Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสันจัดแสดงนวัตกรรม 5G ล่าสุด ที่งาน Imagine Live Thailand

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) เปิดงาน Imagine Live Thailand 2022 งานแสดงเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร 3 วันเต็ม สำหรับเป็นแพลตฟอร์มทำงานร่วมกันระหว่างพันธมิตรในภาคอุตสาหกรรมโทรคมนาคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลของประเทศไทยบนพื้นฐานเทคโนโลยี 5G

โดยไฮไลท์ของงาน คือ การมีบทบาทและการมีส่วนร่วมของพันธมิตรมากมายจากหน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐบาลและเอกชน อาทิ สถานเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) และผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือชั้นนำในประเทศไทย ซึ่งนับเป็นความมุ่งมั่นร่วมกันส่งเสริมและเร่งการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในประเทศไทย

อีริคสัน และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) จะร่วมมือกันแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด กลยุทธ์ต่าง ๆ รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลและไซเบอร์ พร้อมส่งเสริมนวัตกรรมที่สนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย

ทั้งนี้เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา อีริคสันและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ยังได้ลงนามร่วมกันในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) เพื่อผนึกกำลังของทั้งสองหน่วยงานเพื่อส่งมอบความรู้เทคโนโลยี 5G ให้แก่นักศึกษาไทย โดยนักศึกษาของ มจธ. จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงแนวคิดการศึกษาของ ‘Ericsson Educate’ ที่เป็นโครงการริเริ่มด้านการศึกษาออนไลน์ของอีริคสัน ซึ่งจะช่วยเสริมการเรียนรู้ทางเทคนิคอย่างต่อเนื่องให้แก่นักศึกษาของ มจธ. ด้วยหลักสูตรต่าง ๆ ที่เพิ่มพูนทักษะด้านไอซีทีและเตรียมพร้อมนักศึกษาสำหรับการไปทำงานในภาคโทรคมนาคมของประเทศไทย

มร.อิกอร์ มอเรล ประธานบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “อีริคสันจะทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมขับเคลื่อนระบบนิเวศตามวิสัยทัศน์ Thailand 4.0 ในฐานะผู้นำเทคโนโลยี 5G ระดับโลก อีริคสันจะนำเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่ล้ำสมัย พร้อมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญระดับโลกมาสนับสนุนประเทศไทยให้เดินหน้าไปสู่เป้าหมายการหลอมรวมเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมเข้าไว้ด้วยกัน”

ดร. ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กล่าวว่า “เราจะทำงานร่วมกับอีริคสันในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) ในการร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาอีโคซิสเต็มส์ของประเทศไทย โดยภารกิจหลักของเราคือการร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมเพื่อจัดทำแผนกลยุทธ์สำหรับยกระดับศักยภาพเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล พร้อมกับส่งเสริมนวัตกรรมที่สอดคล้องกับเป้าหมายของดีป้าในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ”

ภายในงาน Imagine Live Thailand 2022 ประกอบด้วยการบรรยายบนเวทีจากผู้นำทางความคิดในวงการ พร้อมพื้นที่การสาธิตเทคโนโลยีที่มอบประสบการณ์โดดเด่น และมีการจัดแสดงนวัตกรรม ข้อมูลเชิงลึก ข้อเสนอล่าสุด รวมถึงผลงานต่าง ๆ ของอีริคสัน

โดยอีริคสันมีการจัดแสดงนวัตกรรมโซลูชันพร้อมกรณีการใช้งานที่หลากหลาย ประกอบด้วย โซลูชันการสื่อสารผ่านโฮโลแกรม (Holographic Communication) เทคโนโลยีเกษตรกรรมอัจฉริยะในเมตาเวิร์ส (Smart Agricultural Technology in Metaverse) นวัตกรรมสื่อสารที่ต้องการความแม่นยำสูง (Time-Critical Communication) และตัวอย่างความสำเร็จของธุรกิจที่ใช้ 5G จากทั่วโลก

“โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคมของเรา ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารเหล่านี้จะช่วยให้สามารถรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมที่เกิดขึ้นได้จากทั่วโลก และเรายังคงเดินหน้าทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าแพลตฟอร์มเครือข่าย 5G ที่มีศักยภาพสูงในวันนี้นั้นพัฒนาไปสู่ยุค 6G ที่จะนำเสนอความสามารถใหม่ ๆ พร้อมมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่า” มร.อิกอร์ มอเรล กล่าวสรุป

อีริคสันเป็นผู้นำเครือข่าย 5G ระดับโลก ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้สนับสนุนการเปิดให้บริการเครือข่าย 5G ไปแล้วจำนวน 130 เครือข่าย ใน 56 ประเทศ พร้อมเครือข่าย 5G แบบ Standalone จำนวน 17 เครือข่าย ทั่วโลก


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Gartner ชูอีริคสันเป็นผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G สำหรับผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร ในรายงาน Gartner® Magic Quadrant™ ประจำปี 2565

อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G สำหรับผู้ให้บริการด้านสื่อสาร ตามรายงาน Magic Quadrant for 5G Network Infrastructure for Communications Service Providers ประจำปี 2565 ที่จัดทำโดยบริษัท การ์ทเนอร์ อิงค์

จากรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาอีริคสันได้รับเลือกให้เป็นผู้นำอันดับสูงสุดในด้านความสามารถในการดำเนินการด้านโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G สำหรับผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร ทั้งนี้อีริคสันเคยได้รับเลือกให้เป็นผู้นำในรายงานประจำปี 2564 ปีแรกที่การ์ทเนอร์จัดทำรายงานดังกล่าว

ผู้เชี่ยวชาญของการ์ทเนอร์ได้ประเมินและวัดผลอย่างครอบคลุมและตรงไปตรงมากับบริษัทต่าง ๆ ที่นำเสนอโซลูชัน 5G แก่ผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร โดยครอบคลุมทั้งในภาพรวมวิสัยทัศน์และความสามารถในการดำเนินงานเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G เพื่อนำเสนอและสรุปเป็นภาพรวมตลาดถึงความสามารถในโครงสร้าง 5G

อีริคสันตระหนักดีว่าผู้ขายโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G แบบครบวงจรถูกประเมินจากความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพแก่ผู้ให้บริการไอทีเพื่อให้แข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล  โดยส่งผลเชิงบวกต่อการสร้างรายได้ การรักษาฐานลูกค้า และชื่อเสียง ในมุมมองการตลาดของการ์ทเนอร์ ซึ่งการประเมินดังกล่าวยังรวมถึงความสามารถในการดำเนินการด้านผลิตภัณฑ์และบริการของอีริคสันที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและติดตามบันทึก การดำเนินกิจกรรมทางการตลาด ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับและภาพรวมของศักยภาพทางธุรกิจ

เฟรดริก เจดลิง รองประธานผู้บริหารและหัวหน้าเครือข่ายอีริคสัน กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีที่วิสัยทัศน์ด้าน 5G ของอีริคสันตั้งแต่ความเป็นผู้นำทางความคิดไปจนถึงการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพกับภาคอุตสาหกรรม และความสามารถในการดำเนินงานด้านโครงสร้าง 5G ที่โดดเด่นไม่เป็นรองใครของเราได้รับการยอมรับจากการ์ทเนอร์อีกครั้งในฐานะผู้นำของอุตสากรรม”

