Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“พรีไซซ” คว้ารางวัล Thailand Vision Zero สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกันอย่างยั่งยืน

บริษัท พรีไซซ อีเลคตริค แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด บริษัทในเครือ พรีไซซ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRECISE ผู้นำด้านโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะครบวงจร ด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมและความเป็นมืออาชีพ คว้ารางวัล Thailand Vision Zero อย่างต่อเนื่องในระดับก้าวหน้า (Achievement Award Level 2) ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่สถานประกอบกิจการที่ผ่านเกณฑ์การประเมินตามแนวทาง Vision zero จากสมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน(ประเทศไทย) ที่มุ่งมั่นพัฒนา “วัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงป้องกัน” Vision Zero Strategy เพื่อให้คนทำงานไทยปลอดภัย

นายณัฐพงศ์ กอร่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีไซซ อีเลคตริค แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (PEM) เปิดเผยว่า “พรีไซซได้รับรางวัล Thailand Vision Zero ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ซึ่งเป็นการเน้นย้ำว่า พรีไซซเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นส่งเสริมด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง สอดรับยุทธศาสตร์ Thailand Vision Zero โดยอาศัยจาก “ความมุ่งมั่นและภาวะความเป็นผู้นำของผู้นำ” และการสร้างวัฒนธรรมเชิงป้องกันอย่างยั่งยืน

“พรีไซซได้ตอบสนองนโยบายของภาครัฐ Safety Thailand 4.0  ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานรวมทั้งชุมชนควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการปฏิบัติที่เป็นไปตามมาตรฐานธุรกิจไทยในข้อกำหนดกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน แรงงานสัมพันธ์ ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยมีการวางแผนและบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและประสิทธิภาพของหน่วยงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย หรือ Safety ที่จัดทำแผนแม่บทให้พนักงาน รวมทั้งผู้รับเหมา ผู้รับจ้างภายนอกและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและลดการบาดเจ็บ การเจ็บป่วย สูญเสียทรัพย์สินหรือเสียชีวิตจากการทำงาน อาทิ การประเมินความเสี่ยงให้ครอบคลุมทุกกระบวนการ การรายงานสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัย การรายงาน Near miss เพื่อจัดทำมาตรการป้องกันเชิงรุก การวิเคราะห์สาเหตุและสอบสวนอุบัติเหตุเพื่อจัดทำมาตรการแก้ไขป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ นอกจากนี้มีการส่งเสริม/ชื่นชมพนักงานที่มีการกระทำที่ปลอดภัย สร้างการมีส่วนร่วมและการให้คำปรึกษาของพนักงานเพื่อเป็นการกระตุ้นและสร้างจิตสำนึกที่ดีด้านความปลอดภัย จากการดำเนินงานและปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปีที่ผ่านมาสถิติอัตราการประสบอุบัติเหตุลดน้อยลงมากและมีระดับความรุนแรงลดน้อยลงตามลำดับ อุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงานเกิน 3 วัน = 0 ถือได้ว่าบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้

“ล่าสุด พรีไซซ ได้เดินหน้าในการยกระดับระบบการบริหารจัดการด้านอาชีวนามัยและความปลอดภัย โดยการขอการรับรองระบบมาตรฐานการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย หรือ ISO45001 : 2018 และคาดว่าจะได้รับการรับรองภายในไตรมาสที่ 2-2021 เป็นการเน้นย้ำว่าพรีไซซนั้นมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน ให้มีความปลอดภัย สุขภาพอนามัยดีและเกิดความผาสุกในองค์กร (Smart  Workplace) ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง แม้สภาพเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงถดถอยและมีวิกฤตต่างๆเข้ามาก็ตาม พรีไซซยังสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น ผลิตสินค้าได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างดี” นายณัฐพงศ์ กล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ พรีไซซ สามารถชมสินค้าและนวัตกรรมการจัดการพลังงานอัจฉริยะ ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ https://preciseproducts.in.th/  LINE: https://lin.ee/1T37XR1 สอบถามเพิ่มเติม โทร. (+66) 02-584-2367 ต่อ 621 , 065-528-5860


