ สร้างสรรค์เทคโนโลยีใหม่ๆ นำศักยภาพที่มีมาร่วมกันพัฒนาธุรกิจ ผ่านโซลูชั่นที่ใช้ได้จริง และเป็นประโยชน์ต่อองค์กร เพื่อช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการผลักดันให้กับธุรกิจ หรือองค์กรอื่นๆ ในประเทศไทยเติบโต และยั่งยืนอย่างแน่นอน”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อ คุณสุภาพรรณ ถ้วนกำจร โทร.02-089-4938 email: supapthu@metrosystems.co.th Website: https://www.metrosystems.co.th/


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

‘ไออาร์พีซี’ จับมือ ‘ไอบีเอ็ม’ ดึงออโตเมชัน พลิกโฉมการเพิ่มประสิทธิภาพ ติดสปีดงานปฏิบัติการเร็วขึ้นเกือบเท่าตัว

วันนี้ ไอบีเอ็ม (NYSE: IBM) ประกาศว่าบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC) หนึ่งในบริษัทปิโตรเคมีครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ประสบความสำเร็จในการนำ IBM Robotic Process Automation (RPA) with Automation Anywhere ไปใช้ในกระบวนการทำงานด้านการเงิน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความแม่นยำ ความรวดเร็ว และประหยัดต้นทุนอีกทั้ง ยังช่วยเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ในการทำงานให้กับพนักงาน ท่ามกลางความท้าทายในยุคปัจจุบั
การผนึกพลังของเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ IRPC 4.0 เพื่อยกระดับการดำเนินงาน และนำพาองค์กรก้าวสู่การเป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งการที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว IRPC จำเป็นต้องได้รับข้อมูลเชิงลึกในเวลาที่เหมาะสมทันท่วงที ด้วยการนำร่องใช้เทคโนโลยีออโตเมชัน โดยเริ่มจากสายงานบัญชีและการเงิน
ระบบ RPA ที่ติดตั้งโดย บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ช่วยให้ IRPCสามารถดึงและจัดเตรียมข้อมูลรายงานต้นทุนการผลิตจากหลายระบบได้เร็วขึ้นถึง 86% โดยระบบยังสามารถติดตามงาน จัดระเบียบรายงานเป็นแฟ้มเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ปฏิบัติการ เมื่อทำรายงานเสร็จ เทคโนโลยีของไอบีเอ็มช่วยให้ IRPCสามารถดำเนินกระบวนการทางการเงินแบบอัตโนมัติในระดับองค์กรขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว โดยซอฟต์แวร์โรบ็อทหรือบ็อท หรือ IBOT (ชื่อที่ IRPC  ใช้) สามารถใช้ข้อมูลปัญญาประดิษฐ์เชิงลึกเพื่อทำงานให้เสร็จสิ้นได้เร็วขึ้น และช่วยสนับสนุน IRPC ในการเดินหน้าก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัลได้สำเร็จ
นอกจากจะช่วยเพิ่มความแม่นยำแล้ว RPA ยังช่วยให้พนักงานทำงานได้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้นแม้ว่าจะต้องทำงานจากระยะไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ต้องทำงานจากที่บ้าน (work from home) ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยพนักงานสามารถทำงานที่สร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น และเรียนรู้ทักษะแห่งอนาคตใหม่รองรับงานด้านการวิเคราะห์ขั้นสูงที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญมากขึ้น
“เห็นได้ชัดว่าองค์กรที่มีนวัตกรรมและมีบุคลากรที่พร้อมรับนวัตกรรมใหม่ๆ อย่าง IRPC มีความพร้อมที่จะตอบสนองต่อภูมิทัศน์ทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป และคว้าโอกาสทางธุรกิจที่ดีที่สุดที่มีอยู่ได้” ปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย กล่าว “ในฐานะผู้นำตลาดที่ได้รับการจัดอันดับโดยทั้งฟอร์เรสเตอร์แอนด์เอเวอร์เรสต์กรุ๊ป ไอบีเอ็ม และพันธมิตรอย่างเมโทรซิสเต็มส์ มีความยินดีที่ได้นำเทคโนโลยีออโตเมชันชั้นนำและความเชี่ยวชาญเชิงอุตสาหกรรมของเรามาช่วย IRPC เร่งเครื่องสู่เส้นทางการเปลี่ยนผ่านด้านดิจิทัล                     และการเติบโตด้านธุรกิจ”
ความสามารถในการทำงานแบบควบรวมหลายระบบเข้าด้วยกัน ทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร ทำให้วันนี้เทคโนโลยีออโตเมชันของไอบีเอ็มถูกนำมาใช้ในด้านอื่นด้วย การที่ออโตเมชันช่วยลดเวลาการทำงานลง 40 ชั่วโมง และช่วยให้การดำเนินการของสายงานบัญชีและการเงินเร็วขึ้น 86 % ต่อเดือน ถือเป็นการพลิกโฉมรูปแบบการจัดการงานต่างๆ ให้กับIRPC ได้อย่างมีนัยสำคัญ
