Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสัน และ Telstra บุกเบิกการใช้ Programmable Network เป็นแห่งแรกในเอเชียแปซิฟิก

ด้วยความร่วมมือครั้งสำคัญกับอีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ผู้ใช้งานมือถือบนเครือข่ายของ Telstra ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารชั้นนำในออสเตรเลีย จะเป็นผู้ใช้กลุ่มแรกในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จะได้รับประสบการณ์จากเครือข่ายที่ตั้งโปรแกรมได้ประสิทธิภาพสูง หรือ Programmable Network พร้อมเทคโนโลยี 5G Advanced

ภายใต้ข้อตกลงระยะเวลาสี่ปี Telstra จะอัปเกรด Radio Access Network (RAN) ด้วยโซลูชันฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่ที่รองรับ Open RAN และซอฟต์แวร์ 5G Advanced ของอีริคสัน นอกจากนี้ยังนำ AI และระบบอัตโนมัติมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการเครือข่ายผ่านความสามารถในการตรวจจับและซ่อมแซมตัวเอง

การเปลี่ยนแปลงนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ Telstra ด้วยเครือข่าย 5G ที่ล้ำสมัย ทนทาน และมีความเสถียรมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก Programmable Program ของ Telstra จะเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาแอปพลิเคชันที่เป็นนวัตกรรมและมีความสามารถปรับแต่งการเชื่อมต่อที่เหนือกว่าตามความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งานมือถือบนเครือข่ายของ Telstra รวมถึงบริการใหม่ ๆ ที่อิงตามประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ยังเตรียมจะเปิดเครือข่ายให้กับนักสร้างนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีจากอีโคซิสเต็มส์ที่กว้างขึ้นผ่าน Network APIs (Application Programming Interfaces)

ด้วยการนำไปใช้และการเร่งการใช้งาน Network APIs รวมถึงศักยภาพของ APIs สามารถเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยการประกาศร่วมทุนครั้งสำคัญระหว่างผู้ก่อตั้งหลักอย่าง อีริคสัน และ Telstra ภายใต้ชื่อ Aduna เมื่อไม่นานนี้ ได้ยกระดับความสามารถเครือข่าย 5G Advanced ใหม่ของ Telstra ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการส่งมอบบริการ API-based services ดังกล่าว

ความสามารถประสิทธิภาพสูงของโซลูชัน 5G Standalone (5G SA) ที่เกี่ยวข้องยังเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการเปิดใช้งานยูสเคสใหม่ ๆ และการสร้างสรรค์นวัตกรรมของนักพัฒนาที่จะทำให้ Industry 4.0 เกิดเป็นจริงได้ในประเทศออสเตรเลีย

นาง Vicki Brady ซีอีโอของ Telstra กล่าวว่า “เราอยู่ท่ามกลางจุดเปลี่ยนสำคัญ ซึ่งความต้องการของลูกค้าด้านเทคโนโลยีและการเชื่อมต่อมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น พวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลงในวิธีการส่งมอบและใช้งานการเชื่อมต่อ ในขณะที่ความต้องการใช้งานดาต้าเน็ตบนมือถือของเครือข่ายเราเองเพิ่มขึ้นสามเท่าช่วงห้าปีที่ผ่านมา

“ความร่วมมือกับอีริคสันครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกของผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เรามีเป้าหมายสำคัญเพื่อพัฒนาบริการและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้คลื่นความถี่ 5G ของเราให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผู้บริโภคนับล้านได้รับประสบการณ์ใช้งาน 5G ที่ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านความสม่ำเสมอของประสิทธิภาพ ความเสถียร และความเร็วเครือข่ายที่ดีขึ้น”

“ด้วย Programmable Network เราจะเปลี่ยนจากบริการแบบ One-Size-Fits-All ไปสู่การส่งมอบยูสเคสที่มีความซับซ้อนและเป็นโมเดลทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่แตกต่างและปรับแต่งให้เหมาะกับลูกค้ายิ่งขึ้น”

นาย Börje Ekholm ประธานและซีอีโอของอีริคสันกล่าวว่า “Programmable Networks ที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นองค์ประกอบพื้นฐานสำคัญต่อการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเสริมสร้างการเปลี่ยนแปลงในองค์กรและประเทศ โดย Telstra คือ ผู้นำพันธมิตรรายแรก ๆ ของอีริคสันที่เริ่มเปิดใช้งาน และกำลังจะได้รับประโยชน์จากการเชื่อมต่อ 5G Standalone ของเรา การเชื่อมต่อเครือข่ายที่เร็วขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น และแตกต่างนี้จะปรับเปลี่ยนประสบการณ์ของทั้งผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจ พร้อมช่วยให้นักพัฒนาใช้เทคโนโลยี 5G สำหรับการทดลอง สร้างนวัตกรรม และสร้างแอปพลิเคชันที่สำคัญ ภายในดีลนี้ Telstra ยังมอบประสิทธิภาพการใช้งานเครือข่ายให้ชาวออสเตรเลีย ตั้งแต่นักพัฒนารายบุคคลไปจนถึงอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เพื่อร่วมกันเสริมสร้างให้ออสเตรเลียสามารถแข่งขันบนเวทีโลก เราพร้อมทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Telstra เพื่อให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง”

ประโยชน์ด้านอื่น ๆ สำหรับ TELSTRA

แผนอัปเกรดเครือข่าย 5G ครั้งใหญ่ของ Telstra จะเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนด้านคลื่นความถี่และการดำเนินงานของ Telstra ให้สูงสุด โดยเครือข่ายใหม่นี้ตั้งเป้าเพิ่มประสิทธิภาพ 5G มากขึ้นเป็นสองเท่า พร้อมยกระดับการใช้งานให้มีความเสถียรมากยิ่งขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการได้กว้างขึ้น ทั้งยังเพิ่มความเร็วในการอัปโหลดและดาวน์โหลดข้อมูล และช่วยประหยัดพลังงาน

นอกจากนี้ ยังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการให้บริการมือถือแบบเดิมที่เน้น One-Size-Fits-All ไปสู่ Differentiated Connectivity ซึ่งผู้บริโภคและองค์กรสามารถสร้างประสบการณ์ในบริการของตนเองได้

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี

โซลูชันต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย Open RAN-ready Massive MIMO และโซลูชัน RAN Compute ใหม่ของอีริคสัน รวมถึงการสมัครใช้บริการ 5G Advanced ล่าสุดของอีริคสัน เพื่อนำเสนอบริการใหม่ ขับเคลื่อนประสิทธิภาพการดำเนินงาน และเพิ่มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังรวมถึง Ericsson Intelligent Automation Platform (EIAP) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการจัดการและระบบอัตโนมัติเครือข่ายแบบเปิด (Open RAN) ที่มีอุปกรณ์จากหลายผู้ผลิต (Multi-vendor) และเทคโนโลยีหลากหลาย (Multi-technology) ทั้ง 4G และ 5G RAN

EIAP จะปรับปรุงการจัดการเครือข่ายและระบบอัตโนมัติโดยใช้ EIAP และเครื่องมือในระบบนิเวศนักพัฒนาเพื่อสร้างและติดตั้งแอปพลิเคชันที่กำหนดเอง (rApps) ที่ใช้เทคนิคอัตโนมัติขั้นสูง รวมถึงการเรียนรู้ของเครื่องและ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่ายและส่งมอบการดำเนินงานที่ยั่งยืนที่ดีขึ้น

การขยายความร่วมมือล่าสุดนี้ เป็นการต่อยอดความร่วมมือระยะยาวระหว่างอีริคสันและ Telstra ในด้านเครือข่าย RAN ระบบ Core เครือข่ายใยแก้วนำแสง (Optical) ระบบถ่ายโอนข้อมูล (Transport) และระบบสนับสนุนธุรกิจ (Business Support Systems)

ADUNA

ADUNA เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับโลก ซึ่งนอกเหนือจากอีริคสันและ Telstra สมาชิกผู้ก่อตั้ง Aduna ยังประกอบไปด้วย América Móvil, AT&T, Bharti Airtel, Deutsche Telekom, Orange, Reliance Jio, Singtel, Telefonica, T-Mobile, Verizon และ Vodafone