“การได้รับการยอมรับใน Magic Quadrant for 5G Network Infrastructure for Communications Service Providers โดยการ์ทเนอร์ตอกย้ำให้เห็นจุดยืนของบริษัทฯ และเป็นสิ่งยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเรา โดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญเสมอ”

ปัจจุบันอีริคสันมีสัญญา 5G เชิงพาณิชย์กับผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSPs) มากกว่า 170 ฉบับ และเปิดให้บริการ 5G แล้วถึง 114 เครือข่ายทั่วโลก พร้อมพัฒนาการให้บริการ 5G แบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึง 5G RAN และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพใน Ericsson Radio System, Cloud RAN, Ericsson Silicon, 5G Core, Orchestration, BSS และ 5G สำหรับคมนาคม (5G Transport) ตลอดจนบริการระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้แนะนำโซลูชันนวัตกรรมซอฟต์แวร์ อาทิ Ericsson Spectrum Sharing, 5G Carrier Aggregation และ Uplink Booster ที่ช่วยเพิ่มความครอบคลุมของเครือข่ายสัญญาณ สมรรถนะในการทำงานของผู้ใช้ และประสิทธิภาพของคลื่นความถี่ อย่างมีนัยสำคัญ

โซลูชันเหล่านี้สนับสนุนผู้ให้บริการในการปรับใช้และพัฒนา 5G เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ปลายทางจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ Ericsson Radio System ที่มีจำหน่ายตั้งแต่ปี 2558 สามารถรองรับความสามารถ 5G New Radio (NR) ผ่านการติดตั้งด้วยซอฟต์แวร์จัดการจากระยะไกล

บริการ Ericsson Digital Services นำเสนอโซลูชัน 5G Core แบบดูอัลโหมดบนคลาวด์เนทีฟสำหรับเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอัจฉริยะโดยช่วยผู้ให้บริการด้านการสื่อสารสามารถนำเสนอโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้แก่ผู้ใช้มือถือและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้

โซลูชัน 5G Core ของอีริคสันรวมฟังก์ชั่น Evolved Packet Core และฟังก์ชันเครือข่าย 5G Core เข้ากับแพลตฟอร์มคลาวด์เนทีฟปกติที่รองรับ 5G NR แบบสแตนด์อโลนและแบบไม่สแตนด์อโลน เช่นเดียวกับโซลูชันรุ่นก่อนหน้าที่ช่วยประหยัดต้นทุนทั้งหมดในการเป็นเจ้าของ และการย้ายไปยังเครือข่าย 5G อย่างราบรื่น 

ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่the 2022 Gartner Magic Quadrant for 5G Network Infrastructure for Communications Service Providers

 

About Gartner

Gartner delivers actionable, objective insight to executives and their teams.

Gartner Disclaimer:
Gartner does not endorse any vendor, product or service depicted in our research publications, and does not advise technology users to select only those vendors with the highest ratings or other designation. Gartner research publications consist of the opinions of Gartner’s research organization and should not be construed as statements of fact. Gartner disclaims all warranties, expressed or implied, with respect to this research, including any warranties of merchantability or fitness for a particular purpose.

Gartner and Magic Quadrant are registered trademarks of Gartner, Inc. and/or its affiliates in the U.S. and internationally and is used herein with permission. All rights reserved

Attribution: Gartner, Magic Quadrant for 5G Network Infrastructure for Communications Service Providers, 23 February 2022; Analyst(s) Kosei Takiishi, Sylvain Fabre, Frank Marsala, Peter Liu, Susan Welsh de Grimaldo, Pulkit Pandey.


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยปริมาณการใช้ดาต้ามือถือพุ่งเกือบ 300 เท่า ในรอบ 10 ปี

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 2 ธันวาคม 2564 รายงานเชิงลึกระดับโลกของอีริคสัน (NASDAQ: ERIC) เปิดเผยว่าตั้งแต่อีริคสันจัดทำและเผยแพร่รายงาน Ericsson Mobility Report เป็นครั้งแรกในปี 2554 จนถึงปัจจุบันมีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือเพิ่มขึ้นเกือบ 300 เท่า โดยในรายงานฉบับครบรอบสิบปีนี้ยังได้รวบรวมข้อมูลและสถิติต่าง ๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเครือข่ายมือถือทั้งในอดีตและปัจจุบัน ให้เราได้ย้อนกลับไปดูเทรนด์ต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในรอบทศวรรษที่ผ่านมา รวมถึงการคาดการณ์ไปจนถึงปี 2570

จากการคาดการณ์ที่ระบุว่ายอดผู้ใช้บริการ 5G จะสูงแตะ 660 ล้านบัญชีภายในสิ้นปีนี้เป็นการตอกย้ำสมมติฐานที่ว่า 5G เป็นเจนเนอเรชั่นเครือข่ายไร้สายที่มีการนำมาใช้งานรวดเร็วที่สุด โดยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นในประเทศจีนและอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาอุปกรณ์ 5G ที่ลดลง อีริคสันยังพบว่าในไตรมาส 3 ที่ผ่านมานี้ทั่วโลกมียอดผู้ใช้ 5G มีจำนวนเพิ่มขึ้นสุทธิที่ 98 ล้านบัญชี เทียบกับผู้สมัครใช้ 4G รายใหม่ที่ 48 ล้านบัญชี และคาดว่าเครือข่าย 5G จะครอบคลุมผู้ใช้งานกว่า 2 พันล้านคนภายในสิ้นปี 2564

สอดคล้องกับการคาดการณ์ล่าสุดที่ระบุว่าภายในปี 2570 เครือข่าย 5G จะกลายเป็นเครือข่ายหลักของโลกเพื่อใช้เข้าถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ  ซึ่ง ณ เวลานี้ผู้ใช้ 5G มีสัดส่วนประมาณ 50% ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมดทั่วโลก โดยครอบคลุมประชากรโลกถึง 75% และคิดเป็น 62% ของปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนสมาร์ทโฟนทั่วโลก

มร. อิกอร์ มอเรล  ประธานบริษัทอีริคสัน ประเทศไทยกล่าวว่า “การสื่อสารบนมือถือก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเหลือเชื่อต่อสังคมและธุรกิจตลอดเวลา 10 ปีที่ผ่านมา เมื่อเรามองไปข้างหน้าในปี 2570 เครือข่ายมือถือจะยิ่งทวีความสำคัญมากขึ้นทั้งในแง่ของการมีปฏิสัมพันธ์ต่อกัน รวมถึงการใช้ชีวิตและการทำงาน ในรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุดของเรา ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเร่งความเร็วขึ้นอีกระดับ และเทคโนโลยีมีบทบาทอย่างยิ่งยวด”

คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ยอดผู้ใช้มือถือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะเพิ่มเป็น 1.1 พันล้านราย โดยมียอดผู้สมัครใช้บริการ 5G สูงแตะ 15 ล้านราย และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามปีนี้ โดยคาดว่าในปี 2570 จะมียอดผู้ใช้ 5G ถึง 560 ล้านราย นอกจากนี้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตต่อสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่องเพิ่มขึ้นในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในโลก แตะ 46 กิกกะไบท์ (GB) ต่อเดือน ในปี 2570 หรือเติบโตเฉลี่ย 34% ต่อปี สอดคล้องกับปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตบนมือถือทั้งหมดที่เติบโตต่อปีที่ 39% ส่งผลให้มียอดการใช้เน็ตต่อเดือนสูงถึง 46 เอกซะไบท์ (EB) เป็นผลมาจากจำนวนผู้สมัครใช้บริการ 4G และ 5G ที่เพิ่มขึ้นในตลาดที่เปิดให้บริการ 5G

มร. อิกอร์ กล่าวเสริมว่า “ประเทศไทย คือ หนึ่งในประเทศที่มีประชากรใช้อินเทอร์เน็ตสูงที่สุดในโลก เมื่อกล่าวถึงภาคอุตสาหกรรมและองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ประเทศไทยคือหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญของภาคอุตสาหกรรมในระดับภูมิภาค โดยมีธุรกิจที่มีศักยภาพจำนวนมากที่นำเทคโนโลยี 5G มาปรับปรุงการดำเนินงานให้มีความทันสมัย ผมมองว่าประเทศไทยจำเป็นต้องสร้างเครือข่าย 5G ที่สามารถตั้งโปรแกรม มีความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ”

ตั้งแต่ปี 2554 การนำเครือข่าย 4G LTE มาใช้งานได้ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นสำคัญที่เพิ่มยอดผู้ใช้สมาร์ทโฟนทั่วโลกพุ่งเป็น 5.5 พันล้านคน และเกิดอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อ 4G ขึ้นในตลาดมากกว่า 20,000 รุ่น ในรายงานยังชี้ให้เห็นว่าวงจรเทคโนโลยีของอุปกรณ์ 5G นั้นเปลี่ยนแปลงไปได้รวดเร็วกว่า ในปัจจุบันมีโทรศัพท์มือถือ 5G คิดเป็นสัดส่วน 23% ของมือถือทั้งหมดทั่วโลก เทียบกับโทรศัพท์มือถือ 4G ที่มีเพียง 8% ณ จุดเดียวกัน

สิ่งนี้กระตุ้นให้การใช้ปริมาณอินเตอร์เน็ตบนมือถือเติบโตอย่างก้าวกระโดด หากพิจารณาการเติบโตแบบปีต่อปี จะพบว่าปริมาณการใช้เน็ตมือถือ ณ ไตรมาส 3 ปี 64 เติบโตที่ 42% หรือประมาณ 78 เอกซะไบต์ (EB) ซึ่งนับรวมปริมาณอินเตอร์เน็ตจากบริการบรอดแบรนด์อินเตอร์เน็ตไร้สาย (Fixed Wireless Network) นอกจากนี้ ยังพบว่ายอดการใช้เน็ตมือถือในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา มีปริมาณเทียบเท่าปริมาณเน็ตที่เคยมีมาทั้งหมดจนถึงปี 2559 ซึ่งจากการคาดการณ์ล่าสุดยังเผยว่าในปี 2570 จะมีการใช้เน็ตมือถือเพิ่มขึ้นสูงถึง 370 เอกซะไบต์ (EB)

นอกจากนี้ ในรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับครบรอบ 10 ปี ยังมีบทความประกอบอีก 4 หัวข้อ ดังนี้

  • การสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอนาคตดิจิทัล โดยร่วมกับ Far EasTone
  • การสร้างเครือข่ายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล โดยร่วมกับ stc
  • Time-to-content: กำหนดเกณฑ์มาตรฐานสำหรับประสิทธิภาพเครือข่าย
  • การสร้างเครือข่ายต่าง ๆ ที่ยั่งยืน

Explore the Ericsson Mobility Report November 2021 edition and the Ericsson Mobility Report Journey.

RELATED LINKS:

Ericsson Mobility Report

Behind the scenes of the Ericsson Mobility Report: 10 years of industry leading insights

Ericsson’s publicly announced 5G contracts
Ericsson 5G
Find out more about Ericsson’s 4G and 5G Fixed Wireless Access


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

พลิกโฉม 360 องศาประสบการณ์ความตื่นเต้นเร้าใจของการดูกีฬาไปกับเทคโนโลยี 5G

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 10 สิงหาคม 2564 – การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียวนับว่าเป็นมหกรรมกีฬาของมวลมนุษยชาติที่ค่อนข้างแปลกกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ช่างเป็นการแข่งขันกีฬาที่เงียบเหงา เพราะคณะผู้จัดงานไม่ได้เปิดให้สาธารณะชนเข้าร่วมชมเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ซึ่งน่าจะอยู่กับพวกเราไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง

เทคโนโลยี 5G จะนำความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลมายังทุกภาคส่วนในสังคม รวมทั้งวงการกีฬา เพราะเทคโนโลยี 5G สามารถรองรับการใช้งาน Digital Application, Video on Demand และ Immersive User Experience (ประสบการณ์การรับชมที่เสมือนจริงและล้ำลึก) เรากำลังก้าวเข้าสู่โลกของการดูกีฬาที่ใกล้ชิด พร้อมพรั่งด้วยข้อมูลเชิงลึกเพียงปลายนิ้วสัมผัส และ Interactive สุด ๆ ไม่ว่าแฟนกีฬาเหล่านั้นจะเข้าชมที่สนามหรือดูจากที่บ้าน

มีการคาดการณ์ว่าผู้บริโภคไม่น้อยกว่า 300 ล้านคนทั่วโลกจะปรับเปลี่ยนเข้าใช้งานเทคโนโลยี 5G ภายในปี 2564 นี้ โดยในรายงาน ConsumerLab ที่จัดทำขี้นโดยบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีสื่อสารอย่างอีริคสันได้วิเคราะห์ถึงแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคว่า ผู้ใช้งานเทคโนโลยี 5G จะใช้เวลาเพิ่มเติมอีก 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในการรับชมวิดีโอความคมชัดระดับ HD ผ่านมือถือ และอีก 1 ชั่วโมงเพิ่มขึ้นเพื่อใช้งานเทคโนโลยีความจริงเสมือน (AR-Augmented Reality) เมื่อเทียบกับยุค 4G

ด้วยเทคโนโลยี 5G ที่นั่งที่ดีที่สุดในการดูกีฬาอยู่ในบ้านของคุณนั่นเอง อีริคสันเผยแพร่ผ่าน 5G in Sports Blog ว่า สิ่งที่ 5G จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่การจัดงานอีเว้นต์ต่าง ๆ โดยเฉพาะการแข่งขันกีฬา และจะเป็นช่องทางการหารายได้ใหม่ ๆ ของค่ายมือถือนั่นคือ 5G จะเสริมประสบการณ์การดูกีฬาของผู้บริโภคทั้งจากสนามแข่งขันที่ผู้ชมจะสามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันและนักกีฬาแบบเรียลไทม์ และนำผู้ชมทางบ้านเข้าใกล้แบบเกาะสนามแข่งขัน อีกทั้งยังสามารถบูรณาการประสบการณ์การรับชมแบบองค์รวมทั้งก่อนและหลังการแข่งขัน

