Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

CITE มธบ. Up-Skill เทคโนโลยีมุ่งตอบโจทย์ตลาดแรงงาน รองรับโลกดิสรัปชั่น

โลกยุคดิสรัปชั่นที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การทำธุรกิจ การใช้ชีวิตของผู้คนก้าวกระโดดสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น ทุกองค์กรยุคใหม่จึงต้องใส่ใจความอยู่รอด ในการ Up-skill Re-skill บุคลากร พนักงานของตนเอง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรม และเตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านที่กำลังจะเกิดขึ้น

ยิ่งในภาวะปัจจุบันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ธุรกิจทั้งโลกแทบหยุดชะงัก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมด้านโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ฯลฯ ดังนั้น องค์กรต่างๆ จึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับ New normal ที่เกิดจากผลกระทบจากโควิด-19 และมองหาโอกาสจากวิกฤตครั้งนี้

ผศ.ดร.ณรงค์เดช กีรติพรานนท์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมศาสตร์ (College of Innovative Technology and Engineering : CITE) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) กล่าวว่า นอกจากการเปลี่ยนแปลงในภาคอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจต่างๆจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลง และการเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจ อุตสาหกรรมต่างๆ มีการชะลอตัว ดังนั้น ความต้องการของกำลังคนด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมข้อมูลขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เพราะคนกลุ่มนี้จะเป็นแรงขับเคลื่อนในการพลิก สร้างอุตสาหกรรมที่ย่ำแย่ให้กลับมาเติบโตขึ้นได้

“เมื่อประเทศเข้าสู่ยุคดิสรัปชั่น ดิจิทัล ทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์ เทคโนโลยี หลักสูตรด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานอย่างมาก หลักสูตรที่ทางวิทยาลัยCITE เปิดสอนระดับปริญญาตรี โท เอก มากว่า 20 ปี จึงมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด โดยต้องมีทั้งทักษะวิชาชีพ ความคิดสร้างสรรค์ เข้าใจธุรกิจ มีความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีเป็นแกนกลาง ที่สำคัญต้องเป็นการ Up-Skill เพิ่มทักษะให้แก่บุคลากร ต้องพร้อมทำงานได้จริงๆ”ผศ.ดร.ณรงค์เดช กล่าว

ทุกหลักสูตรทุกระดับการศึกษาล้วนมีความแตกต่างกัน ซึ่งในส่วนของหลักสูตรมหาบัณฑิต หรือปริญญาโท ขณะนี้เปิดการเรียนการสอนใน 4 สาขา คือ สาขาการจัดการทางด้านวิศวกรรม สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม วิศวกรรมข้อมูลขนาดใหญ่ และเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่ละหลักสูตรมีความแตกต่าง และมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน

ผศ.ดร.ณรงค์เดช อธิบายต่อว่า 4 สาขาในระดับปริญญาโทจะเป็นการ Re-Skill และUp-Skill ให้แก่ผู้ที่อยู่ในสายอาชีพดังกล่าวหรือผู้ที่สนใจเรียนรู้ในสายอาชีพเหล่านี้ โดยหลักสูตรวิศวกรรมมหาบัณฑิต สาขาการจัดการทางวิศวกรรม จะมีจุดเด่น คือ เป็นกระบวนการเรียนรู้ในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่ การผลิต การจัดการโรงงาน โลจิสติกส์ พลังงาน สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นกระบวนการเรียนรู้แบบผสมผสานระหว่างงานด้านวิศวกรรมและด้านธุรกิจผ่านการเรียนรู้โดยปฏิบัติงานจริง ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนี้

ส่วนสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และโทรคมนาคม อีกหนึ่งสาขายอดฮิตที่ตอบโจทย์ความต้องการกำลังคนของประเทศอย่างมาก โดยหลักสูตรได้รับการออกแบบให้ผู้เรียนมีองค์ความรู้ที่ทันสมัย มีการฝึกปฏิบัติและสามารถทำงานได้จริง ส่วนสาขาวิศวกรรมข้อมูลขนาดใหญ่ ที่ต้องยอมรับว่าธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดที่สามารถนำข้อมูล Big data มาใช้ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรและอุตสาหกรรมนั้นได้อย่างมหาศาล

ขณะที่ หลักสูตรวิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ นับว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ มีผลอย่างมากในการใช้ชีวิตของผู้คน กระบวนการนำเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งมีนวัตกรรมเกิดขึ้นใหม่ เข้ามาช่วยในการทำงานทั้งเชิงอุตสาหกรรมและธุรกิจ บรรจุครบไว้ในหลักสูตรนี้ จึงตอบโจทย์ความต้องการของบุคลากรด้านนี้ที่ต้องการเพิ่มเติมความรู้และเรียนรู้เครื่องมือใหม่ๆ

“ทุกหลักสูตรจะช่วยยกระดับความสามารถพนักงานตอบโจทย์ใหญ่ในธุรกิจ อุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้บริหารต้องการกำลังคนที่มีองค์ความรู้ มีทักษะพื้นฐานด้านดิจิตอล เทคโนโลยี สร้างสรรค์นวัตกรรม มีตรรกะความรู้ในเชิงวิศวกรรมศาสตร์ ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของผู้บริหารอุตสาหกรรมยุคใหม่ต้องลงทุนพัฒนาบุคลากรของตนเอง ซึ่งการผลิตแบบเดิมกับตอนนี้แตกต่างกันมาก เทคโนโลยีใหม่ ระบบอัตโนมัติ การเรียนรู้เทคโนโลยี วิศวกรรมในแต่ละสาขาได้อย่างครอบคลุมศาสตร์ ตั้งแต่กระบวนการผลิต ระบบการสร้าง ส่งต่อ การใช้ข้อมูล และการบริหารจัดการระบบทั้งหมด เพราะการเรียนรู้ของวิทยาลัย CITE มธบ. จะเป็นการเรียนรู้อย่างรอบด้าน เชี่ยวชาญเทคโนโลยี และต้องทำงานได้จริง” ผศ.ดร.ณรงค์เดช กล่าว