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“พรีไซซ” ได้การรับรองเครื่องหมายฉลากเขียว ตอกย้ำ “สินค้านวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม”

บริษัท พรีไซซ อีเลคตริค แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (PEM) ได้รับการรับรองสินค้า “ฉลากเขียว” (Green Label) เพิ่มอีก 1 รุ่น ขนาด 160 kVA 3 เฟส 50 Hz แรงดันระบบ 33 kV จากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย โดยมีผลิตภัณฑ์หม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายแบบน้ำมัน ที่เป็นความภาคภูมิใจ ภายใต้เครื่องหมายการค้า แบรนด์ “พรีไซซ” สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการควบคุมมาตรฐานการผลิตสินค้าให้ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายณัฐพงศ์ กอร่ม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีไซซ อีเลคตริค แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด (PEM) กล่าวว่า “ฉลากเขียวดังกล่าว เป็นเครื่องหมายที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันที่ไม่ได้รับการรับรอง สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของพรีไซซที่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนใส่ใจในสิ่งแวดล้อมและสังคมตลอดมา เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมยกระดับและจะขยายมาตรฐานการผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าให้เป็นมิตรต่อโลกเพิ่มมากขึ้นต่อไป สำหรับผลิตภัณฑ์ของพรีไซซได้รับฉลากเขียวแล้ว คือ ผลิตภัณฑ์หม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายแบบน้ำมันขนาด 50, 100, 160kVA ระบบแรงดันไฟฟ้า 22kV และ 33kV รวมทั้งสินจำนวน 6 รุ่นซึ่งทั้ง 6 รุ่นนี้มีจำหน่ายและใช้แพร่หลายใน ภาครัฐ, รัฐวิสาหกิจ และเอกชน จากนี้เราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อเข้ารับการรองฉลากเขียวในหมวดอื่น ๆ เพิ่มเติมตามความมุ่งมั่นที่บริษัทฯตั้งไว้ว่า จะเป็น GREEN & INNOVATIVE ด้วยการคิดค้นสร้างสรรค์สินค้าและบริการ จากแนวคิด มุ่งสู่การเป็นวิสาหกิจที่เติบโต ยั่งยืน มีคุณภาพ ผสานประโยชน์สุขของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและพัฒนาร่วมกัน”

“สินค้าหม้อแปลงไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าของพรีไซซทุกรุ่นได้รับการออกแบบตามมาตรฐานของไทยและสากล เช่น TIS, IEC, ANSI รวมถึงมีการพัฒนาด้วยการส่งเสริมแนวคิดการออกแบบสินค้าให้มีขนาดกะทัดรัดและสะดวกต่อพื้นที่การติดตั้งที่มีจำกัด เพื่อลดข้อจำกัดในการติดตั้งและยืดหยุ่นให้แก่การใช้งาน พัฒนาการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง มีกระบวนการผลิตที่ทันสมัยโดยอาศัยแนวคิดของการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อลดการใช้วัตถุดิบที่ไม่จำเป็นและลดปริมาณสิ่งตกค้างในระบบนิเวศ ทำให้พรีไซซคือแบรนด์อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มุ่งเน้นการรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างมีคุณภาพและมีการบริการที่ดีอย่างต่อเนื่องมาตลอด 30 กว่าปี การได้รับฉลากเขียว สามารถการันตีได้ว่าสินค้าของพรีไซซเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า เมื่อนำมาเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่ทำหน้าที่อย่างเดียวกันตลอดทั้งวัฏจักรชีวิต ทั้งยังมีผลงานติดตั้งในภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ รวมไปถึงต่างประเทศ ตั้งแต่ กัมพูชา ลาว พม่า และฟิลิปปินส์ ซึ่งสร้างความมั่นใจได้ว่าสินค้าและบริการของพรีไซซนั้นจะยืนหนึ่งในวงการพลังงานไฟฟ้าต่อไปแน่นอน ”

