Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มิว สเปซ รุดหน้าเพิ่มพลังการแข่งขันในตลาดเทคโนโลยีอวกาศนานาชาติ หลังบีโอไอไฟเขียวอนุมัติการส่งเสริมการลงทุน

“บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด ผู้นำด้านดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศ ของไทย ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในชั้น A1 ซึ่งเป็นชั้น สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ประเภทกิจการผลิตหรือซ่อมอากาศยาน หรือ อุปกรณ์เกี่ยว กับอากาศ โดยทางมิว สเปซ ได้ใช้การผลิตชิ้นส่วนดาวเทียม ขนาดเล็กเพื่อยื่นขอการ ส่งเสริมแผนการลง ทุน ด้วยเป้าหมายที่ต้องการผลักดันประเทศไทย ให้ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมอวกาศอย่างจริงจัง แผนการลงทุน ของมิว สเปซ จึงมุ่งเน้นไปที่ 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ เครื่องจักร และ การวิจัยและพัฒนา

ทั้งนี้ วัตถุประสงค์หลักในการลงทุนในเครื่องจักรของบริษัทฯ คือเพื่อใช้ในการผลิต ซึ่งรวมถึงวัสดุ อุปกรณ์ ต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เช่น เครื่องพิมพ์สามมิติ (3D Printer / Additive Manufacturing) เครื่องกัด ซีเอ็นซี (CNC Machine) แขนกลเชื่อมโลหะ (Robotic Arms) ห้อง คลีนรูม ระบบทดสอบการทรงตัว (Attitude Control Test Bed) ซึ่งจะประกอบไปด้วยระบบแบริ่งลม (Air Bearing) ระบบขดลวดเฮล์มโฮลทซ์ (Helmholtz Cage) และระบบการจําลองแสงอาทิตย์ (Sun Simulator) ส่วนการลงทุนเพื่อการวิจัยพัฒนา และออกแบบ ระบบวิศวกรรมดาว เทียมนั้นจุดประสงค์ คือ เพื่อสร้างและต่อยอดองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง กับดาวเทียมและอวกาศ

นายเจมส์ วรายุทธ เย็นบำรุง กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า “การทำสิ่งใหม่ๆ ที่รวมทั้งเทคโนโลยีและศิลปะ ใช้ทั้งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรม และรากฐานทางความคิดที่ทีม มิว สเปซ ได้ลงมือปฏิบัติเองอย่างจริงจัง” ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้องค์กรชั้นนำต่างๆ ไว้วางใจร่วมงานและลงทุนกับมิว สเปซ คุณวรายุทธ มองว่าจุดแข็งของ มิว สเปซ คือ คนรุ่นใหม่ “บริษัทของเรามีคนรุ่นใหม่ที่มีขีดความสามารถสูง นอกจาก นี้ เรายังได้เปรียบในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่ประเทศไทย มีในอดีตจากอุตสาหกรรมหนัก เพราะไทยเป็นฐาน ในการผลิตรถยนต์ อีกทั้งยังมีแหล่งทรัพยากร ธรรมชาติและพลังงานที่สำคัญอีกด้วย”

จากการลงมือทำอย่างจริงจังและแผนการลงทุนทำให้ มิว สเปซ ได้รับการอนุมัติสิทธิและประโยชน์ โดยจะ ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติ บุคคลเป็นเวลา 8 ปี โดยไม่กำหนดวงเงิน ยกเว้นอากรนำเข้าเครื่องจักร ยกเว้น อากรขอนำเข้าเพื่อวิจัย ยกเว้นอากรวัตถุดิบผลิตเพื่อส่งออก รวมถึงสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อกระจาย ความเจริญสู่ภูมิภาค ได้แก่ การลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50 เปอร์เซ็นต์เพิ่มเติม 5 ปี ตลอดจน สิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาษีอีกด้วย

สิทธิและประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้มีส่วนช่วยในการดำเนินธุรกิจของ มิว สเปซ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่ถูกลงทั้งใน เรื่องการนำเข้าวัตถุดิบและการยกเว้นภาษี ความรู้ความสามารถที่เกิดขึ้น ศักยภาพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลต่อ โอกาสในการเติบโตของบริษัทฯ นอกจากจะเป็นประโยชน์ทางด้านธุรกิจแล้ว การได้รับการสนับสนุนจาก บีโอไอยังสามารถพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยอุตสาหกรรมอวกาศนั้นจะสามารถสร้างอาชีพโดยเฉพาะ แรงงานทักษะสูง ซึ่งคุณวรายุทธกล่าวว่า “แผนของเราภายในระยะเวลา 3-5 ปีจะมีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น เป็นหลัก 1,000 คน สร้างรายได้ที่สูงมากขึ้นให้กับคนในแวดวงที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ สร้างการซื้อขายใน สังคม ซึ่งในที่สุดจะกลายเป็นระบบนิเวศธุรกิจของเทคโนโลยีขั้นสูง และเพิ่มความตื่นตัวมากขึ้นในเรื่อง เทคโนโลยี”

กลุ่มลูกค้าหลักของมิว สเปซ คือบริษัทเอกชน เช่น ผู้ให้บริการโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต ภาครัฐ เช่น หน่วยงานเกี่ยวกับอวกาศและ หน่วยงานความมั่นคง หรืออุตสาหกรรมหนัก และบริษัทการบินและอวกาศ รายอื่นๆ “ในภูมิภาค เราน่าจะเป็นผู้บุกเบิก เรามักจะถูกเปรียบ เทียบกับผู้เล่นทางฝั่งยุโรป อเมริกา และ ออสเตรเลีย ผมมองว่าในอีก 3-5 ปี สิ่งที่เราลงทุนไปจะเริ่มส่งผลสูงขึ้น”

ปัจจุบัน ทีมมิว สเปซ กำลังเร่งพัฒนาดาวเทียมต้นแบบภายในโรงงาน อีกทั้งยังกำลังขยายการปฏิบัติการ ไปที่โรงงานที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (ขนาด M) ซึ่งใหญ่กว่าเดิมถึง 10 เท่า สามารถรองรับการผลิตได้มากขึ้น โดยเร็วๆ นี้ทางบริษัทฯ จะเตรียมเปิดตัวดาวเทียมซึ่งได้พัฒนาเองจนสำเร็จ ในงานแสดงเทคโนโลยีของมิว สเปซ ซึ่งจะทำการทดสอบยิงขึ้นสู่ชั้นอวกาศ และสามารถให้บริการได้ภายในปี 2564 นี้

อีกหนึ่งเป้าหมายหลักของคุณวรายุทธและทีม มิว สเปซ คือการผลักดันให้ประเทศไทยสามารถต่อยอด และ แข่งขันกับนานาชาติได้อย่างทัดเทียม คุณวรายุทธ กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า “ผมอยากดึงขีดความสามารถของ คนไทยให้สูงขึ้น ทำให้เรากลายเป็นพลเมืองโลก (global citizen) เพราะคนรุ่นใหม่ “คิดไกล ฝันไกล และทำจริง”


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มิว สเปซ เร่งพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีอวกาศ คาดมูลค่าหลังระดมทุนมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์

มิว สเปซ บริษัทผู้ให้บริการด้านดาวเทียมและเทคโนโลยีอวกาศ นำโดย คุณเจมส์ วรายุทธ เย็นบำรุง วิศวกรด้านการบินและอวกาศ อยู่ในช่วงของการระดมทุนในซีรีส์ B ประมาณตัวเลขอยู่ที่ 25 ล้านดอลลาร์ โดยมูลค่าของบริษัทก่อนการระดมทุนอยู่ที่ 75 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.3 พันล้านบาท) จากการอ้างอิงของกลุ่มนักลงทุนคาดการณ์ว่าการระดมทุนครั้งใหม่นี้จะเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท มิว สเปซ ถึง 100 ล้านดอลลาร์

เงินระดมทุนในซีรีย์ B จำนวน 25 ล้านดอลลาร์ จะถูกนำมาใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีดาวเทียมที่สามารถรองรับปริมาณการรับส่งข้อมูลที่มากขึ้น รวมถึงการขยายพื้นที่จุดรับส่งสัญญาณตามความต้องการของผู้ใช้งาน (High Throughput Satellite: HTS) โดยวิศวกร จาก มิว สเปซ จะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนของดาวเทียม และดาวเทียมดังกล่าวจะนำมาใช้ประโยชน์ด้านการให้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ในไทย รวมถึงภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นอกจากนี้ทาง มิว สเปซ ยังมีแผนในการเร่งสร้างโรงงานอัจฉริยะขนาดกลาง เพื่อเป็นฐานการผลิตเทคโนโลยีที่สำคัญเพื่อการให้บริการในอนาคต ทั้งเทคโนโลยีดาวเทียม ระบบอัติโนมัติ และระบบหุ่นยนต์ โดยในการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวนั้น ทาง มิว สเปซ คาดว่าจะสามารถเพิ่มโอกาสในการลงทุน รวมถึงเพิ่มอัตราการจ้างงานแรงงานชั้นสูง อีกทั้งยังสามารถตอบสนองความต้องการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอวกาศที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้ในอนาคตและ คาดว่าทาง มิว สเปซ จะสามารถสรุปจำนวนตัวเลขของการระดมทุนครั้งใหม่นี้ได้ในไตรมาสที่สี่นี้

