Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

นักศึกษา มช. คว้ารองแชมป์ระดับประเทศ ในผลงานตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน NPM1 โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำทีมนักศึกษา “Smart Tech Lab” คว้ารองแชมป์ระดับประเทศจากเวที โครงการประกวดวางแผนธุรกิจของผลิตภัณฑ์เทคโนโลยี นวัตกรรม จากผลงานวิจัยในโครงการเส้นทางสู่นวัตวณิชย์ ครั้งที่ 9 (Research to Market Thailand 9th : R2M 9th)

โดยทีมได้นำเสนอผลงานชุดตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีน NPM1 โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน ซึ่งการแข่งขันนี้ครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค 3 แห่ง ประกอบด้วย อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ,อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ, และ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคใต้  โดยจุดประสงค์ของโครงการคือการเปิดโอกาสให้นักวิจัย ผู้คิดค้นนวัตกรรม และนักศึกษา นำผลงานวิจัยมาพัฒนาโดยอาศัยกลไกและการให้บริการของอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ผลักดันให้เกิดการต่อยอดและพัฒนางานวิจัย ตลอดจนเปิดช่องทางในการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีให้กับนักวิจัยและนักศึกษาได้เรียนรู้การเริ่มต้นทำธุรกิจ เพิ่มเติมความรู้แก่นักศึกษาและนักวิจัยเกี่ยวกับขั้นตอนของนวัตกรรมและการทำการตลาดของธุรกิจ


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์ สิ่งประดิษฐ์ สิ่งประดิษฐ์ในประเทศ

มช. พัฒนาเครื่องวัดปริมาณออกซิเจนปลายนิ้ว ช่วยโรงพยาบาลสู้โควิด

จากการระบาดโควิด-19 ในปัจจุบัน แม้มาตรการควบคุมโรคจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่เชื้อไวรัสก็สามารถพัฒนากลายพันธุ์จนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ ทำให้การสังเกตอาการป่วยเบื้องต้นด้วยตนเองไม่สามารถวัดได้ว่ามีความเสี่ยงที่ได้รับเชื้อโควิด-19 หรือไม่ เช่น อุณหภูมิร่างกายไม่สูงขึ้น หรือไม่มีอาการไอ ด้วยเหตุนี้ ทำให้คนไทยตื่นตัวในเรื่องของสุขภาพ หลายคนหาซื้ออุปกรณ์ตัวช่วยเพื่อเช็คอาการเบื้องต้น รวมถึงอุปกรณ์วัดค่าออกซิเจนในเลือด เพื่อเฝ้าระวังตรวจสอบความเสี่ยงต่อการติดเชื้อของตัวเอง จนทำให้อุปกรณ์ชนิดนี้ที่ขายตามท้องตลาดมีราคาสูงขึ้น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงเกิดแนวคิดผลิตเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ในราคาที่ย่อมเยาและมีความแม่นยำสูง เพื่อให้เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย รองศาสตรจารย์ ดร.เอกรัฐ บุญเชียง อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์ และหัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านสารสนเทศทางสุขภาพเพื่อชุมชน ร่วมกับทีมวิจัยสถาบันวิทยสิริเมธี (Vistec) ได้ทำการพัฒนาอุปกรณ์เครื่องวัดปริมาณออกซิเจนด้วยปลายนิ้ว วางแผนออกแบบและสั่งชิ้นส่วนอุปกรณ์จากต่างประเทศ นำมาประกอบและตั้งค่าความแม่นยำในการตรวจวัด โดยอุปกรณ์ที่ผลิตขึ้นมานี้สามารถวัดได้ทั้งค่าออกซิเจนในเลือด และอัตราการเต้นของหัวใจ โดยมีค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 2 % เท่านั้น ที่สำคัญคือ มีต้นทุนน้อยกว่าที่ขายตามท้องตลาดหลายเท่าตัว นอกจากนี้ ยังได้ต่อยอดพัฒนาแอปพลิเคชัน ชีวิต (Chivid) ที่สามารถเข้าสู่ระบบโดยผ่านแอปพลิเคชันไลน์และกรอกข้อมูลประวัติคนไข้ ถ่ายภาพเครื่องวัดในขณะใส่ที่นิ้วลงบนแอปพลิเคชัน ระบบจะจดบันทึกได้โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องกรอกค่าออกซิเจนด้วยตนเอง ข้อมูลจะส่งถึงเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ทันที โดยลดการใกล้ชิดของผู้ป่วยและบุคลากร อีกทั้งการใช้งานสะดวกต่อคนชราที่อาศัยอยู่ที่บ้าน ซึ่งอาจจะลำบากต่อการอ่านค่าปริมาณออกซิเจน ซึ่งผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพหน้าจอแสดงผล ส่งเข้าไปให้กับ แอปพลิเคชันเพื่อรายงานค่าต่าง ๆ อย่างละเอียด เป็นการช่วยลดระยะห่างระหว่างผู้ป่วยกับบุคลากรทางการแพทย์อีกด้วย