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ พรีไซซ สามารถชมสินค้าและนวัตกรรมการจัดการพลังงานอัจฉริยะ ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ https://preciseproducts.in.th/ LINE: https://lin.ee/1T37XR1 สอบถามเพิ่มเติม โทร. (+66) 02-584-2367 ต่อ 621 , 065-528-5860


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“พรีไซซ ร่วมสร้างสรรค์นวัตกรรม SMART CITY อย่างยั่งยืน”

• ประเทศไทยกำลังเดินหน้าพัฒนา “เมืองอัจฉริยะ” หรือ “Smart City” อย่างเต็มตัว

“Smart City” หรือ”เมืองอัจฉริยะ” กำลังกลายเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวคนไทยมากยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลมีแผนปูพรมการพัฒนาให้ครอบคลุมทั่วประเทศให้ครบ 77 จังหวัด รวม 100 พื้นที่ ทั้งในรูปแบบการประยุกต์เทคโนโลยีดิจิทัล หรือข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสารในการเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของบริการชุมชนเพื่อช่วยลดต้นทุน โดยยังคงเพิ่มประสิทธิภาพให้ประชาชนสามารถอยู่อาศัยได้ในคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พัฒนาให้เข้ากับยุค 4.0 โดยการเอาเทคโนโลยีมาผสานกับการใช้ชีวิตของประชาชน ไม่ว่าจะทั้งด้านการขนส่ง การใช้พลังงาน หรือโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะทำให้เมืองที่สะดวกสบายเหมือนในฝันเกิดขึ้นได้จริง

• Smart City คือคำตอบเพื่ออนาคตของทุกคน
เมื่อมีการอยู่รวมตัวกันมากขึ้น จากเมืองที่มีพื้นที่พักอาศัยหรือสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการดำรงชีพเพียงพอต่อจำนวนประชากร แต่เมื่อมีการขยายตัวของประชากร ส่งผลทำให้เมืองมีขนาดใหญ่ขึ้น ประชากรต้องการชีวิตที่ดีขึ้น มีที่พักอาศัยและสาธารณูปโภคที่เพียงพอ ทำให้หลายๆฝ่ายได้ตระหนักถึงปัญหานี้ จึงเกิดโครงการ Smart City ขึ้น เป็นการรวมตัวกันของความหลากหลายที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิด อุดมการณ์ ความสนใจ ส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ตลอดเวลา จนเราสามารถพูดได้เลยว่านวัตกรรมที่ส่งผลต่อชีวิตของเราทั้งหมดในตอนนี้มีที่มาที่ไปจาก “เมืองที่ขยายขึ้น” หากเมืองที่ขยายเติบโตขึ้นมีสภาพแวดล้อมที่ดี เป็นเมืองที่สร้างความเท่าเทียมของผู้อยู่อาศัย เป็นเมืองที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเหมือนเป็น “บ้าน” ของตัวเอง ไม่ว่าแท้จริงแล้วภูมิลำเนาเดิมจะมาจากที่ไหน ก็จะส่งผลดีต่อคนส่วนใหญ่ ทั้งในด้านคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม
แต่ด้วยสภาวะแวดล้อมของโลกที่แย่ลงเรื่อย ๆ อันเป็นผลมาจากการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างขาดความรู้ความเข้าใจ ยกตัวอย่างเช่น การใช้ไฟฟ้าค่อนข้างสูงของอาคารสำนักงาน รวมถึงปัญหาด้านมลภาวะต่าง ๆ เช่น ฝุ่นละออง มลภาวะทางอากาศ และน้ำ ยังไม่นับปัญหาการจราจรและมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูญเสียจากการขนส่งที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์สูงที่สุดของปัญหาของระบบเศรษฐกิจ นอกจากนั้นภาวะความเป็น “เมือง” บีบบังคับให้ “คนเมือง” กลายสภาพมาเป็นผู้บริโภคที่สร้างขยะจำนวนมหาศาล เช่น ถ้าหิวน้ำก็ต้องซื้อน้ำ ทำให้เกิดปัญหาขยะ อันเป็นผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมที่ต้องใช้เวลานานหลายศตวรรษในการทำให้สภาพแวดล้อมกลับมาอยู่ในสภาพที่เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตที่ใช้พื้นที่และสภาพแวดล้อมของโลกใบนี้ร่วมกัน โดยจะต้องอาศัยทุกภาคส่วนร่วมมือร่วมแรงร่วมกำลัง พัฒนาระบบทุกฝ่ายให้สามารถเกิดเป็นรูปร่างที่จับต้องได้และนำมาใช้ได้จริง มีการรับฟังเสียงทุกเสียงของภาคประชาชนและสำคัญที่สุดคือ การร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการทำ Smart City ในส่วนของความรับผิดชอบของตัวเองให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมมากที่สุด ซึ่งต้องทำงานประสานกัน เพื่อนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาปรับใช้ ในการรวบรวม วิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลอย่างเหมาะสม ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจ วางแผน ปรับปรุง สร้างสรรค์ร่วมกัน ช่วยเปลี่ยนเมืองเดิมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้มิติเศรษฐกิจและสังคมมีความมั่นคงได้สมดุลย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านธรรมชาติสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ประเพณีและอัตลักษณ์ท้องถิ่น สุขภาพ การศึกษา รวมไปถึงความปลอดภัยของประชาชน จะทำให้เป็นเมืองที่น่าอยู่และรองรับการเปลี่ยนแปลงได้ต่อไป