คณบดีวิทยาลัย CITE กล่าวต่อไปว่า เนื้อหาทั้งจากภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติจะทำให้บุคลากรมีความพร้อมที่จะประยุกต์ใช้กับองค์กรได้จริง ทั้งเรื่องโลจิสติกส์และซัพพลายเชน การจัดการด้านวิศวกรรม และการจัดการทางด้านพลังงานเพื่อลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต หรือจะเป็นด้านเทคโนโลยีเช่น การวิเคราะห์งานระบบวางแผนบริหารทรัพยากรองค์การ การพัฒนาโครงข่ายคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต ความมั่นคงของระบบสารสนเทศ ระบบ IoTs การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ทั้งหลายเหล่านี้ต้องอาศัยบุคลากรด้านนี้ เพื่อตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรและธุรกิจบนโลกดิจิทัล โดยผู้สนใจศึกษาต่อไม่จำเป็นต้องจบวิศวกรรมศาสตร์หรือเทคโนโลยีก็สามารถเรียนได้ โดยทางวิทยาลัยมีการสอนปรับพื้นฐานเพื่อให้นักศึกษามีความพร้อมในการเรียนรู้ในทุกหลักสูตร


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

DPU ติดอาวุธทักษะเทคโนโลยี ‘นิวเจน’ เพิ่มโอกาสรบชนะตลาดงานในอนาคต

ธุรกิจบัณฑิตย์ ตอบโจทย์ สร้างและพัฒนาทุนมนุษย์คนรุ่นใหม่สู่ สมาร์ท ซิติเซ่น เร่งปรับเปลี่ยนทักษะเพื่อให้เท่าทันเทคโนโลยี และก้าวเป็นกำลังสำคัญให้กับตลาดแรงงานในอนาคต

เด็กรุ่นใหม่ต้องเตรียมตัวอย่างในในสภาวะที่การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ จากสถิติคนว่างงานเป็นกว่าแสนคนต่อปี ผู้ประกอบการมีโอกาสเลือกเยอะ ขณะเดียวกันเทคโนโลยีก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย

คนที่กำลังก้าวสู่แรงงานต้องแข่งกับคนด้วยกันเอง ทั้งยังต้องแข่งกับเทคโนโลยี ทำอย่างไรไม่ให้ตัวเองก้าวข้ามสถานการณ์นี้ได้ แล้วการแข่งขันในตลาดแรงงาน ระหว่าง “คน” กับ “เทคโนโลยี” จะเป็นอย่างไรได้บ้างในอนาคต ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดี สายงานวิชาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) เปิดเผยว่า การเตรียมความพร้อมในการสร้าง “คนเก่ง” ให้เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานทั้งปัจจุบันและในอนาคตเป็นแนวทางที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญ

เมื่อเทคโนโลยี (Disruptive Technology) ได้เข้ามามีบทบาทต่อการดำเนินงานอย่างมากในหลายธุรกิจ สำหรับภาคการศึกษาถึงแม้จะรับผลกระทบไม่มากเท่ากับธุรกิจแต่การเตรียมพร้อมรับมือก็เป็นเรื่องที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงเริ่มเห็นแล้วในองค์กรธุรกิจโดยได้เริ่มนำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนการทำงานในองค์กรเพียงบางส่วน ไปจนถึงการทดแทนการทำงานของคนอย่างสมบูรณ์แบบ

“จำนวนเด็กตกงาน เป็นเรื่องที่พอจะคาดเดากันได้ว่าในยุคของการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี แต่ในมุมมองคิดว่าสถานการณ์คงไม่เร็วไปกว่านี้ ถ้าไม่มีประเด็นอื่นๆ มาส่งผล ทั้งสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และปัจจัยอื่นๆ เพราะมองแล้วในอนาคต “งาน” บางอย่างจะถูกแทนที่ด้วย AI (Artificial Intelligence)”

ตัวเลขคนตกงานไม่ใช่ผลจากเทคโนโลยี หรือสงครามการค้าที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ แต่เป็นเพียงปัจจัยเร่งให้ปฏิกิริยาให้เร็วขึ้นเห็นได้จากผลกระทบเรื่องการลงทุน จากการสู้กันเรื่องนี้ ก็ต้องดูว่าเป็นโปรดักท์อะไร เช่น อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ พอเกิดสงครามการค้า การค้าการลงทุนทั่วโลกกระทบ ตลาดหุ้น ค่าเงิน มองสถานการณ์แล้วผลกระทบน่ามีขึ้น 1-2 ปีเป็นอย่างน้อย”

อย่างไรก็ดี ภาวะการตกงานที่เกิดขึ้นในไทย อาจเกิดได้ในสองปัจจัย อย่างแรกตามที่ได้กล่าวไว้คือผลกระทบจากสงครามการค้า อีกประเด็นน่าจะส่งผลในระยะยาวมาจาก “การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี”

แนวทางที่ DPU ให้ความสำคัญ เริ่มที่การปรับมุมมองให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าใจ และตระหนักถึงบทบาทของเทคโนโลยีที่มีผลต่อการทำงานและใช้ชีวิต ทั้งปัจจุบันและอนาคต

ในอีกด้าน บทบาทของมหาวิทยาลัยก็ปรับการสอนและมองหาเครื่องมือใหม่ๆ เข้ามาทำให้การเรียนรู้และพัฒนาทักษะ “คนรุ่นใหม่” เหล่านี้ให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต

“ทักษะไหน ฝึกเด็กออกไปแล้วจะไม่ตกงาน สิ่งที่บอกได้เลยก็คือในช่วง 5-10 ปีนี้ คือ ทักษะ โรบอท เอไอ บิ๊กดาต้า เป็นเทคโนโลยีที่เด็กรุ่นใหม่ต้องเรียนรู้และเข้าใจถึงการนำเครื่องมือเหล่านี้มาใช้งานให้เป็น ถ้าทำไม่ได้ คนที่ทำได้ดีกว่าจะทำงานได้ปริมาณมากกว่า และแข่งขันได้