แม้เครื่องวัดปริมาณออกซิเจนปลายนิ้วจะไม่ใช่อุปกรณ์ที่สามารถวินิจฉัยได้ว่า ผู้ใช้ติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ แต่สามารถใช้เฝ้าระวังอาการผิดปกติภายในร่างกาย สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ติดเชื้อ รวมทั้งใช้ติดตามอาการผิดปกติ ในผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับแพทย์ เพื่อให้สามารถมาพบแพทย์ได้อย่างทันท่วงทีเมื่อมีอาการผิดปกติ ซึ่งเมื่อพบความผิดปกติ และพบแพทย์ได้เร็ว โอกาสที่โรคจะเพิ่มความรุนแรงหรือเสี่ยงเสียชีวิตก็จะน้อยลงไปด้วย  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะที่มีความพร้อมและมีบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้า ทีมนักวิจัยที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือ มุ่งเน้นการทำงานด้านสุขภาพเพื่อรับใช้สังคมให้เกิดประโยชน์สูงสุดและได้มาตรฐานในระดับสากล


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มช. สร้างอากาศสะอาดให้ผู้ป่วยติดเตียงด้วย “มุ้งกรองฝุ่น PM2.5” แบบ DIY

ด้วยปัจจุบันสถานการณ์หมอกควันและมลพิษในอากาศของจังหวัดเชียงใหม่มีความรุนแรงขึ้น ค่าดัชนีคุณภาพอากาศพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง และด้วยค่าฝุ่น PM2.5 ที่เกินมาตรฐานส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยอาจารย์นักวิจัย ออกแบบและพัฒนา “มุ้งกรองฝุ่น” PM2.5 แบบ DIY สำหรับผู้ป่วยติดเตียง เป็นต้นแบบทดสอบการใช้งานที่ศูนย์บริการสาธารณสุขท่าผา       อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ที่สามารถกันฝุ่นได้จริง ราคาประหยัด ใช้งานได้อย่างเหมาะสม

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย คณะวิศวกรรมศาสตร์ ผศ.ดร.ยศธนา คุณาทร และ ผศ.ดร.ภาสกร แช่มประเสริฐ ออกแบบและพัฒนา “มุ้งกรองฝุ่น” สามารถช่วยลดปริมาณฝุ่นได้เป็นอย่างมาก จากการทดสอบฝุ่น PM2.5 ภายนอกมุ้งวัดได้ 78 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หลังจากติดตั้งพัดลมและไส้กรองฝุ่น แบบ DIY สามารถลดฝุ่น PM2.5 เหลือ 8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยหลักการนำเอาอากาศดีที่ผ่านการกรองแล้วเข้าไปดันภายในมุ้ง ไม่ให้อากาศไม่ดี ลอดเข้ามา ตามหลักการของการทำห้อง Positive Pressure ด้วยต้นทุนทั้งหมดประมาณ 1,500 บาท โดยจะมีการขยายผลนำไปใช้กับผู้ป่วยติดเตียง กลุ่มเสี่ยงตามบ้าน และชุมชนต่างๆ ในอำเภอแม่แจ่ม ภายใต้โครงการขับเคลื่อนการรู้รับปรับตัวสู้ฝุ่นควัน โดย ผศ.ดร. พลภัทร เหมวรรณ GistNorth คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

จากแนวคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมและสิ่งประดิษฐ์สู่ชุมชนของอาจารย์และนักวิจัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ช่วยลดความเสี่ยงอันตรายจากฝุ่นละอองในอากาศ เพิ่มการเข้าถึงการดูแลสุขภาพ ส่งผลให้คุณภาพชีวิตผู้ป่วยดีขึ้น รวมถึงยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน เพื่อลมหายใจของชุมชนได้มีอากาศสะอาดในทุกพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มช. กับ 5 เทคโนโลยีรับมือปัญหาหมอกควันและ PM.2.5