• สร้างสรรค์นวัตกรรม SMART CITY อย่างยั่งยืน
จากการศึกษารายละเอียดโครงสร้าง และความคำสัญของ โครงการ SMART CITY ที่เราทุกคนต่างเร่งผลักดันให้ให้เกิดขึ้นได้ในครบทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ Smart Mobility การสัญจรอัจฉริยะ, Smart Community ชุมชนอัจฉริยะ, Smart Economy เศรษฐกิจอัจฉริยะ, Smart Environment สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ, Smart Governance การปกครองอัจฉริยะ, Smart Building อาคารอัจฉริยะ และ Smart Energy พลังงานอัจฉริยะ ทางพรีไซซเองได้ส่งเสริมนวัตกรรมที่จะรองรับ ความเป็น SMART CITY อย่างยั่งยืน มาตลอดหลายสิบปี จากการประกอบธุรกิจของพรีไซซที่มีหัวใจหลักมุ่งเน้นส่งเสริมในเรื่องนวัตกรรมความอัจฉริยะและสร้างประโยชน์ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังสร้างโครงการต้นแบบที่ส่งต่อให้ชุมชนเมืองมีความเป็น “GREEN & INNOVATIVE ” ด้วยการคิดค้นสร้างสรรค์สินค้าและบริการ จากแนวคิด “มุ่งสู่การเป็นวิสาหกิจที่เติบโต ยั่งยืน มีคุณภาพ ผสานประโยชน์สุขของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและพัฒนาร่วมกัน” เพราะมองเห็นถึงความสำคัญของพลังงาน ที่เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของของส่วนประกอบหลักใน 7 ด้านที่ทั่วโลกต่างให้ความสนใจและพัฒนาขึ้น
พรีไซซเองมองเห็นถึงความสำคัญ จึงได้มีการพัฒนาสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานมาตลอด โดยมีเป้าหมายให้ผู้ใช้พลังงาน นำข้อมูลมาวางแผน กระจาย ใช้ จัดเก็บตามความเหมาะสม สามารถบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยตัวเอง อันจะนำไปสู่การเป็นผู้นำการลดพลังงานอย่างยั่งยืน สร้างการเพิ่มปริมาณการใช้พลังงานหมุนเวียนให้ได้มากที่สุด จากระบบบริหารจัดการพลังงานภายใต้โครงข่าย Total Customer Solution ผ่านแพลตฟอร์มที่มีชื่อว่า “PEMS” (Professional Energy Management System) ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของพรีไซซเท่านั้น โดยถือว่าเป็นเครื่องมือสำหรับการจัดการบริหารพลังงานให้ทุกองค์กรที่ใช้พลังงานจำนวนมากและมีความต้องการลดการใช้พลังงานได้ใช้พลังงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ลดต้นทุนการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 10-15% สามารถวางแผนลดต้นทุนด้านพลังงานในระยะยาวได้ถึง 50% ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมากกว่า 20% โดยระบบสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันที ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านระบบการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ซึ่งระบบ PEMS นี้จะเป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์การใช้พลังงานไฟฟ้า, น้ำมันเตา, อากาศอัด และน้ำ ซึ่งครอบคลุมทุกพลังงานที่ต้องการลดการใช้งาน สามารถออกรายงานการจัดการพลังงานได้ตามแบบฟอร์มของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.)ได้อย่างง่ายดาย มีความถูกต้องและแม่นยำสูง
นอกจากนี้ยังมีการบังคับใช้ พรบ.การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งได้สร้างความตะหนักให้ทุกธุรกิจและหลาย ๆ ภาคส่วนที่มีการใช้พลังงานในปริมาณมากได้หันมาใส่ใจต่อการอนุรักษ์พลังงานมากขึ้น พรีไซซจึงมีอีกหนึ่งนวัตกรรมใหม่ ที่คิดค้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานไฟฟ้า ได้แก่ ระบบ “TMS” Transformer Monitoring System อุปกรณ์อัจฉริยะ ที่สามารถตรวจสอบการใช้พลังงานไฟฟ้าโดยติดตั้งอยู่กับหม้อแปลงไฟฟ้าได้ทุกรุ่น ทำหน้าที่ตรวจสอบความผิดปกติของหม้อแปลง เพื่อความเข้าใจในกิจกรรมการใช้ไฟ เฝ้าระวังเหตุที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายในระบบไฟฟ้า ดึงข้อมูลหม้อแปลงทุกตัวได้เรียลไทม์แบบ Mapping Position ผ่านระบบ GPS ซึ่งเรียกดูได้จาก Dashboard ที่แสดงผลในรูปของกราฟหรือตารางที่ง่ายต่อการอ่านค่า ผ่านการเชื่อมต่อระบบอินเตอร์เน็ต และยังสามารถแจ้งเตือนความผิดปกติผ่าน Line เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ยังสามารถพยากรณ์คุณภาพของระบบพลังงานไฟฟ้าหรืออายุของอุปกรณ์ได้ล่วงหน้า ความอัจฉริยะของสินค้าและบริการของพรีไซซยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Green Technology รูปแบบต่างๆ อาทิ Solar Rooftop, สถานีรถพลังงานไฟฟ้าและพลังงานทดแทนอื่น ๆ ได้ในอนาคต เป็นส่วนหนึ่งของระบบพลังงานในเมืองอัจฉริยะอย่างแท้จริ