มิว สเปซ ได้ร่วมมือกับ บริษัท ทีโอที ในการพัฒนาและ ใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานภาคพื้นดิน (Infrastructure) โดยระดมทุนในการสร้างระบบเกตเวย์ (Gateway System) และการให้บริการภาคพื้นดินในส่วนของพื้นที่ที่สำคัญในประเทศไทย นอกจากนี้ทาง มิว สเปซ ยังมีแผนที่จะสาธิตการใช้เทคโนโลยี 5G ในโรงงานที่อยู่ภายในพื้นที่ของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ตลอดจนโอกาสในการสร้างอาชีพและรายได้ต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ รวมทั้งอุตสาหกรรมการบินและ อวกาศกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยกล่าวในงานแถลงข่าว “การทำข้อตกลงความร่วมมือ MoU ระหว่างบริษัท มิว สเปซ แอนด์ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เพื่อร่วมพัฒนาและลงทุนในธุรกิจดาวเทียม” ว่าบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์และ การเชื่อมต่อไร้สายโดยตรงผ่านระบบ Mobile Backhaul ของตลาดดาวเทียมท้องถิ่นในประเทศไทยนั้น มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์ต่อปี อีกทั้งมีความเป็นไปได้สูงที่บริษัท มิว สเปซ จะกลายเป็นบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำรายใหม่ในอุตสาหกรรมดาวเทียมและ จะเป็นผู้บุกเบิกด้านการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของไทย มีรายงานเพิ่มเติมจากสถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐอย่าง Morgan Stanley ว่ามูลค่าของเศรษฐกิจอวกาศจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลกภายในปี 2583 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาค
นักลงทุนรายเดิมของมิว สเปซ ได้แก่ คุณประสพ จิรวัฒน์วงศ์ เจ้าของบริษัท Nice Group Holding Corp Ltd. ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิตเครื่องแต่งกายกีฬารายใหญ่ให้แก่แบรนด์ Nike และ Adidas กลุ่มบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ รวมถึงบริษัทกองทุนด้านเทคโนโลยี Majuven Venture Capital ตลอดจนพันธมิตรอื่นๆมีความเชื่อมั่นและ ให้ความไว้วางใจ ยืนยันการเข้าร่วมในการระดมทุนในรอบนี้ พร้อมกับนักลงทุนรายใหม่ที่ตกลงเข้ามาเพิ่มเติมเช่นกัน

บริษัท มิว สเปซ เป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านดาวเทียมและอวกาศ ก่อตั้ง ในปี พ. ศ. 2561 บริษัท ได้สร้างประวัติศาสตร์โดยการส่ง payload ครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียไปยังอวกาศ ด้วยจรวด New Shepard ของบริษัท Blue Origin นอกจากนี้ทาง มิว สเปซ ยังมีแผนจะสร้างดาวเทียมเป็นของตนเอง รวมถึงการเป็นผู้นำการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศในเอเชียแปซิฟิก เป้าหมายสูงสุดของทาง มิว สเปซ คือการแก้ปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรและปัญหาอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรโลกอย่างรวดเร็วโดยการค้นหาทรัพยากรใหม่ๆ นอกโลก เพื่อสร้างอาณานิคมของมนุษย์ อีกทั้งแหล่งอุตสาหกรรมบนดวงจันทร์ และมิว สเปซ ยังมุ่งมั่นที่จะทำให้การท่องเที่ยวทางอวกาศเชิงพาณิชย์เป็นไปได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
*สามารถรับชมคลิป Unveil technology ได้ที่: https://www.youtube.com/watch?v=BTNg7qTpOBM


 

Exit mobile version