“การปรับกระบวนการและการดำเนินงานให้เป็นรูปแบบดิจิทัลมากยิ่งขึ้น ช่วยให้เราได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ถูกต้องแม่นยำและทันท่วงทีไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ทำให้สามารถเข้าใจสาเหตุของปัญหาต่างๆ อย่างแท้จริง และตัดสินใจได้อย่างถูกต้องบนพื้นฐานของข้อมูล ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้” นายชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)กล่าว “การนำเทคโนโลยีออโตเมชันจากไอบีเอ็มมาใช้ และขยายการใช้งานทั่วทั้งบริษัทฯ ในวันนี้จะช่วยให้ธุรกิจพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น และช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งขั้นของการเดินหน้าบนเส้นทาง IRPC 4.0 ตามแผนกลยุทธ์ของเรา เทคโนโลยีนี้จะทำให้ IRPC เป็นผู้นำในทุกตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน”
“หลังจากประสบความสำเร็จกับการเริ่มใช้ RPA ในสายงานบัญชีและการเงิน IRPC จึงมองถึงการขยายการใช้ระบบออโตเมชันไปยังโครงการอื่นๆ อีก 60 โครงการ ครอบคลุมการทำงานของหลายหน่วยงาน อีกทั้งยังวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีออโตเมชันอย่างปัญญาประดิษฐ์มาใช้กับกระบวนการทางธุรกิจ (business process automation: BPA) เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย” นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติม
ข้อมูลอื่นเพิ่มเติม 
การศึกษาโดยสถาบันการศึกษาคุณค่าทางธุรกิจของไอบีเอ็ม (IBV) ร่วมกับอ็อกซ์ฟอร์ดอีโคโนมิกส์ ชี้ให้ เห็นว่าลักษณะของงานที่ใช้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญภายในปี 2567 โดยเปอร์เซ็นต์ของงานทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นงานธุรการ งานของแผนก งานขององค์กร และงานที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ จะยังคงมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยงานขององค์กรและงานที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญมีสัดส่วนมากที่สุด เมื่อพิจารณาลงรายละเอียด หนึ่งในห้าของผู้ที่ตอบแบบสำรวจระบุว่าเทคโนโลยีจะถูกใช้ในการทำธุรกรรมข้ามแผนกทั่วทั้งองค์กร ขณะที่ผู้ตอบแบบสำรวจจำนวนห้าเปอร์เซ็นต์มองว่าเทคโนโลยีจะถูกนำมาใช้ในงานที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญอย่างการแก้ปัญหา โดยอาศัยข้อมูลแบบเรียลไทม์หรืออาศัยข้อมูลเพื่อใช้ในการวิเคราะห์หลายประเภท
ไอบีเอ็มได้เข้าซื้อกิจการ WDG Automation เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของระบบออโตเมชันสำหรับองค์กรที่ผสานความสามารถของเอไอ วันนี้บริการออโตเมชันของไอบีเอ็มได้เข้าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มผลิตภาพในงานปฏิบัติการให้กับอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น เภสัชกรรม ยานยนต์ ประกันภัย การธนาคาร ฯลฯ
Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จับมือ วิทยาลัยเทคโนโลยีไออาร์พีซี เดินหน้าต่อยอดด้านการศึกษาสำหรับอุตสาหกรรมในอนาคต

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ลงนามความร่วมมือกับวิทยาลัยเทคโนโลยีไออาร์พีซี (IRPC Technological College) หรือ IRPCT โดยเป็นความร่วมมือทางวิชาการ โดยความร่วมมือในครั้งนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันสำหรับการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชัน ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า พลังงาน และเมคคาทรอนิกส์ เพื่อช่วยเสริมความเข้มข้นด้านวิชาการให้วิทยาลัยเทคโนโลยีไออาร์พีซีสามารถพัฒนาทักษะด้านอุตสาหกรรม 4.0 ให้กับนักศึกษา ด้วยความเชี่ยวชาญระดับโลกด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชัน ที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก นอกจากนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังมอบเทคโนโลยีแห่งอนาคต นวัตกรรมต่างๆ ที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้คิดค้นให้กับอาจารย์และนักศึกษาได้เรียนรู้ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดเป็นผลลัพธ์ด้านนวัตกรรมอันหลากหลายที่เป็นประโยชน์ในแวดวงอุตสาหกรรมและพลังงานในอนาคต