ตอนนี้คนจะอยู่รอดได้ต้องรู้ว่า เทคโนโลยีอะไรจะเข้ามามีบทบาทและปรับใช้เทคโนโลยีนั้นมาก่อให้เกิดประโยชน์ในการเรียน ทำงาน และสร้างอาชีพได้อย่างไร จากเคยใช้เวลา 10 ชั่วโมง อาจเหลือแค่ชั่วโมงเดียว ทำงานให้เร็ว และง่ายขึ้น ถ้าทำไม่ได้ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับคนที่สร้าง Productivity ได้มากกว่า”

ในแนวทางของ DPU นอกจากปรับวิธีคิดและมุมมองให้กับคนรุ่นใหม่แล้ว สิ่งสำคัญคือการสร้างกระบวนคิดและการเรียนรู้ใหม่ๆ ผ่านหลักสูตรการเรียนการสอน ยกตัวอย่างให้เห็น จากเดิมที่สอนเป็นรายวิชาแบ่งเป็นหมวดหัวข้อ วันนี้การสอนตามสถานการณ์ และสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับการทำงานของเทคโนโลยีเข้าไป เน้นกระตุ้นให้เกิดการสร้าง Innovation และ Technology เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ๆ ได้มองเห็นโอกาสในการสร้างธุรกิจได้ตั้งแต่ยังเรียน

“ทุกอย่างฝึกให้คิดและลงมือทำจริง เช่นใน Capstone Class จะมีหัวข้อให้นักศึกษาได้เลือกทำ และผลักดันเป็นโครงงานของตัวเองแล้วต่อยอดให้ประสบความสำเร็จเป็นรูปร่างขึ้นมา

คนเหล่านี้ที่ถูกฝึกการใช้เทคโนโลยี utilize technology ได้ง่ายกว่า คนต้องฝึกให้เรียนรู้กับเทคโนโลยี เทคโนโลยีมีอะไรบ้าง ความคล่อง ความชาญฉลาด ต้องกำหนดว่า skill set ที่ต้องการคืออะไร Critical thinking เป็นเป้าหมายที่เราต้องการ ความสามารถในการสร้างคอนเนคชั่น การทำงานเป็นทีม ทักษะพวกนี้ สร้างยากเพราะไม่เกิดจากการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียวได้”

ดร.พัทธนันท์ กล่าวว่า ในกระบวนคิดของมหาวิทยาลัยที่ว่า ถ้าผลิตคนออกมาในชุดความรู้แบบเดิม จบออกไปก็ไม่ใช่ทักษะแรงงานที่จะเป็นกำลังหลักของแรงงานในอนาคตได้ นอกจากที่กล่าวมา ทักษะสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ ความชาญฉลาดในการเลือกใช้เทคโนโลยี เพื่อทำให้งานเกิด Productivity ได้มากที่สุด ใช้เวลาเท่าเดิม แต่ได้งานมากขึ้น ซึ่งคนที่จะทำอย่างนี้ได้ต้องเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีมาเป็นอาวุธให้เพื่อให้เราทำงานได้เร็วขึ้น ชาญฉลาดมากขึ้น

ทั้งนี้ เชื่อมั่นว่า การเป็นมหาวิทยาลัยยืนหนึ่งเรื่องธุรกิจของ DPU กับ การสร้างแนวคิด ทักษะที่จำเป็น การรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ๆ จะเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ที่เปรียบเป็นอาวุธสำคัญสำหรับการทำงานยุคใหม่ในแบบที่รบชนะได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

นศ. CIBA_มธบ. นำองค์ความรู้พลิกฟื้นชุมชนคลองศาลากุลเกาะเกร็ด สร้างเงิน สร้างรายได้ ชุมชนยั่งยืน

นศ. CIBA_มธบ. นำองค์ความรู้พลิกฟื้นชุมชนคลองศาลากุลเกาะเกร็ด สร้างเงิน สร้างรายได้ ชุมชนยั่งยืน

ภูมิปัญญาท้องถิ่นหรือภูมิปัญญาชาวบ้าน เป็นองค์ความรู้และเทคนิคที่นำมาใช้ในการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ สืบทอดและเชื่อมโยงจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน การสั่งสมความรู้ ประสบการณ์มาเป็นระยะเวลายาวนาน จะช่วยให้คนในรุ่นถัดไปปรับตัวและอยู่รอดได้ เฉกเช่นชุมชนคลองศาลากุล ต.เกาะเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พื้นที่ชุมชนแห่งนี้ตั้งอยู่คนละฟากฝั่งกับชุมชนปากเกร็ด ชาวบ้านในชุมชนประกอบอาชีพ ทำไร่ ทำสวน เป็นหลัก บางครัวเรือนผลิตสินค้าพื้นถิ่น รวมถึงทำขนมไทยขายเป็นอาชีพเสริม บ้างก็นำสมุนไพรพื้นบ้านมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากชุมชนอีกฟากของเกาะที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการทำเครื่องปั้นดินเผา เดิมสินค้าที่ผลิตขึ้นในชุมชนคลองศาลากุลจะขายให้นักท่องเที่ยวเป็นหลัก ในพื้นที่วัดปรมัยยิกาวาส แต่ปัจจุบันไม่สามารถไปวางสินค้าขายได้ดังเดิม เนื่องจากมีข้อจำกัดหลายประการ

เมื่อช่องทางขายสินค้าในเกาะถูกตัดขาด ชาวบ้านจึงรวมตัวกันตั้งวิสาหกิจชุมชนขึ้น เพื่อสร้างเป็นศูนย์เรียนรู้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์ของกลุ่มถูกคิดค้นมาจากภูมิปัญญาชาวบ้าน อาทิ ชาสมุนไพรหน่อกะลา ชาสมุนไพรรางแดง เป็นต้น นอกจากนี้ชาวบ้านยังช่วยกันหาช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า โดยส่วนใหญ่จะเป็นการออกร้านตามห้างสรรพสินค้า หรือตามมหกรรมแสดงสินค้าต่างๆ แต่ด้วยอุปสรรคที่สำคัญคือ การเดินทางลำบากเพราะต้องนั่งเรือข้ามฟาก ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ที่ไม่ยั่งยืน เนื่องจากไม่มีพื้นที่ขายประจำส่งผลให้การค้าขายไม่ประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ชาวบ้านยังขาดองค์ความรู้และการจัดการสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ชุมชนไม่สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนได้