บริษัทร่วมทุนแห่งนี้ได้รับการจัดตั้งขึ้นในเดือนกันยายนปี 2024 โดยมีการประกาศชื่อบริษัทในเดือนมกราคม ปี 2025 มีเป้าหมายเพื่อรวบรวมและจำหน่าย Network APIs ในระดับโลก เพื่อกระตุ้นการสร้างสรรค์นวัตกรรมในบริการดิจิทัลต่าง ๆ

พันธมิตรต่าง ๆ จะเปิดให้นักพัฒนาหลายล้านคนทั่วโลกสามารถเข้าถึงความสามารถการพัฒนาขั้นสูงในเครือข่ายของตน ผ่านแพลตฟอร์มระดับโลกสำหรับ Network APIs ทั้งหมด โดยความร่วมนี้ตั้งเป้าขับเคลื่อนยูสเคสใหม่ ๆ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่าง ๆ


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

DNB และ อีริคสัน เพิ่มศักยภาพเครือข่าย 5G ของมาเลเซียด้วยเทคโนโลยี 5G Advanced

บริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติของประเทศมาเลเซีย หรือ Digital Nasional Berhad: (DNB) และ อีริคสัน ได้เปิดตัวเทคโนโลยี 5G Advanced บนเครือข่ายของ DNB ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายแรกที่เปิดตัวเทคโนโลยีนี้ โดยเทคโนโลยีใหม่นี้ใช้ประสิทธิภาพจาก AI เพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้ด้วยความหน่วงต่ำพิเศษและรองรับปริมาณงานสูง เพื่อมอบประสบการณ์ที่เสมือนจริง

งานเปิดตัวนี้จัดขึ้นที่ My5G Portal Experience Centre ของ DNB ที่ตั้งอยู่ที่ย่าน Tun Razak Exchange หรือ TRX ศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ที่สำคัญของมาเลเซีย โดยมี นาย YB Gobind Singh Deo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเป็นประธาน พร้อมด้วยผู้นำจากหน่วยงานรัฐบาลและผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือต่าง ๆ ในงานเปิดตัวเป็นการแสดงสดจากวงดนตรีที่สมาชิกวงอยู่กันสองสถานที่ โดยอาศัยประสิทธิภาพจากความหน่วงที่ต่ำพิเศษ แบนด์วิดธ์ที่สูง และความเสถียรของ 5G Advanced ทำให้วงสามารถเล่นพร้อมกันได้แบบเรียลไทม์ การสาธิตนี้ยังแสดงให้เห็นศักยภาพในการใช้งานด้านอื่น ๆ อาทิ การผ่าตัดทางไกล (Remote Surgery) และการศึกษาผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริง (Immersive Education)

5G Advanced เป็นการต่อยอดพัฒนาขึ้นมาจากเครือข่าย 5G ทำให้เครือข่ายสามารถมอบประสบการณ์ให้กับผู้ใช้ได้อย่างสม่ำเสมอและเหนือชั้นในทุกเวลาและสถานที่ และมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมบนเครือข่ายเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ตามต้องการ โดยเครือข่าย DNB ยังได้รับประสิทธิภาพการดำเนินงานตามแนวทาง AI Intent-Based ของอีริคสัน เพื่อสร้างเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งความก้าวหน้าเหล่านี้สามารถช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้และเปิดโอกาสให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับผู้บริโภค รวมถึงแอปพลิเคชันทางธุรกิจที่ไม่สามารถทำได้ด้วยเครือข่าย 5G แบบมาตรฐาน

โซลูชัน 5G Advanced ของอีริคสัน เช่น RedCap สามารถรองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น โดยยืดอายุแบตเตอรี่และลดความซับซ้อนในอุปกรณ์ต่าง ๆ อาทิ อุปกรณ์สวมใส่และเซ็นเซอร์อุตสาหกรรม สำหรับภาคธุรกิจ นี่หมายถึงการใช้งาน IoT ที่ดีขึ้น ในประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีกว่า และมีวิธีที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการสร้างนวัตกรรม โดย 5G Advanced ยังนำเสนอโซลูชันตามเจตนารมณ์ หรือ Intent-Based Solutions อาทิ ระบบประหยัดพลังงานอัตโนมัติ (Automated Energy Saver) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสมัครใช้บริการ Energy Efficiency and Management ของอีริคสัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานอย่างสูงสุด

ในสุนทรพจน์ของนาย YB Gobind แสดงถึงความหวังในการยกระดับเครือข่าย 5G ของมาเลเซีย โดยเน้นส่งเสริมการใช้งาน 5G ให้มากขึ้นในหมู่ผู้ใช้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจ “การเร่งการใช้งาน 5G ในธุรกิจต่าง ๆ มีความสำคัญต่อการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของมาเลเซีย ไม่เพียงแต่ทำให้มาเลเซียเป็นผู้นำด้าน 5G ในช่วงที่ประเทศเป็นประธานอาเซียนในปีนี้เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการลงทุนดิจิทัลและมอบประโยชน์ให้กับประเทศเราในระดับภูมิภาค”

Datuk Azman Ismail ซีอีโอของ DNB กล่าวว่า “เครือข่าย 5G ของเราได้รับการยอมรับในระดับโลกในด้านประสิทธิภาพและความเสถียร DNB มุ่งหวังที่จะช่วยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของธุรกิจในภาคส่วนต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยี 5G Advanced อาทิ ภาคการผลิต สาธารณสุข โลจิสติกส์ น้ำมันและก๊าซ เกษตรกรรม และการท่องเที่ยว ด้วยเครื่องมือขั้นสูงในการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่เหนือชั้นกว่า”

David Hagerbro ประธานบริษัท อีริคสัน ประจำมาเลเซีย ศรีลังกา และบังกลาเทศ กล่าวว่า “เทคโนโลยี 5G Advanced เปิดใช้งานแล้วบนเครือข่ายของ DNB โดยอีริคสันยังคงมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของ 5G Advanced ร่วมกับ DNB อย่างมียุทธศาสตร์เพื่อทำให้เครือข่ายมีความอัจฉริยะ มีประสิทธิภาพสูง และปลอดภัยยิ่งขึ้น สำหรับ DNB เป็นผู้นำระดับโลกด้าน 5G อยู่แล้ว และการเปิดตัว 5G Advanced จะช่วยตอกย้ำความเป็นผู้นำให้กับบริษัทฯ”

DNB ยังคงสนับสนุนการใช้งาน 5G ในกลุ่มสาธารณะ องค์กร และธุรกิจผ่านความร่วมมือและเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ของโครงการการศึกษา ‘My5G Portal’ ภายใน DNB’s immersive 5G experience center เพื่อแสดงยูสเคสการใช้งานมากกว่า 50 ยูสเคสใน 12 อุตสาหกรรม นำเสนอประสบการณ์ที่จับต้องได้ให้แก่ผู้เยี่ยมชมเกี่ยวกับศักยภาพของเทคโนโลยี 5G สำหรับปฏิวัติวิธีที่ผู้คนทำงาน ดำเนินชีวิต และเล่นด้วยกัน

สิ้นเดือนธันวาคมปี 2567 มาเลเซียมีผู้สมัครใช้บริการ 5G ประมาณ 18.2 ล้านราย คิดเป็นสัดส่วนการใช้งานที่ 53.4% ตามที่มาเลเซียมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีในภูมิภาค ดังนั้นการนำเทคโนโลยี 5G Advanced มาใช้จะมีบทบาทสำคัญเพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจพร้อมส่งเสริมสังคมที่เชื่อมต่อถึงกันมากยิ่งขึ้น


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เอกอัครราชทูตสวีเดนเยี่ยมชม 5G Studio ของอีริคสัน กระชับความร่วมมือระหว่างสวีเดนและไทย

นางแอนนา ฮัมมาร์เกรน (H.E. Mrs. Anna Hammargren) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย เดินทางเข้าเยี่ยมชม 5G Innovation & Experience Studio (5GIX Studio) ของบริษัท อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ในโครงการ Thailand Digital Valley จังหวัดชลบุรี โดยการเยือนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสวีเดนและไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมตอกย้ำบทบาทของอีริคสันในการร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทย

การมาเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของสถานทูตสวีเดนเพื่อมุ่งเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยสวีเดนและไทยมีความสัมพันธ์ทวิภาคีร่วมกันมาอย่างยาวนานถึง 156 ปี เกิดขึ้นจากพื้นฐานของการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน รวมถึงการมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในด้านการพัฒนาและนวัตกรรม

นางแอนนา ฮัมมาร์เกรน เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับดิฉันและคณะที่ได้มาเยี่ยมชม 5GIX Studio ของอีริคสันในวันนี้ โดยสวีเดนและไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างเป็นทางการร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411 และทั้งสองประเทศต่างมีความมุ่งมั่นร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนมาโดยตลอด สวีเดนเป็นประเทศต้นกำเนิดบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย เช่นอีริคสัน ที่นวัตกรรมของบริษัทสามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาลให้กับทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจของไทย”

5GIX Studio ของอีริคสัน เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายนปีนี้ โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรม และยังเอื้อให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนสำคัญในระบบนิเวศด้านเทคโนโลยี ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน โดยสตูดิโอแห่งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอีริคสันในการสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค

ระหว่างการเยี่ยมชม มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย ยังได้กล่าวย้ำถึงความสัมพันธ์อันยาวนานของบริษัทฯ กับประเทศไทย รวมถึงบทบาทในการร่วมกำหนดอนาคตดิจิทัลของประเทศ

“พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคณะผู้แทนจากสวีเดนที่เดินทางมายังสตูดิโอของอีริคสัน ที่ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มคอยขับเคลื่อนนวัตกรรมและความร่วมมือภายในระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีในไทย เทคโนโลยี 5G จะมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคชาวไทยและร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในภาคธุรกิจให้กับประเทศ อีริคสันเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยีที่ได้รับความไว้วางใจของประเทศไทยมานานถึง 118 ปี และที่ผ่านมาเรายังมีส่วนร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารทุกยุคทุกสมัย”

การเยือนครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญและยอมรับของสวีเดนต่อการมีส่วนร่วมของอีริคสันในภาคโทรคมนาคมของไทย รวมถึงศักยภาพในการเชื่อมโยงนวัตกรรมและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ 5G, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation)

5GIX Studio ในโครงการ Thailand Digital Valley แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้จากศักยภาพของเทคโนโลยี 5G กับภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การผลิต การเกษตร และเมืองอัจฉริยะ เผยให้เห็นถึงผลกระทบเชิงการเปลี่ยนแปลงของการใช้งาน 5G ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสันแสดงความเป็นผู้นำ 5G และโซลูชันขั้นสูง ในงาน Innovate Asia 2024

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ผู้นำเทคโนโลยีโทรคมนาคมระดับโลก ตอกย้ำให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของการเป็นผู้บุกเบิกและกำหนดอนาคตการเชื่อมต่อ ภายในงาน Innovate Asia 2024 ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ ในกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญสำหรับผู้นำอุตสาหกรรม นวัตกรทางธุรกิจ และผู้ให้บริการโทรคมนาคม เพื่อเข้าถึงความก้าวหน้าล่าสุดของเทคโนโลยี 5G, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติที่กำลังปฏิวัติเครือข่ายโทรคมนาคมทั่วโลก

ในงานนี้ อีริคสันและผู้ให้บริการโทรคมนาคมจากทั่วภูมิภาค ได้แก่ Grameenphone, Indosat Ooredoo Hutchison (IOH), Singtel และ Telstra ได้ร่วมกันหารือเกี่ยวกับหัวข้อต่าง ๆ ที่น่าสนใจ อาทิ วิวัฒนาการเครือข่าย 5G ไปสู่ 5G Standalone และเครือข่ายประสิทธิภาพสูง รวมถึงเครือข่ายที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ อีริคสันยังได้พูดคุยเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงเพื่อเอาชนะความท้าทายด้านระบบอัตโนมัติ การเพิ่มขีดความสามารถของการดำเนินงาน และการนำ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครือข่าย ผ่านการทำงานร่วมกับทั้งพันธมิตรและนักพัฒนาชาวไทยเพื่อสำรวจว่า 5G, AI และระบบอัตโนมัติสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะของประเทศไทยได้ เช่น การพัฒนาโครงการเมืองอัจฉริยะ การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการสร้างเครือข่ายที่ยั่งยืนพร้อมรับอนาคต

IOH และอีริคสันประกาศความสำเร็จในการร่วมมือกันติดตั้งแพลตฟอร์มการสร้างรายได้ดิจิทัล หรือ Digital Monetization Platform (DMP) แบบครบวงจรเป็นรายแรกของโลก เพื่อมอบประโยชน์ให้แก่ผู้ใช้บริการ IOH ในประเทศอินโดนีเซียที่มีอยู่ราว 100 ล้านราย ด้วยเวลาเพียง 18 วัน โดยผู้ใช้บริการเติมเงินของ IOH กว่า 83 ล้านราย จะได้รับการโอนย้ายอย่างราบรื่นโดยไม่มีการหยุดชะงักหรือมีผลกระทบต่อประสบการณ์ใช้งาน สำหรับแพลตฟอร์ม DMP เป็นส่วนหนึ่งของพอร์ตโฟลิโอระบบสนับสนุนธุรกิจโทรคมนาคม (BSS) ของอีริคสัน ที่ออกแบบมาเพื่อเร่งเสริมบริการดิจิทัลของ IOH รวมถึงความพร้อมสำหรับ 5G และประสบการณ์ B2B ขั้นสูง โดยระบบใหม่นี้ช่วยให้สามารถสร้างบริการได้เร็วขึ้น มีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ดีขึ้น และมีความยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับโมเดลธุรกิจในอนาคต

การติดตั้ง DMP Stack ซึ่งรวมถึงการโอนย้ายฐานผู้ใช้บริการเติมเงิน เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาขีดความสามารถทางดิจิทัลของอินโดนีเซียอย่างก้าวกระโดดและแข็งแกร่ง เมื่อเปิดการใช้งาน 5G แพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้ IOH สามารถสำรวจโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เช่น Network Slicing โซลูชันที่สามารถปรับแต่งการเชื่อมต่อให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของลูกค้า ยกระดับประสบการณ์การใช้งานได้ทั้งผู้บริโภคและองค์กร

ในระหว่างงานนี้ อีริคสันและ IOH ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ร่วมกันเพื่อสานต่อความร่วมมือสำหรับการใช้ประโยชน์จากศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Gen AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (AI/ML) ทั้งในแพลตฟอร์ม DMP และระบบ BSS จากความร่วมมือเหล่านี้ ทั้งสองบริษัทมีความตั้งใจจะเร่งการสร้างรายได้จากแพลตฟอร์ม DMP และร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ที่จะเพิ่มรายได้และย่นระยะเวลาการนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด

Grameenphone ผู้ให้บริการโทรคมนาคมเคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดของบังกลาเทศ ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับอีริคสัน เพื่อร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยี AI และระบบอัตโนมัติสำหรับใช้ขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนทั่วบังกลาเทศ โดย MoU ฉบับนี้ได้กำหนดกรอบความร่วมมือระหว่าง Grameenphone และอีริคสัน โดยทั้งสองบริษัทจะมุ่งเน้นด้านนวัตกรรมและการเติบโตที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานการแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดระดับโลก การปรับแผนงานผลิตภัณฑ์ และการเปิดตัวโครงการนำร่อง รวมถึง Lighthouse Projects ต่าง ๆ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับความพยายามร่วมกันในการพัฒนาและทดสอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยอีริคสันยังเตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ล่าสุด ได้แก่ ความสามารถใหม่ ๆ ในการใช้ AI หรือ AI-Led Intent-Based Operations Capabilities ซึ่งได้รับรางวัลการันตีคุณภาพ สำหรับเสริมประสิทธิภาพการดำเนินงานบนเครือข่ายให้กับ Grameenphone ในการช่วยจัดการบริการ สนับสนุน และมอบข้อเสนอที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า

MoU ที่ลงนามระหว่างงาน Innovate Asia 2024 จะช่วยยกระดับและพัฒนาความร่วมมือระหว่าง Grameenphone และอีริคสัน ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2541