ชาติที่ตื่นตัวที่สุดในการนำเอาเทคโนโลยี 5G มาเสริมประสบการณ์การชมกีฬาคือ การ์ต้า เจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 2022 Ooredoo ผู้นำค่ายมือถือในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลกจับมือกับอีริคสัน เพื่อนำเอาขีดความสามารถของเทคโนโลยี 5G มาเพื่อสร้างให้ฟุตบอลโลกที่จะจัดขึ้นมีความยิ่งใหญ่ที่สุด โดยการ์ต้าไม่เพียงแต่การทุ่มเงินมหาศาลถึงกว่าสองแสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในการสร้างสนามแข่งขันใหม่ถึง 8 สนาม Ooredoo ยังได้เตรียมความพร้อมด้านการถ่ายทอดการแข่งขัน โดยได้พัฒนาเครือข่าย 5G ให้ครอบคลุมสนามหลัก ๆ เช่น สนาม Al Wakrah สนาม Al Janoub รวมทั้งสนามกีฬาเสมือนจริงในศูนย์การค้าชั้นนำอย่าง Mall of Qatar

การ์ต้าเอาจริงเอาจังมากกับการเตรียมความพร้อม ด้วยการทดลองระบบกับการแข่งขันฟุตบอลลีกในประเทศอย่าง Amir Cup 2021 ซึ่งผู้ชมในสนามจริงและแบบเสมือนจริงสามารถรับชมการแข่งขันได้อย่างใกล้ชิดและมีอารมณ์ร่วมไปกับการแข่งขัน (Immersive Experience) ด้วยเทคโนโลยี 5G ที่พีคสุดของการดูกีฬาแบบเสมือนจริงของการ์ต้าคือผู้ชมสามารถเลือกจุดการรับชมได้อย่างอิสระและไม่จำกัดระหว่างการชมการแข่งขัน กล่าวคือสามารถเป็นผู้กำกับภาพได้ด้วยตัวเอง

อีกความน่าสนใจของการนำเอาเทคโนโลยี 5G มาใช้เพื่อชมการแข่งขันกีฬาในแบบ Immersive การแข่งขันฟุตบอลบุนเดสลีกาในปี 2020 ของเยอรมันนี ซึ่งเกิดขึ้นจากความร่วมมือของ Vodafone, Sky Sport Channel และอีริคสัน ในการร่วมสร้างประสบการณ์ใหม่ของผู้ชมในสนาม Merkul Spiel ในเมือง Düsseldorf แน่นอนว่าสิ่งที่เพิ่มเติมสำหรับผู้ชมในสนามคือ เสียงบรรยายและการวิเคราะห์การแข่งขัน ที่ให้ผู้ชมในสนามสามารถเลือกที่จะฟังได้

ยิ่งไปกว่านั้น AR Technology ยังสามารถช่วยให้ผู้ชมในสนามเข้าถึงข้อมูลการแข่งขันและนักกีฬาได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นสถิติการครองบอล ความเร็วในการวิ่งและข้อมูลรอบด้านของนักฟุตบอล การชมวิดีโอย้อนหลังทั้งแบบปกติและ Slow Motion เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของผลการตัดสิน และเลือกฟังเสียงการสนทนาในสนามระหว่างผู้เล่น กรรมการ และผู้จัดการทีม ซึ่งเติมเต็มประสบการณ์การชม ณ สนามแข่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เทคโนโลยี 5G จะนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจมาสู่ค่ายมือถือ ผู้จัดการแข่งขันกีฬา ผู้พัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นต่าง ๆ ที่จะมาสนับสนุนการสร้าง Immersive Experience ให้กับผู้ชม มีประมาณการว่าผู้ชมกีฬากว่า 160 ล้านคนต่อเดือนในสหรัฐอเมริกาจะใช้งาน 5G for Immersive Experience ในปี 2567 โดย 1 ใน 4 จะเป็นการใช้งาน AR rendering service ทั้งจากในสนามแข่งขันและจากทางบ้าน และจะก่อให้เกิดรายได้ใหม่จาก 5G for immersive experience กว่า 4 พันล้านเหรียญต่อปี

อีริคสัน คาดว่ายอดผู้ใช้งาน 5G ทั่วโลกจะพุ่งขึ้นเกินกว่า 580 ล้านรายภายในสิ้นปี 2564 โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1 ล้านรายต่อวัน จากรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับที่ 20 ตอกย้ำให้เห็นว่า 5G จะกลายเป็นเจนเนอเรชั่นเครือข่ายไร้สายที่มีการใช้เร็วที่สุด โดยภายในสิ้นปี 2569 จะมีผู้ใช้ 5G แตะระดับ 3.5 พันล้านราย และจะครอบคลุมถึง 60% ของประชากร 5G ทั้งหมด

ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 1.1 พันล้านราย ในขณะที่ยอดผู้ใช้งาน 5G ยังต่ำกว่าระดับ 2 ล้านราย อย่างไรก็ตามคาดว่าการสมัครใช้ 5G จะเติบโตอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยจะมียอดรวมพุ่งขึ้นถึง 400 ล้านราย ภายในปี 2569

คาดการณ์ว่าปริมาณการใช้งานอินเตอร์เน็ตต่อสมาร์ทโฟนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับทั่วโลกโดยจะแตะ 39 กิกะไบท์ (GB) ต่อเดือน ภายในปี 2569 – โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 36% ต่อปี ในขณะที่ปริมาณการใช้งานอินเตอร์เน็ตบนมือถือทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ เฉลี่ยเติบโตต่อปีที่ 42% เพิ่มขึ้นถึง 39 เอกซะไบต์ (EB) ต่อเดือน อันเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผู้สมัครใช้ 4G และการเปลี่ยนมาใช้เครือข่าย 5G ในประเทศที่มีการเปิดตัว 5G แล้ว


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสันเผยยอดผู้ใช้งาน 5G ทั่วโลกจะทะลุ 500 ล้านรายภายในสิ้นปีนี้

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 30 มิถุนายน 2564 อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) คาดว่ายอดผู้สมัครใช้ 5G จะพุ่งขึ้นเกินกว่า 580 ล้านรายภายในสิ้นปี 2564 โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1 ล้านรายต่อวัน

จากการคาดการณ์ตามรายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับที่ 20 ตอกย้ำให้เห็นว่า 5G จะกลายเป็นเจนเนอเรชั่นเครือข่ายไร้สายที่มีการใช้เร็วที่สุดตลอดกาล โดยภายในสิ้นปี 2569 จะมีผู้ใช้ 5G แตะระดับ 3.5 พันล้านราย และจะครอบคลุมถึง 60% ของประชากร 5G ทั้งหมดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียมีจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในปัจจุบันมีจำนวนมากกว่า 1.1 พันล้านราย ในขณะที่ยอดผู้ใช้งาน 5G ยังต่ำกว่าระดับ 2 ล้านราย อย่างไรก็ตามคาดว่าการสมัครใช้ 5G จะเติบโตอย่างมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยจะมียอดรวมพุ่งขึ้นถึง 400 ล้านราย ภายในปี 2569