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ พรีไซซ สามารถชมสินค้าและนวัตกรรมการจัดการพลังงานอัจฉริยะ ดูรายละเอียด หรือสั่งซื้อสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ https://preciseproducts.in.th/ LINE: https://lin.ee/1T37XR1 สอบถามเพิ่มเติม โทร. (+66) 02-584-2367 ต่อ 621 , 065-528-5860
#preciseproducts #powerislife #precise #พรีไซซผู้นำด้านโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ

อ้างอิง
1. โครงการสนับสนุนการออกแบบเมืองอัจฉริยะ, เข้าถึงได้จาก http://www.thailandsmartcities.com/about.html
2.“คน” ต้องมาก่อน “เทคโนโลยี” (2) มอง “สมาร์ทซิตี้” สิงคโปร์, เข้าถึงได้จาก https://thaipublica.org/2018/06/singapore-smart-city-1/
3. 6 Smart Cities น่าอิจฉา ตัวอย่างเมืองดี ๆ ที่เทคโนโลยีช่วยพัฒนา, เข้าถึงได้จาก https://thematter.co/pulse/smart-city/32385
4. โครงการสนับสนุนการออกแบบเมืองอัจฉริยะ, เข้าถึงได้จาก http://www.thailandsmartciti
5. เมืองอัจฉริยะ (Smart City) ต้องมีเทคโนโลยีสำคัญอะไรบ้าง? ,เข้าถึงได้จากhttps://www.greennetworkthailand.com/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%89%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%B0-smart-city/
6. ความร้เกี่ยวกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน, เข้าถึงได้จาก https://www.doe.go.th/
7.นิยาม “เมืองอัจฉริยะ”, เข้าถึงได้จาก https://www.smartcitythailand.or.th/
8.เมืองอัจฉริยะคืออะไรกันแน่ ? , เข้าถึงได้จาก https://thaipublica.org/2020/03/smart-city/
9. BOI e-Journal ปีที่ 02 | 05 ก.ย. – ต.ค. 2562 , เข้าถึงได้จากhttps://www.boi.go.th/upload/ejournal/2019/05/files/extfile/DownloadURL.pdf


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

พรีไซซ” คว้างานการไฟฟ้านครหลวง MEA จ่อรับ 220ลบ. มั่นใจส่งมอบ Smart Load Break Switch ได้ครบเร็วกว่าสัญญาภายในสิ้นปี 63