เมื่อ 5G พัฒนายิ่งขึ้นและมีผู้ให้บริการด้านการสื่อสารนำ 5G SA มาใช้มากขึ้น คาดว่าความสนใจของผู้ให้บริการหลายรายจะเปลี่ยนไปสู่การพัฒนาข้อเสนอการเชื่อมต่อที่แตกต่าง โดยการเชื่อมต่อที่โดดเด่นและมีประสิทธิภาพนี้เกิดขึ้นได้จากความสามารถของเครือข่าย 5G SA เช่น โซลูชัน Network Slicing และอื่น ๆ ยูสเคสการใช้งาน อย่างเช่น Fixed Wireless Access (FWA), Cloud Gaming, E-Sports  และ Live Streaming จะได้รับประโยชน์จากความสามารถเหล่านี้ด้วย ปัจจุบันแม้ว่าผู้ให้บริการกำลังส่งมอบประโยชน์ของ 5G ให้กับผู้บริโภคและองค์กร พวกเขามีโอกาสที่จะเปลี่ยนเครือข่ายให้เป็นแพลตฟอร์มเพื่อนวัตกรรม โดยทำให้ความสามารถของเครือข่าย 5G ขั้นสูงพร้อมใช้งานสำหรับชุมชนนักพัฒนาทั่วโลกผ่านเครือข่ายแบบเปิด (API)

แอนเดรส วิเซนเต้ หัวหน้าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โอเชียเนีย และอินเดียของอีริคสัน กล่าวระหว่างการพูดคุยในหัวข้อ ‘Strategic Business Evolution’ ว่า “การผสานพลังของเครือข่ายประสิทธิภาพสูงที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ ร่วมกับ API เครือข่ายและระบบนิเวศของนักพัฒนาที่หลากหลาย จะสร้างเครือข่ายทรงพลังที่ช่วยสร้างการเติบโตและพัฒนานวัตกรรมสำหรับภาคโทรคมนาคม และยังเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยที่มีระบบนิเวศสตาร์ทอัพที่เพียบพร้อม”

“5G Standalone ไม่ใช่แค่การเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้นเท่านั้น แต่เป็นการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่และขยายโอกาสด้านนวัตกรรมให้กับทุกภาคส่วนของอุตสาหกรรม ด้วยการนำศักยภาพของ 5G มาใช้อย่างเต็มที่ โดยผู้ให้บริการด้านการสื่อสารสามารถนำเสนอบริการที่แตกต่าง ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภค แต่ยังเปิดโอกาสการเติบโตใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมด้วย” แอนเดรสกล่าวสรุป

อีริคสันเป็นผู้นำ 5G ระดับโลกและได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมจากรายงาน Frost Radar™: Global 5G Network Infrastructure Market ซึ่งการรักษาอันดับผู้นำสูงสุดในรายงาน Frost Radar™ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ได้ตอกย้ำให้เห็นว่าอีริคสันให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา รวมถึงพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งครอบคลุมทุกด้านของโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายในรุ่นก่อนหน้า มีคุณค่าในตลาดที่เทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสันประเทศไทย เปิดตัว 5G Innovation & Experience Studio ภายในโครงการ Thailand Digital Valley อย่างเป็นทางการ

บริษัท อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ประเทศไทย ประกาศเปิดตัว 5G Innovation & Experience Studio อย่างเป็นทางการ ที่ตั้งอยู่ในโครงการ Thailand Digital Valley อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยสตูดิโอแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจของบริษัทฯ ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันของประเทศไทย ภายใต้โครงสร้างพื้นฐาน 5G ที่มีความแข็งแกร่งและกำลังพัฒนายิ่งขึ้นในประเทศไทย

ด้วยการใช้ประสิทธิภาพจากโซลูชันเครือข่าย 5G ที่ทันสมัย ผนวกเข้ากับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการสร้างเครือข่าย 5G ที่มีประสิทธิภาพ เชื่อถือได้และยั่งยืนทั่วโลก ทำให้อีริคสันพร้อมมีบทบาทสำคัญเพื่อเร่งเดินหน้าประเทศไทยไปสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัล

การจัดตั้ง 5G Innovation and Experience Studio ที่เพิ่งสร้างเสร็จนี้ คือ หมุดหมายสำคัญในแผนงานของอีริคสันเพื่อประเทศไทย โดยเป็นความร่วมมือกับรัฐบาลไทยผ่านทางสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)

ห้องปฏิบัติการแห่งนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็นพื้นที่สร้างสรรค์นวัตกรรม 5G ร่วมกัน โดยใช้เครือข่ายแซนด์บ็อกซ์ 5G ที่ทันสมัยของอีริคสัน มอบประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนา ทดสอบ ตรวจสอบ และรับรองยูสเคส 5G ใหม่ ๆ ร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศไทยและจากทั่วโลก

ห้องปฏิบัติการนวัตกรรมแห่งนี้ยังจัดแสดงยูสเคส 5G ที่ล้ำสมัยไว้ในหลากหลายรูปแบบได้แก่หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) เครื่องจักรการผลิตอัตโนมัติที่พัฒนาร่วมกับ Mitsubishi และกล้อง CCTV 360 องศา แบบสวมใส่ได้ ซึ่งนวัตกรรมเหล่านี้เผยให้เห็นถึงศักยภาพเทคโนโลยี 5G ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันบนเวทีโลก

มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “5G เป็นแพลตฟอร์มเพื่อนวัตกรรม ช่วยสร้างสรรค์บริการใหม่ ๆ สำหรับผู้บริโภค องค์กรธุรกิจ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่ต้องการนำดิจิทัลมาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ อีริคสันประเทศไทยมุ่งมั่นส่งเสริมความร่วมมือและนวัตกรรมเพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากเครือข่าย 5G ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ด้วยการทำงานร่วมกันกับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารและหน่วยงานอื่น ๆ ในระบบนิเวศ เราจะสามารถขับเคลื่อนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งคนไทย เศรษฐกิจและประเทศชาติ”

อีริคสันประเทศไทยยังเปิดกว้างด้านความร่วมมือในอนาคตกับผู้มีส่วนร่วมสำคัญในระบบนิเวศ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงพันธมิตร ผู้ใช้ปลายทาง สถาบันการศึกษา และหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อพัฒนายูสเคส 5G ใหม่ ๆ สำหรับอุตสาหกรรม

จากรายงาน Ericsson Mobility ฉบับล่าสุด คาดการณ์ภายในปี 2572 จะมีจำนวนผู้ใช้ 5G ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย ประมาณ 560 ล้านราย และเมื่อสิ้นปี 2566 มียอดผู้ใช้ 5G ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อยู่ที่ 61 ล้านราย ซึ่งผู้ใช้บริการ 5G ในภูมิภาคยังคงเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากที่ผู้ใช้ย้ายมาใช้เครือข่าย 5G โดยได้รับแรงหนุนจากอุปกรณ์ 5G ที่ราคาย่อมเยาลง รวมถึงโปรโมชั่นการขายที่ดึงดูดใจ ส่วนลดและแพ็กเกจที่รวมการใช้ปริมาณดาต้าขนาดใหญ่จากผู้ให้บริการ คาดว่าในปี 2572 ผู้สมัครใช้บริการมือถือ 5G จะมีสัดส่วน 43% ของยอดผู้สมัครใช้บริการมือถือทั้งหมดในภูมิภาค และคาดว่ายอดการใช้ดาต้าต่อสมาร์ทโฟนของผู้ใช้ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเพิ่มขึ้นจาก 17 กิกะไบต์ต่อเดือน ในปี 2566 เป็น 42 กิกะไบต์ต่อเดือน ในปี 2572

ก่อนสิ้นปี 2572 คาดว่า 5G จะกลายเป็นเครือข่ายมือถือที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากยอดการสมัครใช้ แม้ว่าการครอบคลุมพื้นที่ให้บริการ 5G จะเติบโตขึ้น แต่ย่านความถี่ 5G Mid-Band กลับถูกนำไปใช้งานเพียง 25% ของไซต์ทั้งหมดทั่วโลกนอกจีนแผ่นดินใหญ่ โดย 5G Mid-Band มอบความลงตัวระหว่างการครอบคลุมพื้นที่และความจุ ขณะเดียวกันก็ปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้