จากปัญหาข้างต้นทำให้ธนาคารออมสินเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.) ผ่านโครงการ “ออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น” ส่งเสริมให้นักศึกษานำองค์ความรู้ที่ได้เรียนจากภาคทฤษฎีมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาศักยภาพชุมชน อันจะนำไปสู่การพัฒนารายได้และความเป็นอยู่ของชุมชนอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้ส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพ ผลิตภัณฑ์และบริการของวิสาหกิจชุมชนคลองศาลากุล ประกอบด้วย ชุมชนกระเป๋าผ้า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปสมุนไพรและเบเกอรี่ 2 ผลิตภัณฑ์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านนางรำ จำนวน 2 ผลิตภัณฑ์ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนดอกไม้ผ้าใยบัว และกลุ่มเกษตรกรทำสวนเกาะเกร็ด จากการลงพื้นที่เพื่อสำรวจและรับทราบปัญหา พบว่าชุมชนต้องการให้พัฒนาออกแบบบรรจุภัณฑ์สินค้าให้มีความทันสมัย พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลาย ยกระดับสินค้าชุมชนให้มีความน่าสนใจมากขึ้น รวมไปถึงสินค้าประเภทบริการ และการพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวให้เชื่อมโยงกัน เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับชุมชนด้วย

นางสาวธันย์ชนก ทองนิ่ม (พัฟ) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน วิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (College of Innovative Business and Accountancy :CIBA) ตัวแทนกลุ่มสมุนไพรชารางแดง เล่าว่า จากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาพบว่า ชารางแดง เป็นสินค้าที่มีคุณภาพราคาไม่แพง แต่ขายไม่ค่อยได้จึงต้องการให้ช่วยหาช่องทางจัดจำหน่าย ทางทีมจึงนำข้อมูลต่างๆกลับมาวิเคราะห์ เพื่อหาสาเหตุและหาวิธีแก้ไข พบว่าชารางแดงมีกลิ่นที่ฉุนเกินไป จึงได้คิดค้นในการปรับปรุงกระบวนการผลิต ด้วยการลดไฟในการคั่ว วัดอุณหภูมิและเพิ่มการนวดใบชา จนได้สูตรที่ลงตัว ได้กลิ่นชาที่หอมละมุน หลังจากปรับสูตรและออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น จึงรู้สึกดีใจที่ได้นำความรู้ที่เรียนมา มาช่วยชาวบ้านได้จริง ทั้งนี้สิ่งที่ได้รับคือประสบการณ์หลายด้าน ตั้งแต่กระบวนการผลิต การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การหาช่องทางการตลาด รวมถึงการทำงานเป็นทีม ซึ่งประสบการณ์และความรู้จากการลงพื้นที่จริงจะช่วยต่อยอดการทำงานหลังจบการศึกษาได้

นายธนกร พ่วงกลิ่น(ออม) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการตลาด วิทยาลัย CIBA ตัวแทนกลุ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์ชาหน่อกะลาบ้านนางรำ กล่าวว่า โจทย์คือช่วยให้ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น 50% ทางทีมได้รับมอบหมายให้ดูแลการออกแบบบรรจุภัณฑ์ชาหน่อกะลา เนื่องจากแพ็กเกจเดิมใช้ต้นทุนสูง เราจึงช่วยกันออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่โดยใช้โทนสีที่เรียบง่ายใช้วัสดุที่เป็นกระดาษและนำรูปเจดีย์เอียงที่เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ดมาเป็นจุดขาย หลังจากนั้นยังช่วยทำเพจและบูทเพจให้คนเห็นมากขึ้น เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาด ผลที่ได้รับหลังจากแก้ไขบรรจุภัณฑ์และบูทเพจกว่า 1 เดือนพบว่า มีการสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์และหน้าร้านเพิ่มขึ้น 40% ซึ่งเป็นผลที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างมาก จากการสะท้อนปัญหาของชาวบ้านที่ไม่มีหน้าร้านประจำ ทำให้พวกเราช่วยหาช่องทางขายใหม่ขึ้นจนประสบความสำเร็จและตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ได้ไปคลุกคลีกับชาวบ้านทำให้นักศึกษาที่ร่วมโครงการได้ประสบการณ์ที่ดี จึงอยากให้มีโครงการนี้ต่อไป

“ต้องขอบคุณโครงการนี้ ที่เปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปสัมผัสงานจริง เรียนรู้วิธีแก้ปัญหาและพัฒนาไปพร้อมกับชุมชน จากผลงานที่ช่วยกันสร้างขึ้น ทำให้ทางทีมงานได้เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัย เพื่อไปร่วมโชว์ผลงาน ในพิธีส่งมอบโครงการออมสินยุวพัฒนรักษ์ถิ่นด้วย ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง”นายธนกรกล่าว

นางสาวธนภรณ์ เลิศศรีเทียนทอง (นุ่น) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการตลาด วิทยาลัย CIBA ตัวแทนกลุ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์ชาหน่อกะลา บ้านนางรำ กล่าวเสริมว่า บรรจุภัณฑ์ใหม่ที่ออกแบบใหม่นั้นวัตถุดิบที่นำมาผลิตสามารถลดต้นทุนได้ประมาณ 7-8 บาทต่อห่อ ส่งผลให้มีกำไรต่อชิ้นเพิ่มขึ้น สำหรับโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น เป็นโครงการที่น่าสนใจมาก ทำให้มีโอกาสได้นำความรู้ที่เรียนมาช่วยเหลือชุมชนได้จริง และชาวบ้านในชุมชนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงอยากให้มีโครงการนี้ต่อไป