คาดการณ์ว่าปริมาณการใช้งานอินเตอร์เน็ตต่อสมาร์ทโฟนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะมีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับทั่วโลกแตะ 39 กิกะไบท์ (GB) ต่อเดือน ภายในปี 2569 – โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 36% ต่อปี ในขณะที่ปริมาณการใช้งานอินเตอร์เน็ตบนมือถือทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นตามลำดับ เฉลี่ยเติบโตต่อปีที่ 42% เพิ่มขึ้นถึง 39 เอกซะไบต์ (EB) ต่อเดือน อันเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของผู้สมัครใช้ 4G และการเปลี่ยนมาใช้เครือข่าย 5G ในประเทศที่มีการเปิดตัว 5G แล้ว

นางนาดีน อัลเลน ประธาน บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะผู้บุกเบิกเปิดตัวบริการ 5G เชิงพาณิชย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศไทยอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะพัฒนาระบบนิเวศไร้สายสำหรับ Industry 4.0 ที่มีศักยภาพของประเทศ เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานมือถือของผู้บริโภคและสนับสนุนการเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมไปสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ เช่น ภาคการผลิต พลังงาน และการดูแลสุขภาพ อีริคสันดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาถึง 115 ปีแล้ว และเราทำหน้าที่พันธมิตร 5G ระดับโลกที่ได้รับความเชื่อถืออย่างกว้างขวาง เพื่อสนับสนุนประเทศไทยให้บรรลุถึงวิสัยทัศน์นั้นอย่างเป็นรูปธรรม”

ตามรายงาน ความเร็วของการนำเครือข่าย 5G ไปใช้จะแตกต่างกันไปตามภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก โดยกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปเริ่มช้ากว่าและตามหลังตลาดจีน สหรัฐอเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น และประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลางอยู่มาก

คาดว่าการสมัครใช้ 5G จะพุ่งเกินหนึ่งพันล้านรายเร็วกว่าไทม์ไลน์ของ 4G LTE ถึงสองปี โดยมีปัจจัยเบื้องหลังสำคัญ ได้แก่ ความมุ่งมั่นในการพัฒนา 5G ของจีน ตั้งแต่ในช่วงแรก ๆ และความพร้อมใช้งานที่มาเร็วขึ้นประกอบกับการวางจำหน่ายของอุปกรณ์ดีไวซ์ที่รองรับ 5G เพิ่มขึ้น ซึ่ง ณ เวลานี้มีการเปิดตัวหรือวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนที่รองรับเครือข่าย 5G มากกว่า 300 รุ่นแล้ว

ความเคลื่อนไหวของ 5G เชิงพาณิชย์นี้คาดว่าจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในปีต่อ ๆ ไป โดยมีบทบาทเพิ่มขึ้นในด้านการเชื่อมต่อ และยังเป็นองค์ประกอบสำคัญพลิกฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 คาดว่าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือจะมีสัดส่วนผู้สมัครใช้ 5G มากที่สุด ถึงประมาณ 1.4 พันล้านรายภายในปี 2569 ในขณะที่ทวีปอเมริกาเหนือและกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับคาดว่าจะมีสัดส่วนการใช้ 5G สูงสุดที่ 84% และ 73% ตามลำดับ

5G เปลี่ยนพฤติกรรมผู้ใช้สมาร์ทโฟนในไทยแล้ว

จากรายงาน Five Ways to a Better 5G พบว่า ในปี 2030 ตลาด 5G สำหรับผู้บริโภคทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 31 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการให้บริการ 5G ของผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร (CSP) จะมีมูลค่ารวมสูงถึง 3.7 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ

ตามรายงาน Ericsson ConsumerLab ฉบับล่าสุด ตอกย้ำให้เห็นความตั้งใจของผู้บริโภคที่ต้องการอัปเกรดเป็น 5G ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแม้จะมีการระบาดของ Covid-19  สำหรับประเทศไทยในปีนี้มีผู้ใช้สมาร์ทโฟนประมาณ 5 ล้านรายสามารถใช้ 5G ได้แล้ว นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีพฤติกรรมใหม่ ๆ จากการใช้ 5G ของผู้ใช้กลุ่มแรก ๆ โดยพวกเขาใช้เวลามากกว่า 1.5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ไปกับแอป AR และเล่นเกมบนคลาวด์ ซึ่งมากกว่าผู้ใช้ 4G ประมาณ 1 ชั่วโมง ขณะที่ 57% ของผู้ใช้ 5G เริ่มสตรีมวิดีโอ HD หรือมีการใช้งานมากขึ้น โดย 14% ของผู้ใช้สมาร์ทโฟนใช้ Wi-Fi น้อยลงหลังอัปเกรดเป็น 5G

ผู้ใช้งาน 5G ที่เป็นกลุ่มแรก ๆ ในประเทศไทยพึงพอใจกับความเร็วของ 5G แต่ก็คาดหวังให้มีนวัตกรรมมากขึ้นเช่นกัน ผู้บริโภคระบุว่าพวกเขายินดีจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้น 50% สำหรับใช้แพ็กเกจ 5G ที่รวมบริการดิจิทัลที่มีบทบาทสูงสำหรับธุรกิจเชิงพาณิชย์ สำหรับบริการอื่น ๆ เช่น ทีวี 5G ที่มาพร้อมกับบรอดแบนด์ 5G ระบบ Fixed Wireless Network (FWA) คลาวด์ความเร็วสูง เพลงคุณภาพสูงระดับ Hi-Fi เทคโนโลยี AR ที่สามารถโต้ตอบได้  ประสบการณ์ทั้งในสถานที่จริงและประสบการณ์เสมือนจริงสำหรับการแข่งขันกีฬาและมหกรรมคอนเสิร์ตผ่านทางไกลมีแนวโน้มให้ผู้บริโภคอัปเกรดเป็นแพ็กเกจระดับพรีเมียม 5G ซึ่งการเพิ่มรายได้ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมจะมาจากการรับรู้และจัดการกับความท้าทายของความพร้อมใช้งาน 5G รวมถึงแผนและบริการใหม่ ๆ ที่ทำให้เห็นคุณค่าของ 5G

เกี่ยวกับ อีริคสัน

อีริคสัน สนับสนุนผู้ให้บริการด้านการสื่อสารในการสร้างมูลค่าสูงสุดจากการเชื่อมต่อ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทครอบคลุมเครือข่าย (Networks)  การบริการดิจิทัล (Digital Services) การบริหารจัดการเครือข่าย (Managed Services) และธุรกิจเกิดใหม่ที่กำลังเติบโต (Emerging Business) และมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือลูกค้าให้มุ่งสู่ระบบดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพ และมองหารายได้รูปแบบใหม่ การลงทุนเพื่อพัฒนา นวัตกรรมของอีริคสันได้มอบประโยชน์จากระบบโทรศัพท์และเครือข่ายเคลื่อนที่ให้แก่ผู้คนหลายพันล้านคนทั่วโลก อีริคสันจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ในกรุงสต็อกโฮล์ม และใน NASDAQ นครนิวยอร์ค ติดตามข้อมูลข่าวสารของอีริคสันได้ที่ www.ericsson.com