รายงาน Ericsson Mobility เดือนมิถุนายน ปี 2567 เผยให้เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งของการสมัครใช้บริการ 5G โดยมีผู้ให้บริการด้านการสื่อสารประมาณ 300 รายทั่วโลก เปิดให้บริการ 5G และมี 50 ราย เปิดให้บริการ 5G Standalone (หรือ 5G SA) ซึ่ง 5G ยังคงเติบโตต่อเนื่องในทุกภูมิภาค และคาดว่าในปี 2572 จะมีผู้ใช้ 5G คิดเป็นสัดส่วน 60% ของยอดผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือทั้งหมด อีริคสันคือผู้นำ 5G ระดับโลก ปัจจุบันเปิดบริการเครือข่าย 5G ไปแล้วถึง 166 เครือข่าย ใน 69 ประเทศทั่วโลก

รายงานล่าสุดจาก Frost & Sullivan ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำของอีริคสันในตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ซึ่งครอบคลุมถึง Radio Access Networks (RAN), Transport Networks และ Core Networks โดยอีริคสันได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำอันดับ 1 ในรายงานการวิเคราะห์ตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ของ Frost Radar™ ประจำปี 2567 เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน ซึ่งเน้นย้ำถึงผลจากกลยุทธ์ของบริษัทในการตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ให้บริการการสื่อสาร (CSPs)


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสันครองอันดับหนึ่งผู้นำตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ในรายงาน Frost Radar™ เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน

อีริคสันได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำอันดับ 1 ในรายงานการวิเคราะห์ตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ของ Frost Radar™ ประจำปี 2024 เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน ตอกย้ำให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ได้จากกลยุทธ์บริษัทที่สามารถตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSPs)

การรักษาอันดับสูงสุดในรายงาน Frost Radar™ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการลงทุนของอีริคสันในด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) และพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ซึ่งครอบคลุมทุกด้านของโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายในยุคก่อนหน้านี้ ได้รับการยอมรับในตลาดที่เทคโนโลยีพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง

รายงานยังกล่าวถึงการให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนของอีริคสันในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชันล่าสุดที่ประหยัดพลังงานและมีน้ำหนักเบาที่สุด นอกจากนี้ยังกล่าวถึงแผน Open RAN ของบริษัท

เฟรดริก เจดลิง รองประธานบริหารและหัวหน้างานเครือข่ายอีริคสัน กล่าวว่า “รายงาน Frost Radar ฉบับล่าสุด ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเราในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการแข่งขันสูงสุด เรายังคงให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลักและพร้อมก้าวไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่ท้าทายนี้”

ทรอย มอร์เลย์ หัวหน้านักวิเคราะห์อุตสาหกรรม กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของ Frost & Sullivan กล่าวว่า “อีริคสันทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการรักษาลูกค้าเดิมและเพิ่มลูกค้าใหม่ รวมถึงการชนะจากการเปลี่ยนแทนผลิตภัณฑ์คู่แข่งอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอีริคสันมีลูกค้าจำนวนมากที่ยังไม่ได้เปลี่ยนไปใช้ 5G ณ เวลานี้ แต่จะเปลี่ยนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”

ปัจจุบันอีริคสันเป็นกำลังหลักให้กับบริการเครือข่าย 5G ที่เปิดใช้งานแล้ว 160 เครือข่ายใน 68 ประเทศ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ Frost & Sullivan เคยมีการรายงานต่อสาธารณะ

มอร์เลย์ กล่าวว่า “กลยุทธ์ของอีริคสันยังเน้นไปที่ความต้องการของผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในทุกพื้นที่ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง อย่างไรก็ตามจากการเข้าซื้อกิจการ Cradlepoint ในปี 2020 อีริคสันยังได้ขยายบทบาทตัวเองกับลูกค้าองค์กรด้วย”

รายงานยังกล่าวถึงความสำคัญในการเคลื่อนไหวของ RAN แบบ Open และ Virtual โดยเชื่อว่าในที่สุด Open และ Virtual RAN จะกลายเป็นมาตรฐานของอุตสาหกรรม “การที่อีริคสันก้าวขึ้นมานำเสนอโซลูชัน Open RAN ในปี 2024 จะทำให้การเคลื่อนไหวนี้เป็นจริง” มอร์เลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “บริษัทมีแผนที่จะนำเสนอโซลูชันที่สอดคล้องกับ O-RAN ในปี 2024; Frost & Sullivan เชื่อว่าสิ่งนี้จะส่งผลให้รายได้จาก Open และ Virtual RAN เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ”

มอร์เลย์ ให้ความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานว่า “ประสิทธิภาพการใช้พลังงานเป็นคำที่พูดถึงกันมาหลายปีแล้ว และอีริคสันยังโดดเด่นในการนำเสนอโซลูชันที่มีขนาดเล็กลง น้ำหนักเบาลง และประหยัดพลังงาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า สิ่งนี้จะยังคงดำเนินต่อไปกับโซลูชัน RAN แบบมาตรฐานของอีริคสัน และจะเร่งการเปลี่ยนแปลงให้เร็วขึ้นด้วยการนำเสนอโซลูชัน Open RAN ใหม่ของบริษัท”

รายงาน Frost Radar วัดอัตราการเจริญเติบโต ที่นอกเหนือจากรายได้สุทธิและผสมกับปัจจัยอื่น ๆ เพื่อประเมินประสิทธิภาพของบริษัทตามดัชนีการเจริญเติบโต (Growth Index) รายงานยังประเมินด้านนวัตกรรมของแต่ละบริษัท โดยการประเมินพอร์ตโฟลิโอของผลิตภัณฑ์ ความสามารถในการขยายของนวัตกรรม ประสิทธิภาพของกลยุทธ์การวิจัยและพฤติกรรมอื่น ๆ อีกหลายปัจจัยรายงานล่าสุดของ Frost & Sullivan ตอกย้ำความเป็นผู้นำของอีริคสันในตลาดโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ซึ่งรวมถึง Radio Access Networks (RAN), Transport Networks และ Core Networks

ดาวน์โหลด รายงาน Frost Radar™: 5G Network Infrastructure Market, 2024 ฉบับเต็มได้ที่นี่


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสันแต่งตั้ง “แอนเดอร์ส เรียน” เป็นประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย คนใหม่

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ประกาศแต่งตั้ง มร.แอนเดอร์ส เรียน ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย โดย มร.แอนเดอร์ส เข้ารับตำแหน่งต่อจาก มร.อิกอร์ มอเรล ที่จะไปรับตำแหน่งเป็น Head of Global Journey Transformation ที่ อีริคสัน กรุ๊ป

ก่อนเข้ารับบทบาทใหม่ในประเทศไทย มร.แอนเดอร์ส เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานฝ่ายขายที่อีริคสัน ดูแลลูกค้า Indosat Ooredoo Hutchinson ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารชั้นนำในประเทศอินโดนีเซีย โดย มร.แอนเดอร์ส และทีมงาน ช่วยทำให้ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารสัญชาติอินโดนีเซียสามารถดำเนินโครงการรวมเครือข่าย Radio Access Network ได้สำเร็จก่อนกำหนด และเปิดตัวเครือข่าย 5ในเมืองจาการ์ตา โบกอร์ ทังเกอรัง และเบกาซี มร.แอนเดอร์ส ยังได้นำประสบการณ์ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมากกว่า 23 ปี รวมถึงบทบาทของความเป็นผู้นำอาวุโสในตลาดต่าง ๆ มากมาย เช่น นอร์เวย์ บังคลาเทศ มาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย มาขับเคลื่อนกับบทบาทใหม่

มร.นันซิโอ เมอร์ทิลโล หัวหน้าตลาดภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โอเชียเนียและอินเดียของอีริคสันกล่าวว่า “ด้วยประสบการณ์ทำงานในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างกว้างขวางของ มร.แอนเดอร์ส จะสามารถช่วยสนับสนุนผู้ให้บริการไทยเพื่อเร่งกระบวนการนำ 5G มาใช้มากขึ้น พร้อมมอบประโยชน์จากการเชื่อมต่อได้อย่างเต็มที่ให้กับทั้งผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ผมต้องขอบคุณ มร.อิกอร์ มอเรล สำหรับการวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้แก่อีริคสันในประเทศไทย ผ่านการร่วมมือกับลูกค้า อุตสาหกรรม และผู้เล่นรายอื่น ๆ ในระบบนิเวศของเรา”