นางสาวกนิษฐา เรืองฉาง(มุก) นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการจัดการ วิทยาลัย CIBA ตัวแทนกลุ่มออกแบบผลิตภัณฑ์พลาสติกจักสาน กล่าวว่า การลงพื้นที่สำรวจผู้ประกอบการทำให้ทราบถึงปัญหาที่เขาต้องการให้ช่วย ส่วนปัญหาที่พบ ได้แก่ 1.ไม่มีสถานที่ขายสินค้า 2.รูปแบบของสินค้ายังไม่ตอบโจทย์ และ3.การจัดการขายยังไม่เป็นระบบ ทางทีมจึงนำความรู้ในสาขาการจัดการมาช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการออกแบบคู่สีให้อยู่ในโทนเดียวกัน พร้อมแนะนำระบบการขายผ่านระบบออนไลน์ และจัดจำหน่ายสินค้าหน้าร้าน โดยช่วยปรับภูมิทัศน์ให้กับศูนย์จักสานบนเกาะเกร็ด เพิ่มพื้นที่โชว์สินค้า ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาดูวิธีการจักสานและซื้อสินค้าเป็นของที่ระลึก ถือเป็นการสร้างจุดขายสินค้าในระยะยาวได้ หลังจากแนะนำวิธีแก้ปัญหาด้วยการบูรณาการวิทยาการสมัยใหม่ร่วมกับภูมิปัญญาดั้งเดิม เกิดจุดเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งดูได้จากยอดขายและการสั่งสินค้าเข้ามาเป็นระยะ รวมถึงการสั่งสินค้าเป็นของชำร่วยในงานมงคลด้วย


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

DPU X มธบ. ปลื้ม หลักสูตรบล็อกเชนประสบความสำเร็จ ทั้งสาย Technical และ Non-Technical หวังขยายคอมมูนิตี้ด้านบล็อกเชนดันไอเดียธุรกิจใช้งานจริง

สถาบันเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการและบุคลากรแห่งอนาคต (DPU X) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.)ร่วมกับ Smart Contract Thailand จัดอบรมหลักสูตร “Blockchain Appreciation for NON-Technical” โดยได้รับเกียรติจาก ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม และนายสถาพน พัฒนะคูหา CEO และผู้ก่อตั้ง Smart Contract Thailand ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีบล็อกเชนระดับแนวหน้าของประเทศไทย เป็นวิทยากร

ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มธบ.กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ DPU X ได้เปิดอบรมหลักสูตรบล็อกเชนภายใต้ชื่อ Geeks on the Block (Chain) Batch#1 ให้กับ Technical เพื่อสร้างความเข้าใจในพื้นฐานและแนวคิดของระบบบล็อกเชน โดยภายหลังการอบรมผู้เข้าอบรมสามารถเขียนโค้ดและนำไปปรับใช้ในองค์กรได้ นอกจากนี้ในหลักสูตรผู้เข้าอบรมยังได้ทำเวิร์คช็อปร่วมกัน เพื่อค้นหาไอเดียธุรกิจที่ใช้บล็อกเชนเป็นองค์ประกอบโดยมีหลายโปรเจคที่น่าสนใจ อาทิ TRAFFIX การจัดการปัญหาจราจรโดยดึงการใช้รถจากถนนเส้นหลักที่หนาแน่นไปสู่ถนนสายรองที่คล่องตัวมากกว่า หรือ Gross Domestic Happiness แนวคิดของการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ให้คะแนนความสุขของคนในประเทศ เป็นต้น ทุกคนมีไอเดียแต่ยังขาดความเข้าใจในเรื่องการบริหารธุรกิจ DPU X จึงเกิดแนวคิดในการจัดหลักสูตรอบรมบล็อกเชนขึ้นอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ “Blockchain Appreciation for NON-Technical” เพื่อให้ตัวแทนองค์กร หรือเจ้าของธุรกิจ ซึ่งเขียนโค้ดไม่เป็น ได้เข้าใจวิธีการทำงานของบล็อกเชนรวมถึงกลยุทธ์และเทคนิคในการเลือกใช้บล็อกเชนให้เหมาะสมกับธุรกิจ รวมถึงนำไปปรับใช้และต่อยอดธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ดร.พัทธนันท์ กล่าวด้วยว่า คาดว่าหลังจากเปิดคอร์สอบรมบล็อกเชนให้กับ Technical และ Non-Technical ไปแล้ว จะเกิดการสร้างและขยายคอมมูนิตี้ทางด้านบล็อกเชน เพื่อให้กลุ่มคนที่มีความสนใจเรื่องเดียวกัน พบปะแลกเปลี่ยนไอเดียนำบล็อกเชนขยายต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมในด้านอื่นๆ และยังเป็นการส่งเสริมการเกิดธุรกิจแนวใหม่ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นด้วย ทั้งนี้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีมานาน ปัจจุบันทุกภาคส่วนเริ่มนำไปปรับใช้ในธุรกิจหลายประเภท อาทิ อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมการขนส่ง อุตสาหกรรมทางด้านการเงิน เป็นต้น ทั้งนี้ข้อดีของเทคโนโลยีดังกล่าวจะโดดเด่นในเรื่องข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย อีกทั้งยังสามารถบอกแหล่งที่มาของข้อมูลได้ แม้แต่หน่วยงานรัฐบาลยังนำบล็อกเชนมาบริหารการจัดส่งสินค้าทางการเกษตร เพื่อคำนวณผลผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดส่งผลให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายสถาพน พัฒนะคูหา CEO และผู้ก่อตั้ง Smart Contract Blockchain Studio ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีบล็อกเชนระดับแนวหน้าของประเทศไทย กล่าวว่า บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มาก ซึ่งหากมีการดีไซน์อย่างถูกต้องแล้ว บล็อกเชนจะเป็นระบบที่มีความปลอดภัยสูง มีความน่าเชื่อถือ สามารถลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หรือนำไปสู่การสร้างธุรกิจใหม่ให้กับประเทศได้ ปัจจุบันบล็อกเชนถูกนำไปใช้หลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน สุขภาพ โลจิสติกส์ หรือแม้แต่วงการเกษตรกรรมยังสามารถใช้เทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาช่วยปรับโฉมธุรกิจ เพราะคนเริ่มกลัวสารเคมีจึงให้มูลค่าเพิ่มกับผัก ผลไม้ที่ปลอดสารพิษ การนำเทคโนลีบล็อกเชนมาใช้จะทำให้ผู้บริโภคสามารถรู้ถึงแหล่งที่มาของการผลิตที่ชัดเจนทำให้เพิ่มมูลค่าของสินค้าได้ เหตุนี้ เจ้าของธุรกิจด้านการเกษตรจึงนำบล็อกเชนมาใช้กับระบบซัพพลายเชนหรือห่วงโซ่อุปทาน เพื่อให้ลูกค้าเห็นแหล่งที่มาของสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือผ่านเทคโนโลยี  หรือแม้แต่หน่วยงานภาครัฐ ก็สามารถนำบล็อกเชนมาใช้ในการบริหารจัดการเพื่อลดขั้นตอนการยื่นเอกสาร หรือใช้เป็นตัวเชื่อมแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเจ้าของข้อมูลและผู้ขอใช้ข้อมูล  โดยเจ้าของข้อมูลสามารถอนุญาตหรือปฏิเสธการให้ข้อมูลได้และยังทราบด้วยว่า ผู้ขอใช้ข้อมูลเป็นใครนำไปใช้ทำอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม บล็อกเชนกำลังมาเปิดโอกาสความเป็นไปได้ใหม่ๆให้กับธุรกิจต่างๆ กล่าวได้ว่าตอนนี้ บล็อกเชนได้รับการยอมรับ และมีการนำไปใช้จริงในวงกว้างมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญ คือ หน่วยงานหรือเจ้าของธุรกิจควรจะมีความเข้าใจถึงปัญหาที่ต้องการจะแก้และเข้าใจเทคโนโลยีนี้ก่อนนำไปใช้ ซึ่งจะสามารถนำไปสู่การวิเคราะห์ได้ว่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจอย่างไร
“การจัดอบรมหลักสูตรบล็อกเชนในครั้งนี้เป็นความพยายามที่ SmartContract Blockchain Studio ได้ร่วมกับ DPU X  เพื่อสร้างความเข้าใจในหลักการและปรัชญาพื้นฐานของบล็อกเชน และเฟรมเวิร์คในการนำบล็อกเชนไปใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจแต่ละประเภท  ในบางกรณีการนำบล็อกเชนมาใช้แบบทื่อๆอาจไม่เหมาะกับการใช้งาน เราถึงต้องมีการดีไซน์ และศึกษาให้เข้าใจพื้นฐานเพื่อให้รู้ว่าจะหยิบข้อดีมาใช้อย่างไร หรือหลีกเลี่ยงข้อเสีย เพื่อจะได้นำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเราและองค์กร” นายสถาพน กล่าว