นายสเตฟาน นูสส์ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย ลาว และเมียนมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า “ความต้องการทักษะด้านดิจิทัลเพิ่มขึ้นในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา โดยเทคโนโลยีในอุตสาหกรรม 4.0 กำลังเร่งการเปลี่ยนแปลงนี้ให้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การเขียนโปรแกรม นับเป็นที่ต้องการในตลาดอย่างมาก รวมไปถึงทักษะต่างๆ เช่น การคิดเชิงวิเคราะห์ การประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อนซึ่งจะได้รับความต้องการเพิ่มขึ้นในยุค 4.0 นี้เช่นกัน”

เพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรม มีความจำเป็นต้องมีบทบาทเชิงรุกในการยกระดับบุคลากรในอนาคต ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงมองเห็นว่าการสนับสนุนด้านการศึกษาจะช่วยพัฒนาทักษะของนักศึกษาในวันนี้ จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศในวันหน้าให้ตอบโจทย์ความต้องการในตลาดได้

แม้ทุกวันนี้จะมีความกังวลว่าระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรม 4.0 จะเข้ามาแทนที่งานแบบเดิม แต่จากที่ผ่านมาแสดงให้เห็นได้ว่า เทคโนโลยีเหล่านี้กลับช่วยเสริมความสามารถให้กับมนุษย์ และเพิ่มขีดความสามารถให้กับพนักงาน ซึ่งโรงงานอัจฉริยะจะใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ ช่วยในการทำงานอัตโนมัติที่ซ้ำซากจำเจ ในขณะที่ช่วยให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นงานที่ต้องใช้เหตุผลและทักษะมากขึ้น

“นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ยังช่วยให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย อย่างวิกฤติโควิด 19 ที่ทุกประเทศได้เผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้สามารถรีโมทเข้าไปมอนิเตอร์ ควบคุมกระบวนการผลิต ช่วยให้ผู้ดูแลสามารถวิเคราะห์แนวโน้มการผลิต หรือสั่งให้กระบวนการเป็นไปโดยอัตโนมัติ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ช่วยเว้นช่องว่าง ระยะห่างในการพบปะกันระหว่างพนักงานได้อย่างดี และปลอดภัยได้ในทุกๆ กระบวนการในโรงงาน ถ้ามีการวางแผน และออกแบบการใช้งานเทคโนโลยีที่ถูกต้องและเหมาะสม”

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายหลัก ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยง ความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเรา คือ การเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัล เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัลด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เชื่อมต่อจากปลายทางไปยังคลาวด์ เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพสูงสุดในการบริหารจัดการองค์กร สำหรับที่อยู่อาศัย อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและสนับสนุนกลยุทธ์การสร้างระบบนิเวศของคู่ค้าซึ่งมีความมุ่งมั่นในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

งานเสวนาเชิงวิชาการหัวข้อเรื่อง “เทคโนโลยีสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียน”

กลุ่มบริษัทอินโนเวชั่น ร่วมกับ คณะกรรมการกลุ่มสาขายาง สมาคมโพลิเมอร์แห่งประเทศไทย, ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) และ ผู้บริหารบริษัท IRPC ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการให้ความรู้แก่นักวิชาการ นักวิจัย นักอุตสาหกรรม และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้เห็นถึงความสำคัญและร่วมกันหาแนวทางในการพัฒนาเทคโนโลยีสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียน จึงได้จัดงานเสวนาเชิงวิชาการหัวข้อเรื่อง “เทคโนโลยีสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียน” ขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม 2563 ณ อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทย

โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและการวิจัยจากหลายหน่วยงานที่ประสบความสำเร็จและกำลังดำเนินการในเรื่องนี้มาร่วมบรรยาย ซึ่งในสัมมนานี้แบ่งเป็นการเสวนาใน 4 หัวข้อหลักที่นับว่าเป็นการเสวนาที่ครบถ้วนทุกเนื้อหาและเกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย

ลิงค์รายละเอียด : http://www.elastomer-polymer.com/green-tech/


 

Exit mobile version