ก่อนหน้าการทำงานกับอีริคสันอินโดนีเซีย มร.แอนเดอร์ส เคยประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยเป็นผู้นำทีม dtac มามากกว่า ปี และยังร่วมทำงานกับ เทเลนอร์ เอเชีย เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทั่วทั้งภูมิภาค

ในโอกาสกลับมาประเทศไทยพร้อมบทบาทใหม่ในฐานะประธาน บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย มร.แอนเดอร์ส เผยว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับบทบาทใหม่ในฐานะประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย ตลาดไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นตลาดที่ผู้คนใช้เวลาบนออนไลน์เฉลี่ยต่อวันสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เราคาดว่าจะเห็นปริมาณการใช้ดาต้าเพิ่มขึ้นสองเท่าในอีกสองปีจากนี้ ผมจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมอีริคสัน ประเทศไทย และระบบนิเวศทั้งหมดในประเทศ เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลของประเทศไทย ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม และชาวไทย ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญของอีริคสัน และผมพร้อมเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะของเราในตลาดนี้”

สอดคล้องกับข้อมูลจาก มร.แอนเดอร์ส ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรก ๆ ที่นำเทคโนโลยี 5G มาใช้ในภูมิภาค และตลาดยังมอบโอกาสมหาศาลเพื่อขยายการใช้ 5G และช่วยผู้ให้บริการบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพ มอบประสบการณ์และสร้างคุณค่าที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า

“อีริคสันดำเนินกิจการในประเทศไทยมายาวนาน เราจะใช้ศักยภาพจากรากฐานประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอันแข็งแกร่งที่สร้างขึ้นในประเทศไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อขยายธุรกิจของเราอย่างต่อเนื่องผ่านนวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล ทีมงานที่มีความสามารถและเชี่ยวชาญที่สุด เพื่อนำเสนอโซลูชั่นชั้นนำและบริการที่เหมาะสมที่สุดและสามารถแข่งขันได้” มร.แอนเดอร์ส กล่าวเพิ่มเติม

จากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเป็นเวลาถึง 117 ปี อีริคสันได้ร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารของไทยเพื่อให้บริการการเชื่อมต่อเครือข่ายเทคโนโลยีมือถือตั้งแต่ยุค 2G, 3G, 4G และ 5G ในปัจจุบัน แก่ผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ในประเทศไทย

ปัจจุบัน อีริคสันเปิดให้บริการเครือข่าย 5G ไปแล้ว 157 เครือข่ายใน 66 ประเทศทั่วโลก ซึ่งอีริคสันยังได้รับการยอมรับด้านความเป็นผู้นำ 5G จากรายงานของนักวิเคราะห์อิสระสำคัญ ๆ อาทิ Gartner 5G Magic Quadrant 2023 (เป็นผู้นำปีที่สามติดต่อกัน) และในรายงาน Frost Radar Global 5G Infrastructure นอกจากนี้อีริคสันยังครองอันดับหนึ่งในรายงานของ ABI Research ล่าสุด ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนของผู้ให้บริการโทรคมนาคม


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

รายงาน Ericsson Mobility เผย 5G อยู่ในช่วงขาขึ้น คาดในปี 2572 ยอดผู้ใช้ 5G ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียพุ่งแตะ 550 ล้านราย

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) คาดการณ์ว่าภายในสิ้นปี 2566 เกือบหนึ่งในห้าของการใช้บริการมือถือทั่วโลกจะเป็น 5G เนื่องจากการเติบโตนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงการฟื้นคืนสู่สภาพเดิม แม้ว่าจะมีความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินต่อไปและความไม่สงบทางภูมิรัฐศาสตร์ในบางตลาดก็ตาม ตามสถิติที่นำเสนอในรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมียอดการสมัครใช้บริการมือถือ 5G รายใหม่ 610 ล้านรายในปี 2566 เพิ่มขึ้น 63% จากปี 2565 ส่งผลให้ยอดรวมทั่วโลกอยู่ที่ 1.6 พันล้านราย หรือมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ประมาณ 100 ล้านราย

รายงานล่าสุด ซึ่งเป็นฉบับที่ 25 เผยช่วงเวลาการคาดการณ์ทางสถิติใหม่ โดยเปลี่ยนจากปี 2571 เป็นปี 2572 โดยรายงานฉบับนี้ยังระบุชัดเจนว่าบริการ Enhanced Mobile Broadband (eMBB), Fixed Wireless Access (FWA), เกมและบริการอื่น ๆ ที่ใช้กับอุปกรณ์ AR/VR เป็นเคสการใช้งาน 5G ที่พบเห็นบ่อยที่สุดของผู้บริโภคที่ใช้ 5G เป็นกลุ่มแรก ๆ

ภาพรวมในระดับภูมิภาคยอดการสมัครใช้ 5G ในทวีปอเมริกาเหนือยังคงเติบโตแข็งแกร่ง โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2566 ภูมิภาคนี้จะมีอัตราการสมัครใช้บริการมือถือ 5G สูงที่สุดในโลกที่ 61% เช่นเดียวกับการเติบโตของการสมัครใช้บริการ 5G ในประเทศอินเดียก็แข็งแกร่งตลอดปี 2566 ซึ่งคาดว่าในสิ้นปีนี้จะมีการสมัครใช้ 5G เติบโตสูงถึง 11% ซึ่งนับเป็นเวลาสิบสี่เดือนหลังจากการเปิดตัวเชิงพาณิชย์

ในช่วงหกปีระหว่างสิ้นปี 2566 ถึง 2572 คาดว่าการสมัครใช้บริการ 5G ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 330% จาก 1.6 พันล้านรายเพิ่มเป็น 5.3 พันล้านราย และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ 5G จะครอบคลุมพร้อมให้บริการแก่ประชากรทั่วโลกมากกว่า 45% และเพิ่มเป็น 85% ภายในสิ้นปี 2572 โดยคาดว่าทวีปอเมริกาเหนือและกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับจะมีอัตราการขยายตัวของ 5G ระดับภูมิภาคสูงสุด อยู่ที่ 92% ภายในสิ้นปี 2572 ตามมาด้วยยุโรปตะวันตกที่คาดว่าจะเข้าถึงที่ 85%

เฟรดริก เจดลิง รองประธานผู้บริหารและหัวหน้างานด้านเครือข่ายของอีริคสัน กล่าวว่า “ด้วยจำนวนผู้ใช้ 5G ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 600 ล้านบัญชีทั่วโลกและเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคปีนี้ ทำให้เห็นได้ชัดว่าความต้องการการเชื่อมต่อประสิทธิภาพสูงนั้นยังเข้มข้นอยู่ การเปิดตัว 5G ยังคงดำเนินต่อไปและเรายังเห็นการนำเครือข่าย 5G แบบสแตนด์อโลนมาใช้เพิ่มมากขึ้น นำมาซึ่งโอกาสในการสนับสนุนแอปพลิเคชันใหม่ ๆ ที่มีความต้องการมากขึ้นสำหรับทั้งผู้บริโภคและองค์กร”

ปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตต่อสมาร์ทโฟนเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเติบโตขึ้นสามเท่าระหว่างสิ้นปี 2566 ถึงสิ้นปี 2572 โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความสามารถของอุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้น คอนเทนต์เนื้อหาต่าง ๆ ที่ต้องใช้ดาต้าจำนวนมากเพิ่มขึ้น และเครือข่ายการใช้งานที่พัฒนาประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