นางสาวรับขวัญ ชลดำรงค์กุล ตัวแทนจาก บริษัท ลอร์เอ็กซ์เทค จำกัด ธุรกิจที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย กล่าวว่า การเข้าอบรมในครั้งนี้ เพราะต้องการทราบว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนมีประโยชน์อย่างไร มีองค์ประกอบอะไรบ้างและสามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้จริงหรือไม่ สำหรับคอร์สที่ DPU X เปิดอบรมเป็นคอร์สสำหรับคนที่เขียนโค้ดไม่เป็น ซึ่งตรงกับสิ่งที่ตนอยากเรียนรู้พอดี ส่วนบรรยากาศในการอบรมดีมาก วิทยากรสามารถอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น ผู้เข้าอบรมได้แลกเปลี่ยนไอเดียทำให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง หลังจบคอร์สคาดว่าจะนำบล็อกเชนไปใช้ในธุรกิจของตนเอง เพื่อให้งานที่ออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกวันนี้ เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วมาก ถ้าไม่รีบปรับตัวในการทำธุรกิจจะไปได้ยาก บล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามามีบทบาทในหลายธุรกิจ หากศึกษาและทำความเข้าใจก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

CIBA_มธบ. ขนนวัตกรรมปลุกไอเดีย StartUp ในงาน Open House 2019

CIBA_มธบ. ขนนวัตกรรมปลุกไอเดีย StartUp โชว์ในงาน Open House 2019 เชิญชวนนักเรียน นักศึกษาร่วมเวิร์คช้อป ค้นหาตัวตนตามแนวที่ใช่คณะที่ชอบ พร้อมเรียนรู้ทักษะสำคัญในการอยู่รอดแห่งโลกอนาคตได้ตลอดงาน ระหว่างวันที่ 12-13 ธค.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ที่ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

ดร.ศิริเดช คำสุพรหม คณบดีวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (College of Innovative Business and Accountancy: CIBA) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (มธบ.)  เปิดเผยว่า   มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จัดงาน Open House 2019 ภายใต้ธีม “The Future Survivor” โดยนักเรียน นักศึกษาที่เข้าร่วมงานจะได้เปิดประสบการณ์ค้นหาและเรียนรู้ทักษะสำคัญในการอยู่รอดแห่งโลกอนาคต กับ 6 วิทยาลัย และ 6 คณะ  พร้อมสัมผัสการเรียนการสอนจริงและเวิร์คช้อปจากทุกคณะ  ในส่วนของ CIBA นอกจากด้านวิชาการแล้วยังจะเน้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้แนวคิดการเป็นสตาร์ทอัพจากเกมต่างๆ อาทิ  เกมไททานิค  ซึ่งจะเป็นการจำลองการโดยสารเรือไททานิค เป็นการท้าทายของผู้เล่นที่จะทราบผลว่าตนเองจะรอดหรือไม่ได้ในตอนท้ายของเกม โดยสามารถดูได้จากการเลือกที่นั่งบนเรือ เกมนี้มีการนำข้อมูลจริงของเหตุการณ์มาวิจัยและประยุกต์มาเป็นเกม ซึ่งสามารถอธิบายและปรับใช้ในเชิงธุรกิจได้ โดยจากข้อมูลสามารถนำมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบในเชิงธุรกิจได้ว่าลูกค้ารายนี้ควรอนุมัติสินเชื่อหรือไม่อย่างไร หรือในมุมที่ว่าลูกค้ารายใดกำลังจะเปลี่ยนใจจากเราไปใช้บริการบริษัทคู่แข่งอย่างนี้เป็นต้น รูปแบบของเกม มีเหตุผลและรูปแบบวิธีคิดที่เหมือนกันเมื่อนำมาประยุกต์ใช้ในเชิงธุรกิจ โดยอาศัยจากข้อมูลของเหตุการณ์เรือไททานิคล่ม ซี่งเป็นทฤษฎีเดียวกันหมด