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสันเร่งเปิดตัว 5G บนย่านความถี่ mid-band พร้อมแนะนำโซลูชั่น Massive MIMO และ RAN Compute ใหม่ที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษ

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 8 มีนาคม 2564 – อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ระบบวิทยุใหม่สามตัวในกลุ่มเทคโนโลยี Massive MIMO ชั้นนำของอุตสาหกรรมและขยายพอร์ทผลิตภัณฑ์กลุ่ม RAN Compute ใหม่ถึง 6 ตัว เพื่อเร่งการเปิดตัว 5G ย่านความถี่ mid-band โซลูชั่นใหม่นี้ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจาก Ericsson Silicon ซึ่งเป็นระบบ Systems on a Chip (SoC) ของบริษัทฯ มอบประสิทธิภาพการประมวลผลขั้นสูงรองรับการพัฒนาแบบรวดเร็วของเครือข่ายที่มุ่งประหยัดพลังงานและเพิ่มสมรรถนะให้แข็งแกร่งกว่าเดิม 

ผู้ให้บริการสื่อสารสามารถใช้ประโยชน์จากคลื่น 5G ในย่านความถี่ mid-band เพื่อเปิดให้บริการได้อย่างรวดเร็วและมอบประสบการณ์ที่ตอบสนองความต้องการที่มากขึ้นของผู้ใช้บริการบรอดแบนด์บนโทรศัพท์มือถือได้อย่างมีประสิทธิภาพ  คลื่นความถี่ Mid-Band จะช่วยปิดช่องว่างในแง่ประสิทธิภาพของย่านความถี่ต่ำ (Low-Band) และย่านความถี่สูง (High-Band) ในด้านความเร็ว และประสิทธิภาพเครือข่าย โดยเครือข่าย 5G ที่ใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ย่าน Mid-Band ในระดับต่าง  อย่างเหมาะสม จะสามารถส่งมอบประสบการณ์ 5G อย่างเต็มประสิทธิภาพให้แก่ผู้บริโภคและองค์กรต่าง  

เพอร์ นาร์วิงเออร์ หัวหน้าฝ่าย Product Area Networks ของอีริคสันกล่าวว่า “หลังจากการเปิดตัวเครือข่าย 5G ครั้งแรก ถึงเวลาแล้วที่จะขยายศักยภาพของเครือข่าย 5G โดยใช้ประโยชน์จาก Massive MIMO ขึ้นไปอีกระดับ ผู้ให้บริการด้านการสื่อสารสามารถเร่งการพัฒนาเครือข่ายย่านความถี่ Mid-Band ได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมมอบบริการที่เหนือกว่าแก่ลูกค้า และสามารถลดการใช้พลังงานลงได้ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรา” 

พื้นฐานของนวัตกรรม 

ระบบคลื่นวิทยุ 5G Massive MIMO ย่านความถี่ Mid-Band เป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ของอีริคสันที่มีน้ำหนักเบาเป็นพิเศษจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Antenna-Integrated Radio (AIR) ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้ให้บริการพัฒนาเครือข่ายได้ง่ายขึ้น ช่วยผู้ใช้ 5G ให้ได้รับประสบการณ์ 5G อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านผลิตภัณฑ์ที่ใช้พื้นที่น้อยลงแต่ให้ประสิทธิภาพมากกว่าถึงสามเท่า 

ระบบคลื่นวิทยุรุ่นใหม่นี้มีน้ำหนักเพียง 20 กกซึ่งเบากว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 45 เปอร์เซ็นต์และประหยัดพลังงานมากขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ มาพร้อมระบบระบายความร้อนแบบ passive เพื่อลดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุง สามารถติดตั้งและใช้งานได้ตั้งแต่ในอาคารสูงในเขตเมือง ถึงชานเมืองและในพื้นที่ชนบทห่างไกล โดยเฉพาะในยูสเคส เช่น การส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่าน Fixed Wireless Access รวมทั้งการใช้งานในอุตสาหกรรมยานยนต์ การคมนาคมและขนส่งโลจิสติกส์ 

อีริคสันยังเดินหน้าพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ RAN Compute ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 6 รายการ ซึ่งรวมถึงตัวเลือกทั้งติดตั้งในอาคารและกลางแจ้งสำหรับการขยายเครือข่าย 4G และการเปิดตัว 5G ในย่านความถี่  Mid-Band ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์และลดใช้พลังงานลง 15 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ 

กลุ่มผลิตภัณฑ์ Massive MIMO และ RAN Compute ล่าสุดของอีริคสันขับเคลื่อนโดย Ericsson Silicon มาพร้อมการออกแบบสถาปัตยกรรมโครงสร้างที่ให้คลื่นวิทยุ Massive MIMO พร้อมการประมาณช่องสัญญาณแบบเรียลไทม์และ Beamforming ที่แม่นยำเป็นพิเศษ ให้ประสิทธิภาพความครอบคลุมของสัญญาณพร้อมประสบการณ์ผู้ใช้ในระดับแถวหน้าของอุตสาหกรรม การรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมถูกฝังไว้ในการออกแบบร่วมกันอย่างแน่นหนาของซิลิกอนและสถาปัตยกรรมของฮาร์ดแวร์ที่เปิดตัวเพื่อให้แน่ใจว่าซอฟต์แวร์และข้อมูลที่เป็นความลับได้รับการปกป้อง 

เอ็ด กับบินส์ หัวหน้านักวิเคราะห์ บริษัทGlobalData กล่าวว่า การเปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากผู้ให้บริการหันมาให้ความสนใจกับการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ 5G Mid-Band มากขึ้น คลื่นวิทยุ Massive MIMO ของอีริคสันเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมทั้งในแง่ของขนาดที่กะทัดรัดและการออกแบบที่มีน้ำหนักเบาช่วยให้ผู้ให้บริการสื่อสารเอาชนะความท้าทายในการพัฒนาเครือข่ายได้ นอกจากนี้กลยุทธ์ซิลิคอนแบบกำหนดเองของอีริคสันที่มีจุดเด่นในด้านความเสถียรและความแข็งแกร่งยังสร้างความแตกต่างของการให้บริการได้อีกด้วย


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสันได้รับเลือกเป็นผู้นำโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G สำหรับผู้ให้บริการด้านสื่อสาร ตามรายงานของ Gartner Magic Quadrant ประจำปี 2564 

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 24 กุมภาพันธ์ 2564 – อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำโครงสร้างเครือข่าย 5G สำหรับผู้ให้บริการด้านสื่อสาร ตามรายงานประจำปี 2564 Magic Quadrant for 5G Network Infrastructure for Communications Service Providers จากการ์ทเนอร์ที่เป็นบริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านไอทีอิสระ