ปีเตอร์ จอนส์สัน บรรณาธิการบริหารของรายงาน Ericsson Mobility Report กล่าวว่า “อัตราการเติบโตของการใช้ดาต้าในเครือข่ายมือถือ สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคชื่นชอบการใช้แอปพลิเคชันบรอดแบนด์มือถือที่พัฒนายกระดับไปอีกขั้นหนึ่ง แนวโน้มนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อผู้บริโภคทั่วโลกหันมาใช้ 5G มากขึ้น และมีเคสการใช้งานใหม่ ๆ เกิดขึ้น ซึ่งกระตุ้นให้การใช้ดาต้าเน็ตเติบโตตามมากขึ้น เนื่องจากความคับคั่งของการใช้ดาต้าส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในอาคารซึ่งผู้คนมักใช้เวลาส่วนใหญ่ในนั้น จึงมีความต้องการการขยายความครอบคลุมย่านความถี่กลาง 5G ทั้งในอาคารและนอกอาคารเพิ่มขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้จะได้รับประสบการณ์ 5G ที่ครอบคลุมในทุกสถานที่”

ย่านความถี่กลางสำหรับเครือข่าย 5G หรือ 5G Mid-Band ผสมผสานเอาความจุสูงและความครอบคลุมที่ดี ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการมอบประสบการณ์ 5G เต็มรูปแบบ ปัจจุบันความครอบคลุมของประชากรของย่านความถี่กลางสำหรับเครือข่าย 5G ทั่วโลกมีมากกว่า 40% เพิ่มขึ้นจาก 30% ในปี 2565 โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการใช้งานย่านความถี่กลางขนาดใหญ่ในอินเดีย และยังรวมถึงการใช้งานย่านความถี่กลางหลายแห่งในยุโรปด้วย

รายงานยังสำรวจการเชื่อมต่อไร้สายสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิต เผย 5G ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตและการทำให้เกิดความคล่องตัวที่จำเป็นเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วรวมถึงการจัดสรรทรัพยากรต่าง ๆ

ไฮไลท์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้: ภายในสิ้นปี 2572 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมียอดสมัครใช้บริการมือถือ 5G สูงประมาณ 550 ล้านราย นอกเหนือจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5G เบื้องต้นในภูมิภาคแล้ว ผู้ให้บริการเครือข่ายยังให้ความสำคัญกับการนำเสนอบริการที่หลากหลายสำหรับทั้งผู้บริโภคและองค์กร โดยการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า การขยายความครอบคลุมของเครือข่าย และการส่งเสริมการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเพื่อธุรกิจยังมีความสำคัญสูงสุดทั่วทั้งภูมิภาค

ปริมาณการใช้ดาต้าเน็ตต่อสมาร์ทโฟนยังเติบโตอย่างแข็งแกร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย และคาดว่าจะสูงถึงประมาณ 66 กิ๊กกะไบต์ต่อเดือนในปี 2572 เพิ่มจาก 24 กิ๊กกะไบต์ต่อเดือนในปี 2566 หรือเติบโต 19% ต่อปี

นายอิกอร์ มอเรล ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “การยกระดับประสบการณ์ลูกค้า การขยายความครอบคลุมเครือข่าย และการส่งเสริมการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเพื่อธุรกิจยังเป็นปัจจัยสำคัญลำดับต้น ๆ ของผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศไทย โดยอีริคสันพร้อมสนับสนุนผู้ให้บริการไทยเพื่อมอบประโยชน์ 5G อย่างเต็มประสิทธิภาพให้แก่ทั้งผู้บริโภคและองค์กรในประเทศไทย”

Ericsson Mobility Report ประจำเดือนพฤศจิกายน 2023 ยังมีบทความเชิงลึกอีก 3 บทความ ดังนี้

  • Large-scale 5G SA deployment to drive digital transformation in India.
  • Demand for indoor connectivity driving the need for enhanced performance.
  • 5G-enabled agility in gigafactories and green steel plants

อ่านรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2023 (ลิงก์)

Ericsson Mobility Report เป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงที่สำคัญในอุตสาหกรรมสำหรับข้อมูลเครือข่าย ประสิทธิภาพ สถิติ และการคาดการณ์นับตั้งแต่เปิดตัวในปี 2554 โดยอิงจากข้อมูลเชิงลึกด้านเครือข่ายทั่วโลกของ Ericsson และพันธมิตร


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

รายงาน Ericsson ConsumerLab 5G สร้างความแตกต่างของเครือข่ายและโอกาสทางธุรกิจให้กับค่ายมือถือ

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) เผยการวิจัยในรายงาน Ericsson ConsumerLab ฉบับล่าสุด ระบุ 1 ใน 5 ของผู้ใช้สมาร์ทโฟน 5G มองหาประสบการณ์บริการ 5G ที่แตกต่าง เช่น คุณภาพของการบริการ สำหรับการใช้แอปพลิเคชันยอดนิยม โดยผู้บริโภคยินดีจ่ายเงินแก่ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในอัตราพิเศษสูงสุดถึง 11% เพื่อเพลิดเพลินไปกับการเชื่อมต่อที่มีมูลค่าเพิ่ม

รายงาน 5G Value: Turning Performance into Value ยังเน้นด้านความพึงพอใจและความภักดีของผู้ใช้ โดยให้ความสำคัญกับศักยภาพของเคสทางธุรกิจของผู้ให้บริการ 5G เนื่องจากยอดผู้สมัครใช้บริการที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจเพิ่มขึ้นกับการใช้งานเครือข่าย 5G

นอกจากนี้ ในรายงานยังเผยประสบการณ์การเชื่อมต่อ 5G ที่ไม่น่าพึงพอใจในสถานที่หลัก ๆ อาทิ สนามกีฬา สถานบันเทิงและสนามบิน ทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะย้ายค่ายมือถือมากขึ้นถึงสามเท่า

การวิจัยโดยรอบด้านครั้งนี้สะท้อนมุมมองของผู้บริโภคประมาณ 1.5 พันล้านรายทั่วโลก รวมถึงลูกค้า 5G ประมาณ 650 ล้านราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยของอีริคสันเพื่อติดตามวิวัฒนาการของตลาดผู้บริโภค 5G ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ในประเทศไทยอีริคสันยังได้วิจัยตลาดแบบเฉพาะเจาะจง โดยการสอบถามกลุ่มตัวอย่างที่เป็นตัวแทนผู้บริโภคราว 23 ล้านคนในประเทศ

พบว่าปัจจัยขับเคลื่อนความพึงพอใจของเครือข่าย 5G กำลังพัฒนาไปสู่ประสบการณ์การใช้งานแอปพลิเคชัน โดยจำนวนผู้ใช้ที่พึงพอใจอย่างมากกับประสิทธิภาพเครือข่าย 5G ในภาพรวมของประเทศไทยเพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

5G กำลังเปลี่ยนโฉมการสตรีมวิดีโอและการใช้งาน AR ผู้ใช้ชาวไทยที่ใช้แพ็คเกจบริการประเภทนี้จะใช้เวลาเกือบ 60% ของเวลาสตรีมมิ่งวิดีโอทั้งหมดไปกับการเพิ่มความน่าสนใจให้กับเนื้อหาวิดีโอหรือ AR ขณะที่ผู้ใช้ที่ไม่ได้ใช้แพ็คเกจบริการประเภทนี้จะใช้เวลาเพียง 40% ไปกับคอนเทนต์สมจริง (Immersive Content)

ประสิทธิภาพ 5G ในจุดสำคัญ ๆ มีผลต่อความภักดีของผู้บริโภค นับตั้งแต่เปิดตัว 5G ในประเทศไทย มีผู้ใช้บริการมือถือประมาณ 19% ย้ายค่ายมือถือ และในบรรดาผู้ที่ย้ายเครือข่าย เกือบ 60% เกิดจากเหตุผลด้านประสิทธิภาพเครือข่าย 5G ซึ่งหากผู้ใช้มีปัญหาการเชื่อมต่อในพื้นที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไปก็มีแนวโน้มที่ย้ายค่ายมากขึ้น 1.3 เท่า

ผู้บริโภค 5G ในประเทศไทยจะจ่ายค่าบริการพิเศษสำหรับการเชื่อมต่อที่มีความต่างและโดดเด่น โดยผู้ใช้สมาร์ทโฟนยินดีจ่ายค่าบริการเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 13% สำหรับข้อเสนอที่รวมการใช้บริการแอปฯ ชั้นนำ

ญาสมีต ซิงห์ เซธิ หัวหน้าฝ่าย Ericsson ConsumerLab กล่าวว่าในการสำรวจครั้งนี้ มีผู้บริโภค 5G ราว 37% เชื่อว่าการเพิ่มปริมาณการใช้ดาต้าในแพ็คเกจ 5G ของพวกเขาสมเหตุสมผลกับอัตราค่าบริการ