“เป็นโมเดลง่ายๆ เรียกว่า “ต้นไม้แห่งการตัดสินใจ”  เป็นการนำ Machine learning ส่วนหนึ่งของAI มาใช้   นักเรียน นักศึกษา น่าจะรู้จัก ไททานิค  หลังจากเล่นเกมเสร็จพอรู้ผล ก็จะมีการสรุปให้เค้าเห็นภาพ และก็จะค่อยๆอธิบายให้เข้าใจทฤษฎีว่า มันมีวิธีคิดวิธีเริ่มต้นแบบไหน โดยโยงเข้าสู่ธุรกิจจะทำให้เห็นภาพง่ายขึ้น

นอกจากนี้ยังมีเกมเป่ายิงฉุบ ซึ่งไม่เหมือนเกมธรรมดา เป็นโมเดลเดียวกับการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันที่ต้องรู้เขารู้เรา เป็นเรื่องของข้อมูลสถิติ โดยสองคนแข่งกัน แต่จะมีการให้ข้อมูลกับอีกคนด้านสถิติว่าหากเกมแรกแพ้เกมต่อไปต้องทำยังงัยต่อ ประเด็น คือ เราต้องการแสดงให้เห็นว่า ในการทำธุรกิจก็เหมือนกันใครมีข้อมูลมากกว่าคนนั้นได้เปรียบในการนำข้อมูลมาใช้เพื่อให้ได้เปรียบคู่แข่ง เรียกว่าจะเป็นการเป่ายิงฉุบที่มีสีสันมาก” คณบดีCIBA กล่าว

ดร.ศิริเดชกล่าวด้วยว่า ภายในงานจะเน้นให้เป็นกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับวิชาที่นักศึกษาจะได้เรียน พยายามให้เขาเข้าใจในรูปแบบของการทำธุรกิจในเกมที่นำมายกตัวอย่างในงานนี้ นอกจากนี้ภายในงานจะมีการฝึกให้นักเรียน นักศึกษา ได้มีโอกาสเขียนโปรแกรมอย่างง่ายในการสั่งงานหุ่นยนต์ทำงานด้านโลจิสติกส์เพื่อให้ทำงานสะดวกมากขึ้น ไม่ใช่แค่ในงานขนส่งเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นว่าสามารถใช้โรบอทด้านการตลาดได้เช่นกัน อาทิ การเขียนโปรแกรมให้โรบอทแสดงท่าทางหรือทำงานด้านต่างๆเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้คนให้มาสนใจในธุรกิจของเราได้ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น ถุงมืออัจฉริยะ อุปกรณ์ internet of thing (IOT) ที่ต้องสั่งงานด้วยเสียง พร้อมนี้ยังมีทุนการศึกษาและโปรโมชั่นมากมายตลอดงาน

“งาน Open House 2019”  พร้อมเปิดบ้านให้ชมตลอดทั้งวัน ระหว่างวันที่ 12-13 ธันวาคม 2562 ตั้งแต่เวลา 08.00-15.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์  นักเรียน นักศึกษาที่สนใจร่วมงานได้ฟรี  ลงทะเบียนออนไลน์ร่วมงานก่อนใครได้ที่ https://openhouse.dpu.ac.th/ สอบถามรายละเอียดโทร. ต่อ 560, 722


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

DPU X มธบ. ชี้เป้าสายงาน “Game Developer” เส้นทางสู่อาชีพสำหรับคอเกมเมอร์ กูรูวงการ E-Sport เผยตลาดโตต่อเนื่องต้องการบุคลากรรองรับ

สถาบันเพื่อพัฒนาความเป็นผู้ประกอบการและบุคลากรแห่งอนาคต (DPU X) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์(มธบ.) ร่วมกับวิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ & เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี (ANT) เปิดประสบการณ์ใหม่ให้นักศึกษาภายใต้แนวคิด Playfessional ชอบทางไหนต้องไปให้สุด ตอน Indy Game โดยได้รับเกียรติจาก ดร.พัทธนันท์ เพชรเชิดชู รองอธิการบดีสายงานภาคีสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นประธานในพิธีเปิด และนายจุลดิษฐ์ สันติธรณี ผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ซอฟแวร์เพื่อองค์กร บริษัท ดิจิโทโปลิส จำกัด ร่วมแชร์ประสบการณ์และจุดประกายฝันให้กับนักศึกษา ในการคว้าโอกาสเป็นนักพัฒนาเกมแห่งโลกอนาคตรวมถึงทิศทางการตลาดและอาชีพในสายเกม