บริษัท พรีไซซ อีเลคโทร-แมคคานิเคิล เวอร์คส์ จำกัด หรือ PMW ภายใต้สายธุรกิจ Power Distribution & Energy Management ในเครือบริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRECISE ผู้นำด้านการพัฒนาไฟฟ้าและพลังงานอย่างครบวงจร ภายใต้ธรรมภิบาลและความเป็นมืออาชีพ โชว์ผลงานส่งมอบ Smart Load Break Switchให้กับการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA ได้ครบเร็วกว่าสัญญาภายในสิ้นปี 63 แน่นอน โดยได้รับสัญญาซื้อขาย 24 KV 600 A Pole-mounted Load Break Switch 3 phase without voltage transformer และ Telecontrol Device จำนวน 1,440 ชุด จากการเข้าร่วมประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding)

นายวิทูร เจียมจิตต์ตรง ประธานกรรมการ บริษัท พรีไซซ อีเลคโทร-แมคคานิเคิล เวอร์คส์ จำกัด (PMW) เปิดเผยว่า “พรีไซซเองมีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานมากว่า 37 ปี ทั้งนี้สินค้าและบริการของพรีไซซนั้นยังมีความหลากหลายและตอบโจทย์ตามความต้องการอีกหลายด้านที่ครอบคลุม ทั้งหม้อแปลงพรีไซซ ตู้MDB ฟิวส์ สวิตซ์ อุปกรณ์ตัดตอนไฟฟ้า ฯลฯ และรวมไปถึงกลุ่มพลังงาน ที่มีการนำระบบที่ช่วยการประหยัดพลังงาน เช่น ระบบ PEMS โซลาร์รูฟท็อป และระบบ Total Customer Solution ที่สามารถช่วยลดและประหยัดพลังงานได้จริงและครบจบในกระบวนการเดียวที่พรีไซซ เรายังเป็นบริษัทฯเอกชนรายแรกๆที่ภาครัฐให้ความไว้วางใจในการเลือกใช้สินค้าและความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานนี้เองทำให้มีผลงานกับทางภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศมากมาย โดยโครงการ Smart Load Break Switch จำนวน 1,440 ชุดนี้พรีไซซส่งมอบให้กับการไฟฟ้านครหลวง หรือ MEA โดยมีจุดประสงค์ติดตั้งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายไฟฟ้าในกรุงเทพและปริมณฑล ที่ได้มีการส่งมอบไปแล้วจำนวน 750 ชุด และเริ่มติดตั้งใช้งานแล้วในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่เดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา ในรายละเอียดสัญญามีการแบ่งออกเป็น 10 งวดในการส่งมอบ ซึ่งตามสัญญากำหนดส่งมอบให้เสร็จสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี2564 แต่ด้วยกำลังการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูงสามารถผลิต LBS ได้ 300 ชุดต่อเดือน ทำให้ PMW จะสามารถส่งมอบ Smart Load Break Switch ได้ครบก่อนสัญญาภายในสิ้นปี 63 นี้ โดยปัจจุบันทางพรีไซซได้ส่งมอบผลงานไปแล้ว 5 งวด และกำลังทยอยส่งมอบต่อไปจนครบสัญญา เมื่อส่งมอบและติดตั้งครบแล้วจะได้รับรายได้ตามมูลค่าสัญญเป็นมูลค่ากว่า 220 ล้านบาท”