พรีเมียมของผู้ให้บริการ

“ที่น่าสนใจคือประมาณหนึ่งในห้าของผู้ใช้สมาร์ทโฟน 5G แสดงความพึงพอใจชัดเจนต่อคุณภาพการเชื่อมต่อบริการที่มีความแตกต่าง โดยผู้บริโภคกลุ่มนี้มองหาประสิทธิภาพเครือข่ายที่ยกระดับและมีความเสถียรแทนการเลือกใช้ 5G แบบทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับแอปพลิเคชันที่ต้องการประสิทธิภาพเครือข่ายสูง ๆ และเจาะจงสถานที่สำคัญ ๆ ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขายินดีจ่ายค่าบริการพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 11% หากผู้ให้บริการมีบริการเหล่านี้เสนอให้”

วิธีเก็บข้อมูล

อีริคสันสัมภาษณ์ผู้บริโภคมากกว่า 37,000 คน ใน 28 ประเทศ ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน พ.ศ. 2566 โดยขอบเขตการวิจัยสะท้อนมุมมองความคิดเห็นของผู้บริโภคประมาณ 1.5 พันล้านคน รวมถึงผู้ใช้ 5G จำนวน 650 ล้านราย

อ่านรายงานฉบับเต็ม: 5G Value: Turning performance into loyalty

ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง: Ericsson ConsumerLab: the voice of the consumer Ericsson ConsumerLab: 5G Reports Ericsson Private Networks


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสันนำนวัตกรรม 5G ล่าสุด มาจัดแสดงที่งาน Imagine Live Thailand 2023

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) เปิดงาน Imagine Live Thailand 2023 นำยูสเคสและนวัตกรรมเทคโนโลยี 5G ขั้นสูง ที่เปิดตัวในงาน Mobile World Congress ณ เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ มาจัดแสดงในประเทศไทย โดยมีเทคโนโลยีและโซลูชันไฮไลท์ล่าสุด ประกอบด้วย โซลูชันสื่อสารวิทยุประหยัดพลังงาน (Energy Efficient Radio Solutions), การสื่อสารผ่านโฮโลแกรม (Holographic Communications), เทคโนโลยี Digital Twin และระบบเครือข่ายอัตโนมัติ (Network Automation) รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ อีกมากมายที่นำมาจัดแสดงไว้ภายในงาน

หนึ่งในไฮไลท์ที่นำมาจัดแสดง คือ ผลิตภัณฑ์ Radio 4466 ที่สามารถรองรับย่านความถี่ 1800MHz, 2100MHz และ 2300MHz ที่มีในประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์นี้เป็น Triple-Band Radio 4466 รุ่นล่าสุดของอีริคสัน ที่มีความสามารถเสริมศักยภาพการให้บริการ 4G และ 5G ข้ามย่านความถี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยผลิตภัณฑ์เดียวแก่ผู้ให้บริการไทย และยังช่วยประหยัดพลังงาน ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน รวมถึงจำนวนสถานีฐาน ซึ่ง Radio 4466 ยังอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Ericsson Radio Access Network ที่สามารถจัดการความท้าทายในการติดตั้งสถานีฐานพร้อมช่วยประหยัดพลังงานเป็นอย่างมาก

ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในประเทศไทย อีริคสันมุ่งนำเสนอความเชี่ยวชาญระดับโลกและความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนลูกค้าในประเทศไทยให้ก้าวไปสู่ผู้นำ 5G ชั้นแนวหน้า มร.อิกอร์ มอเรล ประธาน บริษัท อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “การสร้างเครือข่าย 5G ประสิทธิภาพสูงและเน้นการประหยัดพลังงานเป็นหนึ่งในวิสัยทัศน์สำคัญของเราที่ต้องการสร้างเครือข่ายในอนาคตที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน ด้วยพอร์ตโฟลิโอการใช้ 5G​​ที่เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานของอีริคสัน เรากำลังจัดการกับหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของเรา นั่นคือการลดการใช้พลังงานของเครือข่ายและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขณะที่การใช้งาน 5G มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เป้าหมายของเราคือการไปสู่อนาคตคาร์บอนต่ำพร้อมกับการเร่งประสบการณ์ 5G” อีริคสันลงทุนกับการวิจัยและพัฒนาปีละประมาณ 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 18% ของยอดขาย

ประเทศไทยคือผู้นำคลื่น 5G อย่างชัดเจน จากการคาดการณ์ของอีริคสันระบุ ช่วงสิ้นปี 2565 พบว่า 5G ครอบคลุมมากกว่า 85% ของประชากรทั้งหมด ขณะที่ปริมาณการใช้ข้อมูลต่อการสมัครสมาชิกในประเทศไทยคาดว่าภายในปี 2568 จะเติบโตเพิ่มเป็นเกือบ 80 กิกะไบต์ต่อเดือน เพิ่มจาก 32.7 กิกะไบต์ต่อเดือน ในปี 2565 และคาดว่าในปี 2571 จะเพิ่มขึ้น 3 เท่า โดยคาดว่า 5G จะสามารถรองรับความต้องการประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นของเครือข่ายได้

“ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความไดนามิกสูง และมีผู้บริโภคที่เข้าใจเทคโนโลยีสารสนเทศและใช้งานมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ด้วยอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรม 4.0 ในประเทศตามเป้าหมาย Digital Thailand ของรัฐบาล ทำให้การเชื่อมต่อต้องมีความมั่นใจได้ ปลอดภัยและแข็งแกร่ง โดยความซับซ้อนที่เครือข่ายจำเป็นต้องจัดการทำให้เกิดความต้องการใหม่ ๆ ในการดำเนินงานของเครือข่าย การดึงศักยภาพจากเทคโนโลยี อย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และแมชชีนเลิร์นนิ่ง (ML) มาปรับใช้จะช่วยผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในประเทศไทยสามารถจัดการความซับซ้อนของเครือข่ายที่กำลังเติบโตได้ ตามที่เราเห็นการพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ ๆ บนเครือข่าย 5G” มร.อิกอร์ กล่าวเพิ่มเติม

แนวทาง Zero-Touch Operation กำลังกลายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยของอนาคตการดำเนินงานบนเครือข่ายที่ต้องมีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ ซึ่ง Zero-Touch ช่วยผู้ให้บริการสามารถจัดการเครือข่ายโดยใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน คาดการณ์ล่วงหน้าและดำเนินการแบบเชิงรุกได้มากขึ้น โดยระบบเครือข่ายอัตโนมัติยังช่วยลดกิจกรรมที่ต้องดำเนินการด้วยตนเองลง และทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือมีความคล่องตัวในการทำธุรกิจมากขึ้น

ในฐานะผู้นำด้านไอซีทีระดับโลก อีริคสันกำลังใช้ศักยภาพจากบริการบรอดแบนด์มือถือขั้นสูง เทคโนโลยี Fixed Wireless Access (FWA) และเทคโนโลยี 5G มารองรับการเติบโตโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศไทย “เรากำลังใช้ศักยภาพทั้งในด้านความเชี่ยวชาญระดับโลกและความเป็นผู้นำเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนลูกค้าในประเทศไทย ก้าวไปเป็นผู้นำแถวหน้า 5G ผ่านความร่วมมือในภาคอุตสาหกรรมและพันธมิตรของเราในประเทศไทย และเรายังมุ่งมั่นเร่งสร้างนวัตกรรมและระบบนิเวศ 5G ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย” มร.อิกอร์ กล่าวเพิ่ม

อีริคสันเป็นผู้นำเครือข่าย 5G ระดับโลก ปัจจุบัน บริษัทฯ เปิดให้บริการเครือข่าย 5G ไปแล้วจำนวน 152 เครือข่าย ใน 65 ประเทศ บริษัทฯ ยังได้รับการจัดอันดับเป็นผู้นำอันดับ 1 ในรายงาน Frost Radar™ 5G Network Infrastructure Market 2023 เป็นปีที่สามติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ 5G Radio Access Networks (RAN), Transport networks, และ Core Networks


Exit mobile version