นายจุลดิษฐ์ สันติธรณี ผู้จัดการทั่วไปและหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ซอฟแวร์เพื่อองค์กร บริษัท ดิจิโทโปลิส จำกัด กล่าวว่า ในวงการเกมเชื่อว่าทุกคนต้องรู้จัก Indy Game ซึ่งเป็นเกมที่เริ่มจากนักพัฒนาเกมเพียงคนเดียวหรือมีทีมขนาดเล็ก และใช้ช่องทางการจำหน่ายเกมเองโดยไม่พึ่งผู้จัดจำหน่าย ที่สำคัญเกมดังกล่าวส่วนใหญ่ผู้สร้างเกมทำบนความชอบมากกว่ามองรายได้ ถือเป็นอุดมการณ์การทำเกมที่แตกต่างจากนักสร้างเกมทั่วไป สำหรับวงการ E-Sports ในไทยเริ่มตื่นตัวและอยู่ในกระแสหลักมากขึ้น คนที่จะอยู่ในวงการนี้ หรือเป็นนัก E-Sports ต้องมีวินัย รู้จักการทำงานเป็นทีมเวิร์ค และหมั่นฝึกซ้อมอยู่เสมอ จะทำให้มีโอกาสเติบโตสูง ส่วนคนที่สนใจอยากเป็นนักพัฒนาเกมหรืออยากลงทุนทำเกม นอกจากจะรู้เรื่องเกมและเล่นเกมเก่งแล้วต้องเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม อาทิ ความคิดที่เป็นระบบ ความคิดสร้างสรรค์ และสื่อสารภาษาอังกฤษได้ เป็นต้น เนื่องจากการทำธุรกิจในด้านนี้ต้องเน้นทำการตลาดโลกเท่านั้นถึงจะไปต่อได้ ถ้าเน้นทำตลาดในไทยอย่างเดียว มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนสูง

นายจุลดิษฐ์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันกลุ่มผู้ปกครองเริ่มอยู่ใน Generation ที่เล่นเกมเป็น จึงมีทัศนคติที่ดีต่อเกมเพิ่มมากขึ้น ทำให้ภาพเกมมอมเมาเยาวชนเริ่มหายไป อย่างไรก็ตามเด็กที่ชอบเล่นเกมต้องอยู่ในการควบคุมให้เล่นแต่พอดี แต่ถ้าเด็กมีพรสวรรค์ในด้านดังกล่าวผู้ปกครองควรสนับสนุนให้ทำเป็นอาชีพเพื่อสร้างรายได้ส่วนเด็กที่อยากเรียนสายนี้ แนะนำให้เรียนเพราะความชอบและอยากทำเกมจริงๆ อย่าเรียนเพื่อเลียนแบบคนดังหรือคนที่ประสบความสำเร็จ คนทำเกมต้องมีใจรักมีความรู้เรื่องเกมและมีใจที่อยากทำถึงจะอยู่รอดได้ในธุรกิจนี้ ส่วนอาชีพที่มาแรงในสายนี้ คือ เกมแคสเตอร์ (Game Caster)

“วงการเกมเป็นธุรกิจที่ใหญ่กว่าวงการภาพยนตร์ มีเม็ดเงินหมุนเวียนเงินมหาศาล คนอยากทำเกมต้องมีทุนสูง มีความสามารถวางแผนการตลาดและต้องวิเคราะห์เกมที่จะได้รับความนิยมในอนาคตได้ ส่วนอุปสรรคของคนทำเกม คือเงินทุนน้อย สำหรับคนที่มีใจอยากทำเกมแต่มีทุนน้อยยังพอมีช่องทางในธุรกิจอยู่บ้าง ถ้าคุณเป็นคนที่มีมุมมองผู้ประกอบการและมุมมองคนเล่นเกม สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเกมแบบไหนจะติดตลาดในอนาคต ให้ทำเกมส่งเข้าประกวด แม้พลาดรางวัลแต่ได้รีวิวจากกรรมการเพื่อกลับมาปรับแก้แล้วนำเกมไปปล่อยในสโตร์เล็กๆ ก่อนเพื่อดูข้อมูล ทั้งนี้การลงแรงแต่ไม่ลงทุนคือวิธีที่ฉลาดและคุ้ม ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของคนทำเกมรุ่นใหม่”นายจุลดิษฐ์ กล่าว

นางสาวธีราภรณ์ สิงห์ขร นักศึกษาชั้นปีที่ 3 สาขาออกแบบดิจิทัลเชิงสร้างสรรค์ วิทยาลัยครีเอทีฟดีไซน์ & เอ็นเตอร์เทนเมนต์เทคโนโลยี(ANT) กล่าวว่า หลังจบการศึกษาตนอยากทำงานด้าน Marketing หรือ AE การเข้าร่วมกิจกรรม Playfessional ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดขึ้น ทำให้รู้ทิศทางการตลาดของเกมในปัจจุบัน สามารถมองเห็นภาพหลังเรียนจบในอนาคตได้กว้างขึ้น เพื่อนำไปพัฒนาตนเองหรือปรับตัวให้ทันก่อนปฏิบัติงานจริง ปัจจุบันกลุ่มผู้เล่นเกมขยายจากกลุ่มวัยรุ่นไปสู่วัยอื่นๆ ทำให้วงการนี้เริ่มขยายตลาดมากขึ้นรวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุด้วย แม้ปัจจุบันผู้ปกครองบางท่านยังมองการเล่นเกมเป็นเรื่องไร้สาระไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ ตนจึงอยากสื่อสารให้เข้าใจว่า เกมถ้าเล่นเป็นสามารถสร้างรายได้เลี้ยงตนเองและครอบรัวได้ ดังนั้นน้องๆที่ชอบเล่นเกมต้องแบ่งเวลาให้เป็น ต้องเรียนรู้ระบบเกม และเรียนรู้ภาษาเพิ่ม เพราะสิ่งเหล่านี้นำมาต่อยอดให้ก้าวไปเป็นนักพัฒนาเกม หรืออาชีพอื่นที่อยู่ในสายเกม ขอเพียงมีแรงผลักดันจากผู้ปกครองที่พร้อมสนับสนุน จะทำให้เด็กมีอนาคตไกลและไปต่อได้

“อาชีพในสายเกมแตกแขนงได้หลายทาง อยู่ที่บ้านก็สามารถทำงานได้ บางคนอาจจะกลัวการหาคำตอบหรือเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ถ้าลองเปิดใจและไขว่คว้าหาโอกาสสิ่งที่อยู่รอบตัวหรือสิ่งที่ชอบ เราจะรู้ว่ายังมีหลายสิ่งอีกมายที่ยังไม่ทันได้เห็นที่ได้ลองลงมือทำ” นางสาวธีราภรณ์กล่าว


 

Exit mobile version