อีริคสันได้รับการยกย่องเป็นผู้นำโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G สำหรับผู้ให้บริการสื่อสารในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ตามรายงาน Gartner Magic Quadrant ซึ่งยกย่องความเป็นผู้นำของบริษัทฯ ทั้งในด้านวิสัยทัศน์และประสิทธิภาพในการนำไปใช้งานจริง

บริษัทที่นำเสนอโซลูชั่น 5G แก่ผู้ให้บริการด้านสื่อสารได้รับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญจากการ์ทเนอร์อย่างครอบคลุมและตรงไปตรงมาในด้านภาพรวมวิสัยทัศน์และความสามารถในการดำเนินงานเพื่อผลักดันโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G

บริษัทที่ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G แบบครบวงจรได้รับการประเมินว่าสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแก่ผู้ให้บริการไอทีสามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพียงใด โดยส่งผลเชิงบวกต่อการสร้างรายได้ การรักษาฐานลูกค้า และชื่อเสียง ในมุมมองการตลาดของ Gartner ซึ่งการประเมินดังกล่าวยังหมายรวมถึงความสามารถในการดำเนินการด้านผลิตภัณฑ์และบริการของอีริคสันที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและติดตามบันทึก การดำเนินกิจกรรมทางการตลาด ประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับและภาพรวม3ของศักยภาพทางธุรกิจ

เฟรดริก เจดลิง รองประธานผู้บริหารและหัวหน้าเครือข่ายของอีริคสันกล่าวว่า “เราลงทุนเป็นจำนวนมากตั้งแต่ขั้นตอนการวิจัยจนถึงการเปิดตัว 5G เพื่อให้มั่นใจว่าเรามีผลิตภัณฑ์ ทักษะที่จำเป็นและทีมงานภาคสนามที่ดีที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เราเชื่อว่าการได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย 5G ในรายการ Magic Quadrant จากการ์ทเนอร์ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี ความสามารถในการแข่งขันในตลาด และความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ต่อลูกค้า”

อีริคสัน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมเครือข่าย 5G ปัจจุบันมีข้อตกลง 5G เชิงพาณิชยกับผู้ให้บริการด้านการสื่อสารมากกว่า 130 ฉบับและเปิดให้บริการ 5G แล้วถึง 79 เครือข่ายทั่วโลก

อีริคสันพัฒนาการให้บริการ 5G แบบครบวงจรอย่างต่อเนื่องซึ่งรวมถึง Ericsson Radio System, 5G Core, Orchestration และ 5G สำหรับการคมนาคม (5G Transport) รวมไปถึงการให้บริการอย่างเชียวชาญ บริษัทได้นำเสนอโซลูชั่นนวัตกรรมซอฟต์แวร์ใหม่ เช่น Ericsson Spectrum Sharing, เทคโนโลยี 5G carrier aggregation และ Uplink Booster ซึ่งช่วยเพิ่มความครอบคลุม สมรรถนะในการทำงานของผู้ใช้ และประสิทธิภาพของคลื่นความถี่

โซลูชันเหล่านี้สนับสนุนผู้ให้บริการในการปรับใช้และพัฒนา 5G เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ปลายทางจะได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ Ericsson Radio System ที่มีจำหน่ายตั้งแต่ปี 2558 สามารถรองรับความสามารถ 5G New Radio (NR) ผ่านการติดตั้งด้วยซอฟต์แวร์จัดการจากระยะไกล

บริการ Ericsson Digital Services นำเสนอโซลูชัน 5G Core แบบดูอัลโหมดสำหรับเครือข่ายอัจฉริยะเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจอัจฉริยะโดยช่วยผู้ให้บริการด้านการสื่อสารสามารถเสนอโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ สำหรับผู้ใช้มือถือและอุตสาหกรรมต่าง ๆ

โซลูชัน 5G Core ของ Ericsson รวมฟังก์ชัน Evolved Packet Core และฟังก์ชันเครือข่าย 5G Core เข้ากับแพลตฟอร์มคลาวด์เนทีฟปกติที่รองรับ 5G NR แบบสแตนด์อโลนและไม่สแตนด์อโลนรวมถึง 4G, 3G และ 2G

ดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็มได้ที่: 2021 Gartner Magic Quadrant for 5G Network Infrastructure for Communication Service Providers 

การ์ทเนอร์ไม่ได้รับรองสนับสนุนผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์หรือบริการใด ๆ ที่ปรากฎในงานวิจัยของเราและไม่แนะนำให้ผู้ใช้เทคโนโลยีเลือกเฉพาะผู้ขายที่มีคะแนนสูงสุดหรือจากการกำหนดอื่น ๆ  งานวิจัยของการ์ทเนอร์ประกอบด้วยความคิดเห็นของหน่วยงานวิจัยของการ์ทเนอร์และไม่อาจใช้เป็นข้อความแสดงข้อเท็จจริง การ์ทเนอร์ไม่รับประกันใด ๆ ทั้งหมดไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัยเกี่ยวกับการวิจัยนี้ รวมถึงการรับประกันความสามารถในการขายหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์ใด ๆ เป็นการเฉพาะ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

อีริคสันเปิดตัวเทคโนโลยีจัดสรรเครือข่าย 5G RAN Slicing กระตุ้นการเติบโตธุรกิจ 5G

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 27 มกราคม 2564 – อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) เปิดตัวโซลูชั่นการจัดสรรเครือข่าย 5G สำหรับโครงสร้างเครือข่ายวิทยุ (Radio Access Network – RAN) ซึ่งจะช่วยผู้ให้บริการด้านการสื่อสารสามารถนำเสนอบริการ 5G ตามความต้องการของผู้ใช้พร้อมรับประกันประสิทธิภาพการใช้งานเครือข่าย

อีริคสัน 5G RAN Slicing ที่เปิดบริการเชิงพาณิชย์แล้วจะจัดสรรทรัพยากรของคลื่นวิทยุที่กำหนดไว้ทุก 1 มิลลิวินาที (0.001 วินาที) และรองรับการจัดการความแตกต่างของบริการได้ในหลากหลายมิติ ซึ่งเพิ่มความแข็งแกร่งด้านความสามารถในการจัดสรรเครือข่ายแบบต้นน้ำถึงปลายน้ำ สำหรับการจัดการและการจัดระเบียบทรัพยากรแบบพลวัตหรือมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่มีคุณภาพสูงตามความต้องการของการใช้งานที่หลากหลาย