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง PM 2.5 ที่ลอยปกคลุมตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วทุกภาคของประเทศ ส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของประชาชน โดยเฉพาะภาคเหนือ ที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจในวงกว้าง ซึ่งเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจ ต่างผลักดันให้เกิดการแก้ไขอย่างจริงจัง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จึงได้จัดตั้งคณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ เป็นการรวมตัวของคณาจารย์ผู้ชำนาญในหลายสาขาวิชา เพื่อเป็นศูนย์กลางในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ดำเนินงานศึกษาวิจัย เสนอแนวทาง และถ่ายทอดนวัตกรรม รวมถึงนำมาซึ่งการพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยหน่วยงานและประชาชนสามารถติดตามคุณภาพอากาศเพื่อการรับมือและเฝ้าระวัง ดังนี้

1.ระบบสนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวล (Fire Management Decision Support System) หรือ FireD (ไฟดี) โดย FireD/ไฟดี เป็นระบบสนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงชีวมวล เพื่อสนับสนุนข้อมูลทางวิชาการให้แก่ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่จะ “อนุมัติ/ไม่อนุมัติ” ให้บางกิจกรรมการใช้ที่ดินที่มีความจำเป็นต้องพึ่งไฟในห้วงเวลาเฝ้าระวังของฤดูไฟป่า โดยใช้แนวคิดคือ “ไฟจำเป็น” หากใช้ถูกที่-ถูกเวลา จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศโดยรวมน้อยลง ซึ่งระบบประกอบไปด้วยข้อมูลสำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการพยากรณ์ฝุ่นควัน ข้อมูลอุตุนิยมวิทยา ข้อมูลจุดความร้อน และข้อมูลอัตราการระบายอากาศ โดยหวังว่าระบบนี้จะเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันในพื้นที่ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชาคริต โชติอมรศักดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาภูมิศาสตร์ และหัวหน้าศูนย์ภูมิภาคเพื่อการศึกษาด้านภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (Regional Center for Climate and Environmental Studies : RCCES) คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

2.ระบบการพยากรณ์คุณภาพอากาศประเทศไทย “Thai Air Quality” เป็นแอปพลิเคชันที่สามารถแสดงผลพยากรณ์คุณภาพอากาศล่วงหน้าสูงสุดได้ 3 วัน ครอบคลุมทั่วประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังแสดงข้อแนะนำทางด้านสุขภาพเกี่ยวกับการปฏิบัติตนจากสถานการณ์คุณภาพอากาศในแต่ละกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มกิจกรรม ซึ่งเผยแพร่ให้บุคคลทั่วไปใช้ได้ผ่านทั้งระบบ iOS และ Android พัฒนาโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชาคริต โชติอมรศักดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาภูมิศาสตร์ และหัวหน้าศูนย์ภูมิภาคเพื่อการศึกษาด้านภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (Regional Center for Climate and Environmental Studies : RCCES) คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

 

3. NTAQHI (Northern Thailand Air Quality Health Index หรือ ดัชนีคุณภาพอากาศเพื่อสุขภาพชาวเหนือ) เพื่อตอบโจทย์การขยายเครือข่ายระบบเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชนจากผลกระทบของปัญหาหมอกควันต่อสุขภาพไปยังจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ที่แสดงผลในพื้นที่ทั้งแบบเวลาจริงทุกชั่วโมง และแบบค่าเฉลี่ยใน 24 ชั่วโมงพร้อมคำอธิบายระดับดัชนีคุณภาพอากาศ รวมถึงคำเตือนเพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบของมลพิษอากาศต่อสุขภาพ พร้อมปรับโฉมให้ผู้ใช้งานเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย โดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ขวัญชัย ศุภรัตน์ภิญโญและทีมงาน IT ของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

 

 

4. DUSTBOY เครื่องวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศด้วยระบบเซนเซอร์การตรวจวัดคุณภาพอากาศและการเตือนภัยมลพิษทางอากาศ รายงานสถานการณ์ฝุ่นแบบ Real Time ที่ติดตั้งทั่วประเทศแล้วกว่า 400 จุด ตั้งเป้าขยายเป็น 2000-3000 จุด ทั่วไทยในทุกตำบล เข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว ผ่านทางแอปพลิเคชัน “CMU Mobile” Application สำหรับภายใน มช. โดย รองศาสตราจารย์ เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล หัวหน้าศูนย์ข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์

5. เทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับตรวจจับความร้อน (Thermal Imaging UAV) เพื่อการป้องกันและควบคุมไฟป่าในระดับพื้นที่ ระบบจะติดตามคุณภาพอากาศด้วยข้อมูลดาวเทียม ซึ่งเป็นระบบที่พัฒนาโดยการใช้เทคนิควิธีการด้านแผนที่ออนไลน์ (Web GIS Application) เพื่อรายงานข้อมูลเชิงสถานการณ์ของฝุ่นละออง PM2.5 และข้อมูลจุดความร้อน (Hotspot) ด้วยการตรวจหาจากข้อมูลดาวเทียม NASA TERRA/AQUA ระบบ MODIS และ Suomi NPP ระบบ VIIRS โดย อาจารย์ ดร.พลภัทร เหมวรรณ อาจารย์ประจำภาควิชาภูมิศาสตร์และหัวหน้าศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) GISTNORTH คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตระหนักถึงความสำคัญ และพร้อมเป็นกำลังสำคัญในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและPM 2.5 ตลอดจนเดินหน้าพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อรับมือวิกฤตฝุ่นอย่างสร้างสรรค์ แบบครบทุกมิติ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มช. ผุดนวัตกรรมหุ่นยนต์ห่อมะม่วง หนุนเกษตรกรรมยุคดิจิทัล ขับเคลื่อนด้วย AI

หากพูดถึงผลไม้ที่ขึ้นแท่นเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทย หนึ่งในนั้นคือ มะม่วง ซึ่งได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ในแต่ละปีสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้ที่มีขั้นตอนและวิธีการดูแลที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนสายพันธุ์อื่น นั่นคือการห่อผลมะม่วงให้ได้ผลเป็นสีเหลืองทองและสวยงาม แต่ปัญหาของเกษตรกรที่พบคือ การห่อที่มีความคลาดเคลื่อน ทำให้ผลมะม่วงเกิดเชื้อราและมีแมลงเข้าไปทำลายเปลือกและเนื้อ ทำให้เกิดความไม่สวยงามของตัวผลมะม่วง ด้วยเหตุนี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหานี้ จึงได้ทำการพัฒนาหุ่นยนต์ระบบ AI ในการช่วยห่อมะม่วงขึ้นมา เพื่อความแม่นยำ ลดการสูญเสียและเพิ่มความสะดวกให้แก่เกษตรกร

หุ่นยนต์ห่อมะม่วงระบบ AI เป็นการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์โรโบติกส์เข้ามาใช้ในสวน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยากต่อการทำงาน เพราะฉะนั้นหุ่นยนต์ต้องมีเรื่องของระบบการเซนเซอร์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการรับรู้เรื่องสภาพแวดล้อมภายนอก รวมทั้งหุ่นยนต์ต้องหาผลมะม่วงได้ด้วยตัวเอง โดยหุ่นยนต์จะถูกควบคุมด้วยระบบ AI ผสานกับเทคโนโลยีการตรวจจับวัตถุเข้าด้วยกัน ซึ่งสามารถตรวจจับสีของมะม่วงได้ว่าตรงไหนเป็นสีเขียวหรือสีเหลือง มีการติดกล้องขนาดเล็กไว้ที่ตัวหุ่นยนต์ จากนั้นจะส่งข้อมูลไปที่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ มีการวัดระยะความห่างของมะม่วงได้อย่างแม่นยำ ทำให้การห่อมะม่วงแต่ละครั้งเป็นไปตามหลักเกณฑ์การห่อที่ถูกต้อง เพียงแค่นำถุงคาร์บอนไปติดตั้งที่ปลายแขนของหุ่นยนต์ เครื่องก็จะใช้การตรวจจับของระบบ AI สั่งการได้ทันที

