Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

AIS – ZTE และ MediaTek ร่วมมือกันทดสอบเทคโนโลยีใหม่ 5G RedCap บนคลื่นความถี่ 2.6GHz

AIS – ZTE Corporation (ZTE) และ MediaTek ประสบความสำเร็จในการทดสอบนวัตกรรม 5G RedCap บนคลื่นความถี่ 2.6 GHz ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการนำนวัตกรรมดิจิทัลเข้ายกระดับขีดความสามารถของโครงข่าย 5G โดยเฉพาะ 5G RedCap ที่จะเข้ามาพลิกโฉมวงการและทำให้การพัฒนา Internet of Things (IoT) มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และในขณะเดียวกันความร่วมมือนี้จะส่งเสริมการพัฒนา Ecosystem ของเทคโนโลยี RedCap และเป็นจุดเริ่มต้นในการนำ RedCap ขยายผลสู่การให้บริการเชิงพาณิชย์ทั่วโลก

RedCap ย่อมาจาก Reduced Capability บางครั้งเรียกว่า NR Light เป็นเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในมาตรฐาน 3GPP R17 ซึ่งได้รับข้อดีของต้นทุนต่ำและใช้พลังงานต่ำโดยการลดความซับซ้อนของเทอร์มินัลและสืบทอดความสามารถเฉพาะของ 5G เช่น larger bandwidth, network slicing, low latencyและความสามารถอื่นๆ ซึ่งให้โซลูชั่น IoT ที่คุ้มค่ามากยิ่งขึ้น

โดยความสำเร็จของการทดสอบ 5G RedCap ในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือและการทำงานร่วมกันของ AIS ในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคมและผู้ให้บริการดิจิทัล ZTE Corporation ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชั่นการสื่อสารชั้นนํา และ MediaTek ในฐานะผู้ผลิตและผู้พัฒนาชิปเซ็ตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก ที่ศูนย์นวัตกรรม A-Z Center ดำเนินการภายใต้คลื่นความถี่ 2.6GHz (Time Division Duplex) ได้ผลการทดสอบที่เป็นไปตามมาตรฐานโลก ด้วยค่าความเร็ว download  ของระบบ TDD สามารถทำความเร็วได้ถึง 163 Mbps โดยใช้แบรนด์วิธ 20MHz และที่สำคัญ 5G RedCap มีความหน่วงต่ำอยู่ที่ประมาณ 10 มิลลิวินาที (ms)

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการทดลองทดสอบนวัตกรรมและโชว์ความสำเร็จของเทคโนโลยี 5G RedCap เท่านั้น แต่เป็นการยืนยันถึงภารกิจในการยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทยให้มีมาตรฐานระดับโลก เพื่อรองรับการใช้งานของลูกค้า คนไทย และภาคส่วนต่างๆ ให้สามารถเชื่อมต่อและสัมผัสประสบการณ์การใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมนำนวัตกรรมไปต่อยอดสร้างประโยชน์ให้ประเทศก้าวไปยืนอยู่ในเวทีโลกต่อไป


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

NT – AIS ผนึกกำลังครั้งสำคัญ เสริมขีดความสามารถ 4G/5G บนคลื่น 700 MHz มุ่งยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ

ภายหลังจากที่ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลผู้ให้บริการโทรคมนาคม ได้อนุญาตให้บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT สามารถโอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 700 MHz จำนวน 5 MHz  ให้กับบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด หรือ AWN ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS นั้น ล่าสุด NT และ AWN ได้ลงนามสัญญาในโครงการเช่าใช้บริการอุปกรณ์โครงข่ายเพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G/5G บนคลื่น 700 MHz และสัญญาการใช้บริการข้ามโครงข่ายโทรคมนาคมภายในประเทศ (Roaming) เพื่อเดินหน้าเสริมขีดความสามารถในการให้บริการ 4G/5G ของ NT และ AIS

โดยภายใต้สัญญาฯ ดังกล่าว AIS โดย AWN จะจัดทำโครงข่าย 4G/5G บนคลื่นความถี่ 700 MHz จำนวน 13,500 สถานีฐาน ภายในระยะเวลา 2 ปี เพื่อให้ NT ใช้ในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้ง 4G/5G แก่ลูกค้าผู้ใช้บริการตลอดอายุใบอนุญาตใช้งานคลื่นความถี่ 700 MHz ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2579

นับเป็นความร่วมมือระหว่างองค์กรภาครัฐและเอกชน บนแนวคิด Infrastructure Sharing ซึ่งลดการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 5G ที่ซ้ำซ้อน ในภาพรวมของประเทศ และสามารถใช้คลื่นความถี่ที่มีอย่างเต็มประสิทธิภาพให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อคนไทย  รองรับการเติบโตของผู้ใช้บริการทั้งในปัจจุบันและอนาคต อีกทั้งเป็นการเพิ่มศักยภาพโครงข่าย 5G ของประเทศไทยให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้นตามความตั้งใจของทั้งสององค์กร

พันเอก สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT กล่าวว่าการทำสัญญา Network Sharing ร่วมกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง AIS ส่งผลประโยชน์หลายด้านโดย NT สามารถประหยัดงบประมาณการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องในระยะยาวบนคลื่น 700 MHz  และเป็นแนวทางที่ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มโอกาสของ NT ในธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5G ตามแผนธุรกิจ 5G ของ NT ที่ ครม.อนุมัติ