เทคโนโลยีการจัดสรรเครือข่ายของอีริคสันสนับสนุนการใช้งานเครือข่ายเชิงตรรกะซับซ้อนจำนวนมากเพื่อการบริการรูปแบบต่าง ๆ บนโครงสร้างพื้นฐานโดยทั่วไป การจัดสรรเครือข่ายนี้เป็นตัวหลักในการปลดล็อกโอกาสในการสร้างรายได้จากเครือข่าย 5G เช่น คุณภาพวิดีโอที่ดีขึ้น การเชื่อมต่อเครือข่ายในรถยนต์ และเทคโนโลยี Extended Reality (ER) จากรายงานของอีริคสันคาดการณ์ว่าภายในปี 2573 ตลาดผู้ใช้ของผู้ให้บริการจะมีมูลค่าสูงถึง 712 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดการจัดสรรเครือข่ายในกลุ่มองค์กรคาดมีมูลค่าสูงถึง 300 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 (ข้อมูลจาก GSMA) และเมื่อ 5G ขยายตัวมากขึ้นผู้ให้บริการทุกรายต่างต้องการเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนโดยกำหนดเป้าหมายจากนวัตกรรมและการสร้างรายได้จากการใช้งาน เช่น เกมบนคลาวด์, โรงงานอัจฉริยะ และการดูแลสุขภาพอัจฉริยะ

เพอร์ นาร์วิงเออร์ หัวหน้าฝ่าย Product Area Networks ของอีริคสันกล่าวว่า “การจัดสรรเครือข่าย 5G ของอีริคสันปรับประสิทธิภาพทรัพยากรคลื่นวิทยุแบบไดนามิกเพื่อส่งมอบคลื่นความถี่วิทยุที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพื่อเข้าไปจัดสรรเครือข่าย สิ่งที่ทำให้โซลูชั่นของเราโดดเด่นและแตกต่างคือการเพิ่มการจัดการแบบต้นน้ำถึงปลายน้ำ (End-to-End) และการสนับสนุนการจัดเตรียมเพื่อการส่งมอบบริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ให้บริการมีความแตกต่างและรับประกันประสิทธิภาพที่จำเป็นในการสร้างรายได้จากการลงทุนในเครือข่าย 5G ด้วยการใช้งานที่หลากหลาย เรายังคงขับเคลื่อนคุณค่าให้กับลูกค้าของเราด้วยแพลตฟอร์มนวัตกรรม 5G”

การจัดสรรเครือข่ายเป็นโมเดลหลักอย่างหนึ่งของการพัฒนาการใช้เครือข่าย 5G อีริคสันดำเนินงานการจัดสรรเครือข่ายบน 5G อย่างต่อเนื่องสำหรับ RAN, การขนส่ง, เครือข่ายหลักและการประสานงานกับทุกฝ่ายทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานของผู้ใช้ องค์กร และอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ เช่น การปฏิบัติงานทางไกลผ่านกล้องวิดีโอ, AR/VR, โทรทัศน์/สื่อสำหรับการสตรีมการแข่งขันกีฬา เกมบนคลาวด์, เมืองอัจฉริยะและแอปพลิเคชันสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 และความปลอดภัยสาธารณะ

โทชิคาซึ โยไค ผู้บริหารและหัวหน้าผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีมือถือ KDDI กล่าวว่า“ การจัดสรรเครือข่ายแบบต้นน้ำถึงปลายน้ำ (End-to-End) เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างรายได้จากการลงทุน 5G และการจัดสรรเครือข่าย RAN จะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ การจัดสรรทรัพยากรจากส่วนต่าง ๆ ในเครือข่ายมือถือของเรา RAN slicing จะประกันทั้งด้านคุณภาพและลดความหน่วงหรือเวลาแฝงตามที่ลูกค้าต้องการ”

มาร์ค ดูซเนอร์ หัวหน้าฝ่าย Mobile และ Mass Market Communication ของสวิสคอม กล่าวว่า “เรากำลังเตรียมพร้อมสำหรับก้าวต่อไปของ 5G ซึ่งเราคาดว่าจะใช้การจัดสรรเครือข่ายแบบครบวงจร และ RAN slicing เป็นกุญแจสำคัญในการรับประกันประสิทธิภาพ ด้วยการจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพในเครือข่ายต่าง ๆ ทำให้เราสามารถให้บริการการสื่อสาร 5G บนแอปพลิเคชั่นที่หลากหลาย เช่น บริการด้านความปลอดภัยสาธารณะหรือเครือข่ายมือถือแบบไพรเวท”

ซู รัดด์ ผู้อำนวยการเครือข่ายและแพลตฟอร์มบริการบริษัท Strategy Analytics กล่าวว่า “อีริคสันเป็นผู้จำหน่ายรายแรกที่นำเสนอโซลูชันแบบ End-to-End พร้อมด้วย RAN slicing โดยอาศัยการจัดสรรทรัพยากรคลื่นวิทยุแบบไดนามิกในเวลาไม่เกิน 1 มิลลิวินาทีโดยใช้กลไกการควบคุมคลื่นวิทยุในตัวเพื่อรับประกันคุณภาพการบริการ, ทางอากาศและตามเวลาจริง แท้จริงแล้ววิธีการแบบ End-to-End นี้ผสานรวมการเพิ่มประสิทธิภาพของคลื่นวิทยุเข้ากับการจัดระเบียบเครือข่ายที่ควบคุมด้วยนโยบายเพื่อส่งมอบ RAN slicing แบบส่วนตัวเสมือนจริงที่ปลอดภัยโดยไม่สูญเสียความสเปกตรัมถึง 30 – 40 เปอร์เซ็นต์จากกระบวนการ ‘จัดสรรคลื่นแบบ Hard Slicing’ หลักการ RAN slicing แบบไดนามิกเรียลไทม์ของอีริคสันเชื่อมช่องว่างของ ‘RAN Gap’ เพื่อให้การแบ่งส่วนแบบ e2e ทำกำไรได้”

เกี่ยวกับอีริคสัน 5G RAN Slicing

โซลูชั่นอีริคสัน 5G RAN Slicing นำเสนอการจัดการความแตกต่างของบริการหลายมิติที่ไม่เหมือนใครซึ่งช่วยให้สามารถใช้การแบ่งทรัพยากรวิทยุแบบไดนามิกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การบังคับใช้คุณภาพของบริการ (QoS) แบบแบ่งส่วนและฟังก์ชันการจัดเรียงชิ้นส่วนสำหรับการเติมเต็มข้อตกลงระดับบริการ (SLA) อีริคสัน 5G RAN Slicing สร้างขึ้นจากความเชี่ยวชาญด้านวิทยุของอีริคสันและสถาปัตยกรรมการแบ่งส่วนที่ยืดหยุ่นและปรับขนาดได้ โซลูชันจะแบ่งปันทรัพยากรวิทยุแบบไดนามิกที่กำหนดเวลา 1 มิลลิวินาทีเพื่อประสิทธิภาพของคลื่นความถี่ที่ดีที่สุด สิ่งนี้ทำให้ผู้ให้บริการสามารถนำเสนอการใช้งานที่หลากหลายพร้อมความยืดหยุ่นและความคล่องตัวที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการจัดการ การจัดสรรเครือข่ายแบบ End-to-End และการสนับสนุนการจัดเตรียมสำหรับการส่งมอบบริการที่รวดเร็วและรองรับรูปแบบธุรกิจสำหรับเครือข่ายเสมือนไฮบริดและเครือข่ายส่วนตัวโดยเฉพาะ โซลูชันนี้ยังสามารถใช้พลังงานการใช้งานสำหรับบริการสื่อสารที่มีความสำคัญต่อภารกิจและเวลา


 

Exit mobile version