ในอนาคตสามารถที่จะนำหุ่นยนต์ไปทดลองกับผลไม้ชนิดอื่นๆ ได้ รวมถึงการพัฒนาให้หุ่นยนต์มีความสามารถในการช่วยตัดแต่งกิ่งที่มีขนาดเล็ก ไปจนถึงเรื่องของการเก็บข้อมูลทางสถิติว่าจำนวนผลมะม่วงที่เก็บได้ในแต่ละต้นแต่ละปีเป็นเท่าไหร่ สำหรับนวัตกรรมชิ้นนี้ถือว่ามีความแม่นยำที่สูงมากในการห่อมะม่วง ช่วยลดปัญหาการห่อของชาวสวน ทั้งในเรื่องการจ้างแรงงาน ซึ่งลักษณะแรงงานโดยทั่วไปต้องอยู่กลางแดด เผชิญกับความเหนื่อยล้า ความเร่งรีบในการห่อ และเรื่องของการห่อผิดขนาด จากนวัตกรรมหุ่นยนต์ห่อมะม่วงนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่พัฒนาและต่อยอดมากจากการประกวดแข่งขันหุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ สำหรับการเกษตรอัจฉริยะ โดยสมาคมวิชาการหุ่นยนต์ไทยและองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดครั้งนี้และนำไปสู่การพัฒนางานวิจัยให้สามารถใช้งานได้จริง รวมถึงเพิ่มมูลค่าทางการผลิตให้กับเกษตรกรได้ในอนาคต

ด้วยศักยภาพและความเชี่ยวชาญของอาจารย์ นักวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมที่จะสนับสนุนเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเกษตร อันจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการกระตุ้นกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเกษตรกรไทย และเพื่อสนับสนุนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ทั้งในแง่ของการยกระดับคุณภาพผลผลิตทางการเกษตร รวมถึงส่งเสริมอุตสาหกรรมการเกษตรให้มีความทันสมัย และสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มช. พัฒนานำระบบอากาศยานไร้คนขับตรวจจับความร้อน รับมือไฟป่าปี 64

จากเหตุการณ์ไฟป่าเชียงใหม่ในปีนี้ ถือว่าหนักหนาและรุนแรงมาก สร้างความเสียหายให้กับทรัพยากรธรรมชาติ สัตว์ป่า รวมถึงคร่าชีวิตจิตอาสาและเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าที่เข้าไปช่วยกันดับไฟ อีกทั้งส่งผลต่อคุณภาพอากาศ มีค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงติดอันดับหนึ่งของโลกหลายสัปดาห์ติดต่อกัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในฐานะศูนย์กลางสนับสนุนทางวิชาการและเชื่อมโยงทุกภาคส่วนได้ดำเนินการถอดบทเรียนจากวิกฤตการณ์หมอกควันและไฟป่า พร้อมเตรียมนำระบบอากาศยานไร้คนขับตรวจจับความร้อนมาใช้ เพื่อเป็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไขในฤดูกาลหน้า

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศภาคเหนือ คณะสังคมศาสตร์ หรือ GISTNORTH ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) ดำเนินงาน “โครงการป้องกันและควบคุมไฟป่าระดับพื้นที่ด้วยระบบอากาศยานไร้คนขับตรวจจับความร้อน” (Thermal UAVS) ขนาดเล็ก เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการปฏิบัติงานระดับพื้นที่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน สนับสนุนภารกิจในการป้องกันรักษาป่า โดยแยกการดำเนินงานใน 2 ด้าน คือ

1.ด้านการดำเนินงานเชิงปฏิบัติการจริงโดยได้ทำการทดสอบการทำงานในระดับพื้นที่ในภารกิจการป้องกันและควบคุมไฟป่าพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ดำเนินงานร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอแม่แจ่มโดยท่านนายอำเภอแม่แจ่ม

2.ด้านการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมด้วย “การพัฒนาระบบต้นแบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการตรวจจับไฟป่าด้วยระบบอากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กที่เหมาะสม” ในภารกิจการเฝ้าระวังการเกิดไฟป่าระดับพื้นที่ โดยได้ขอรับทุนสนับสนุนวิจัยจากสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน)

การพัฒนาระบบต้นแบบดังกล่าว ได้วางแผนเพื่อเตรียมรับมือในฤดูกาลเกิดไฟป่าช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2564 และแผนการจัดอบรมหลักสูตรการใช้งานระบบอากาศยานไร้คนขับตรวจจับความร้อนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานไฟป่า ทั้งกรมป่าไม้ กรมอุทยาน และ อปท.ที่มีภารกิจป้องกันและควบคุมไฟป่า ซึ่งเป็นหน่วยงานที่สามารถนำองค์ความรู้และเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้ได้จริงในฤดูกาลเกิดไฟป่าในปีหน้านี้