ทั้งนี้ โครงข่ายที่จะจัดสร้างบนคลื่น 700 MHz สามารถรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าในปัจจุบันกว่า 2 ล้านราย และรองรับการขยายตลาดในอนาคตได้ถึง 4 ล้านราย ครอบคลุมบริการสำหรับกลุ่มลูกค้าทั่วไปและลูกค้าหน่วยงานภาครัฐ นอกจากนี้ NT ยังมีข้อตกลงกับ AIS ในการให้บริการข้ามโครงข่ายบนโครงข่ายของ AISได้ในทุกคลื่นความถี่ อันจะส่งผลทำให้ลูกค้า NT ได้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 4G/5G อย่างมีคุณภาพ ครอบคลุมทุกพื้นที่ อีกทั้งยังเสริมความแข็งแกร่งของ NT ให้มีขีดความสามารถแข่งขันในตลาดได้ สอดคล้องกับแนวนโยบายภาครัฐที่เน้นให้บูรณาการเพื่อลดความซ้ำซ้อนการลงทุนด้านโครงข่ายสื่อสารของประเทศ

ด้าน นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่าเรามีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง ที่ได้รับโอกาสจาก NT ในการเข้าเป็นพันธมิตรร่วมทำงานยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดย AIS พร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนเป้าหมายของ NT ในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีระดับสากล และ ทีมงานวิศวกรที่จะดูแลคุณภาพของโครงข่ายอย่างเต็มที่ รวมไปถึงภารกิจของ AIS เองที่มุ่งมั่นส่งมอบบริการ 5G คุณภาพให้แก่ลูกค้าจากคลื่นความถี่ทุกย่าน ตั้งแต่ 700 MHz จากความร่วมมือในครั้งนี้ที่จะทำให้มีปริมาณรวม 2×20 MHz  ที่จะสามารถขยายบริการ 5G ให้ครอบคลุมไปยังพื้นที่ห่างไกลในต่างจังหวัดและพื้นที่เมืองในเขตอาคารสูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น พร้อมผนึกพลังกับคลื่นความถี่ซึ่งได้รับการจัดสรรมาก่อนหน้านี้ ในย่าน 900 MHz, 1800 MHz,  2100 MHz, 2600 MHz และ 26 GHz รวมเป็น 1460 MHz มากที่สุดในไทย ที่จะทำให้ครอบคลุมการใช้งานลูกค้าและองค์กรธุรกิจทุกรูปแบบ และต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศสู่ความเป็นเครือข่ายอัจฉริยะอย่างเป็นรูปธรรม


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

สดช. ผนึก กสทช. CAT AIS TRUE ปั้น Smart Sign On สำเร็จ ลงทะเบียนครั้งเดียวใช้ไวไฟ @TH Wi-Fi ฟรี

สดช. ดึงความร่วมมือ กสทช. CAT AIS และ TRUE เปิดตัวบริการ Smart Sign Onเพิ่มความสะดวกประชาชน ลงทะเบียนครั้งเดียวกับ @TH Wi-Fi ใช้งาน Free Wi-Fi ได้จากผู้ให้บริการทุกรายที่เข้าร่วม

นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.)เป็นประธานในงานเปิดตัวโครงการ Smart Sign On เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมของประเทศที่รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการจากภาครัฐ ดังนั้นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจึงมุ่งส่งเสริการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินเทอร์เน็ตมาเป็นพื้นฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ช่วยกระจายโอกาสในการสร้างเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น สอดรับกับวิสัยทัศน์ที่ต้องการผลักดันการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศไทย 4.0
“โครงการที่จัดทำขึ้นนี้ นอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงแก่ประชาชนแล้ว ยังมีอีกมิติหนึ่งคือการพัฒนาความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลักดันและสร้างสิ่งดี ๆ ซึ่งจะเป็นพลังในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศชาติไปสู่อนาคตได้อย่างเข้มแข็ง และก่อให้เกิดความภูมิใจในการสร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมร่วมกัน”

นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.)ยังกล่าวถึงการริเริ่มจัดทำโครงการ Smart Sign On ว่าเกิดจกความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการให้สะดวกยิ่งขึ้น โดยจัดให้มีระบบตรวจสอบสิทธิ์การเข้าใช้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะที่เชื่อมโยงกับข้อมูลทะเบียนราษฎร์ของกรมการปกครอง รวมทั้งบูรณาการร่วมกับโครงการบริการอินเทอร์เน็ตชายขอบ ซึ่งผู้ใช้บริการลงทะเบียนเพียงครั้งเดียว แต่จะสามารถใช้บริการ Free WiFI ได้จากผู้ให้บริการทุกรายที่เข้าร่วมโครงการ เช่น โครงการ Smart City จังหวัดภูเก็ต โครงการบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะสู่ชุมชนรวมทั้งการให้บริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะขอผู้ให้บริการภาคเอกชน โดยประชาชนทั่วประเทศ ทั้งที่เป็นผู้ใช้งานใหม่และผู้ใช้งานรายเดิมสามารถเข้าใช้งาน Fee WiFi นี้ได้ในชื่อบริการ @TH WiFi ด้วย Username และ Password เดียวกันทั้งในรูปแบบWeb Portal และ Mobile Application

“การจัดทำโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐ และบริษัทผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตชั้นนำ โดยเฉพาะ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ บริษัท แอดวานซ์อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รวมทั้ง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ที่ร่วมบูรณาการในการพัฒนาการให้บริการระบบตรวจสอบสิทธิ์การเข้าใช้งาน (Smart Sign On) ได้เป็นผลสำเร็จ โดยในขณะนี้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวสามารถใช้งานได้แล้วที่จุดให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายฟรีในที่สาธารณะที่กระจายอยู่ตามสถานที่ชุมชน อาทิ สถานศึกษา สถานบริการภาครัฐ สถานีขนส่ง รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วประเทศ” นางวรรณพร กล่าว


 

Exit mobile version