“Smart Load Break Switch ของพรีไซซในสัญญานี้ เป็นสวิตช์สำหรับตัดต่อระบบไฟฟ้าแรงสูง 24kV มีความสามารถเปิดวงจรในระบบจำหน่ายไฟฟ้าขณะที่มีกระแสโหลดได้สูงสุดถึง 630A และรองรับการสั่งงานผ่านระบบรีโมทระยะไกลจากศูนย์สั่งการ โดยผ่านตัวกลางเป็นสายไฟเบอร์ออฟติก ที่มีเสถียรภาพสูง โดยสินค้ารุ่นนี้ได้รับพัฒนา ให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นกว่าเดิม มีการใช้งานที่ง่ายขึ้น ออกแบบให้มีส่วนประกอบชุดกลไกขับเคลื่อนลดลงถึง 70% ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา ยังมีน้ำหนักลดลงจากรุ่นเดิมถึง 40% มีขนาดที่เล็กลงกว่าเดิม 20% ทำให้การติดตั้งใช้งานสะดวกและรวดเร็ว โดยมีการออกแบบภายใต้มาตรฐานสากล IEC 62271-103 และผ่านการทดสอบ Type Test จากห้องทดสอบ Korea Electrotechnology Research Institute (KERI) จากประเทศเกาหลีใต้ ปีนี้เรายังมั่นใจว่า พรีไซซเดินหน้าเตรียมยื่นประมูลงานด้านไฟฟ้าและพลังงานอย่างต่อเนื่อง ที่เริ่มจะเปิดประมูลแข่งขันในช่วงหลังของปีนี้ หลังจากเจอพิษของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้มีการหยุดชะงักไปในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทฯมองว่า ภาพรวมธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ จะกลับเข้าสู่ภาวะการแข่งขันของธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดที่มีสถานการณ์ดีขึ้นในประเทศไทย คาดว่างานประมูลในช่วงหลังจากนี้ ทั้งของ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน จะเริ่มทยอยประกาศออกมาเพิ่มมากขึ้น และการแข่งขันในตลาดส่งออกต่างประเทศก็ยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทางพรีไซซก็ดำเนินงานอยู่ในการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศใกล้เคียง เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และฟิลิปปินส์ เนื่องจากกลุ่มประเทศดังกล่าวยังคงมีความต้องการสินค้าที่เกี่ยวเนื่องไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทิศทางของพรีไซซในปีนี้จะมีอัตราการเติบโตได้ดี และในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังไม่ได้รับกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดมากนัก เนื่องจากมีการปรับแผนต่างๆตามสถานการณ์ตลอดช่วง ส่งผลให้พรีไซซในครึ่งปีหลังนี้มีผลงานเติบโตอย่างโดดเด่นอย่างมีนัยสำคัญ” นายวิทูรกล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ พรีไซซ สามารถชมสินค้าและนวัตกรรมการลดพลังงานอัจฉริยะ หรือดูรายละเอียดได้ที่ https://preciseproducts.in.th/ และ Line Official ID : @preciseproducts หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. (+66) 02-584-2367 และ (+66)63 -227-2871


 

Exit mobile version