ด้วยตระหนักถึงมหันตภัยจากไฟป่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้บริหาร คณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีส่วนร่วมดำเนินการแก้ปัญหาหมอกควันมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งบูรณาการองค์ความรู้ร่วมกับภาคส่วนต่างๆ สร้างนวัตกรรมในการเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์หมอกควัน พร้อมเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาหมอกควันในอนาคต โดยหวังว่าการเตรียมความพร้อมนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยป้องกันควบคุมการเกิดไฟป่า ซึ่งท้ายที่สุดจะนำมาซึ่งการลดปัญหาหมอกควันได้อย่างสำเร็จและยั่งยืน


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มช. ผุดงานวิจัย รถกำจัดหมอกควันเคลื่อนที่ สร้างมูลค่าของเสีย เปลี่ยนเป็นพลังงานสะอาด

ภูมิภาคเหนือของประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาฝุ่นควันอย่างรุนแรง โดยมีสาเหตุหลักประการหนึ่งมาจากการเผาวัสดุการเกษตรหลังการเก็บเกี่ยว เช่น ข้าวโพดอันเป็นรายได้หลักของชาวบ้าน การกำจัดกองซังข้าวโพดที่มีขนาดมหึมาด้วยวิธีการเผาในที่โล่งแจ้ง ส่งผลต่อกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในฐานะสถาบันการศึกษาที่รับผิดชอบต่อสังคม ได้ศึกษาและทำการวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อคิดค้นแนวทางและสร้างองค์ความรู้การจัดการมลพิษให้กับชุมชนได้ปฎิบัติอย่างถูกต้อง

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ (ERDI) คิดค้นงานวิจัยเพื่อเป็นต้นแบบในการช่วยลดหมอกควัน ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจาก กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ในการสร้างรถต้นแบบ Pyrolysis Mobile Unit ที่มีคุณสมบัติเป็นหน่วยรถเคลื่อนที่ผลิตถ่านชีวภาพ เป็นการนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรมาเข้ากระบวนการเผา โดยไล่สารระเหย ควบคุมการให้อากาศ ระยะเวลาและอุณหภูมิให้คงที่ คงเหลือเฉพาะส่วนที่เป็นคาร์บอนหรือตัวถ่านคุณภาพดี ถือเป็นการพัฒนาชีวมวลเพื่อมาทดแทนถ่านหิน ช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกและคาร์บอนไดออกไซด์ จากการศึกษาวิจัยดังกล่าว นำสู่ห้องปฏิบัติการจริง ในพื้นที่บ้านนาฮ่อง อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีชาวบ้านนำซังข้าวโพดมาแปรรูปเป็นถ่านอัดแท่ง ถือเป็นการกำจัดซังข้าวโพดถูกวิธี ไม่ได้เผาทิ้งแต่กลับมีคุณค่าขึ้นมา อีกทั้งเป็นการนำวิธีการรีไซเคิลมาประยุกต์ใช้ ทำให้สิ่งที่ไร้ค่ากลับมีมูลค่า และยังประโยชน์แก่ชาวบ้านในด้านอื่นๆด้วย เช่น ใช้เป็นถ่านหุงต้ม เป็นปุ๋ย หรือขายเพื่อสร้างรายได้ ซึ่งทางสถาบันยินดีให้ข้อมูลและคำปรึกษาด้านเทคโนโลยีรวมถึงสาธิตวิธีการแก่ผู้สนใจ เกษตรกร หรือองค์กรเอกชนที่ต้องการนำไปต่อยอดหรือลงทุนทางธุรกิจต่อไป

จากการดำนินงานที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มุ่งหวังที่จะให้เกิดประโยชน์สู่พื้นที่ต่างๆอย่างหลากหลาย จึงได้มีการเปิดเวทีให้สาธารณชนได้รับรู้แสดงความคิดเห็นเพื่อเป็นการขยายผลสู่การกำจัดวัสดุทางการเกษตรอื่นๆ อันจะเป็นแนวทางเพื่อให้ภาคส่วนสามารถพัฒนาให้เกิดความคุ้มค่าและลดผลกระทบต่อสภาวะสิ่งแวดล้อมทางอากาศให้กลับคืนมา ซึ่งจะช่วยลดปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นในภาคเหนือของทุกๆปี พร้อมๆกับได้เชื้อเพลิงพลังงานทดแทน สร้างมูลค่าของเสียเปลี่ยนเป็นพลังงานสะอาด ถือเป็นการผลักดันการนำเทคโนโลยีมาพัฒนา ซึ่งตรงตามวัตถุประสงค์ของมหาวิทยาลัยในการค้นคว้านวัตกรรมต้นแบบเพื่อชุมชนและร่วมพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน


 

Exit mobile version