Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค รุดหน้าดำเนินการด้านสภาพอากาศ ด้วยบริการลดคาร์บอนในซัพพลายเชนทั่วโลก

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) ผู้นำระดับโลกด้านการจัดการพลังงาน ระบบออโตเมชั่น และความยั่งยืน ประกาศเปิดตัวบริการล้ำหน้าในการลดก๊าซเรือนกระจกในซัพพลายเชนทั่วโลก ซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ แก้ปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกปริมาณมากในแวร์ลูเชน (value chain) ขององค์กร การประกาศดังกล่าวออกมาเพื่อดำเนินการตามจุดมุ่งหมายใหม่ของบริษัทฯ ในการเพิ่มความมุ่งมั่นพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในซัพพลายเชนขององค์กรฯ โดยมุ่งมั่นลดการปล่อยคาร์บอนจากการดำเนินการของซัพพลายเออร์ชั้นนำจำนวน 1,000 แห่งให้ได้ 50 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2025

สำหรับหลายบริษัท คาร์บอนฟุตพริ้นท์หลักๆ จะอยู่ในส่วนของซัพพลายเชนและแวร์ลูเชน (value chain) ทั้งนี้ CDP รายงานว่าตามข้อมูลในปี 2020 จากบริษัทกว่า 8,000 แห่ง มีการปล่อยคาร์บอนในซัพพลายเชนโดยเฉลี่ยจะสูงกว่าการปล่อยคาร์บอนในการดำเนินการทั่วไปมากกว่า 11 เท่า ซึ่งปริมาณเหล่านี้จะยิ่งมากขึ้นในภาคอุตสาหกรรมเช่น ค้าปลีก อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย รวมถึงการบริการ

การนำเสนอของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่อยู่ในภายใต้การบริการ Climate Change Advisory Service ที่ครอบคลุมของบริษัทฯ ช่วยให้องค์กรต่างๆ รับมือกับตัวเลขที่น่าตกใจนี้ ด้วยการผสานรวมทั้งในเรื่องของการร่วมมือกับซัพพลายเออร์ เกณฑ์การวัด การกำหนดกลยุทธ์ และนำมาใช้งานผ่านการจัดหาพลังงานหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพ และการชดเชยคาร์บอน การนำเสนอดังกล่าวต่อยอดจากความสำเร็จของโซลูชันซัพพลายเชนที่พัฒนาเพื่อลูกค้าอยู่แล้ว เช่น Wallmart, Maple Leaf Foods และ Takeda Pharmaceuticals

“แรงผลักดันอย่างต่อเนื่องของการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศในระดับองค์กรนั้นมากมาย ส่วนใหญ่ขับเคลื่อนจากความกดดันของผู้ลงทุนที่เพิ่มขึ้นในเรื่องความโปร่งใสและการเปิดเผยถึงความเสี่ยงทั้งเรื่องสภาพแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล” สตีฟ วิลไฮท์ รองประธานอาวุโส ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “สำหรับบริษัทส่วนใหญ่ ขอบเขตถัดไปจากเรื่องของการดำเนินการคือเรื่องซัพพลายเชน ข่าวดีก็คือการดึงซัพพลายเออร์ให้เข้ามามีส่วนร่วมในความมุ่งมั่นในการดำเนินการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากจะช่วยให้บริษัทตอบสนองต่อแรงกดดันเหล่านั้นได้แล้ว ยังช่วยบ่งชี้ถึงการประหยัดค่าใช้จ่าย พัฒนานวัตกรรม และเพิ่มคุณค่าในสัมพันธภาพกับซัพพลายเออร์”

ในเดือนมกราคม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับการยกย่องจาก Corporate Knights ในฐานะองค์กรที่มีความยั่งยืนมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นการยกย่องที่สะท้อนมาจากความมุ่งมั่นในแนวทางปฏิบัติในการสร้างความยั่งยืนของบริษัทฯ มานานกว่า 15 ปี รวมถึงเป้าหมายในการพัฒนาความยั่งยืนของ U.N.  นอกจากการตั้งเป้าของบริษัทฯ ที่เฉพาะเจาะจงเพื่อการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในซัพพลายเชนของบริษัทให้ได้ภายในปี 2025 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังมุ่งมั่นในการทำงานอย่างจริงจังร่วมกับซัพพลายเออร์ในเชิงกลยุทธ์ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงบรรลุการเป็นซัพพลายเชนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เช่นกัน

เรียนรู้เกี่ยวกับบริการของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในซัพพลายเชน โดยอ่านได้ที่ https://perspectives.se.com

ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค พัฒนาความยั่งยืนไปสู่อีกระดับ รวมถึงโปรแกรมใหม่ในการสร้างผลกระทบด้านความยั่งยืนระหว่างปี 2021-2025 ได้ที่นี่


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค อัดฟีเจอร์ใหม่ให้ TeSys™ island ระบบการบริหารจัดการโหลดดิจิทัลล้ำยุค พร้อมความสามารถในการใช้งานร่วมกับโปรโตคอล PROFIBUS และ PROFINET รองรับการทำงานครบถ้วนในยุค 4.0

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันด้านการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน ประกาศถึงการเพิ่มฟีเจอร์ครั้งสำคัญใน TeSys™ island โซลูชันระบบบริหารจัดการโหลดดิจิทัลได้หลากหลาย

TeSys island ได้รับการแนะนำว่าเป็นนิยามใหม่ของแนวทางในการบริหารจัดการโหลด พร้อมศักยภาพที่ไม่เคยมีมาก่อน ที่ให้ประสิทธิภาพในการออกแบบเครื่องจักร และการติดตั้งรวมไปถึงขั้นตอนการบริการ โดย TeSys island เป็นทั้งระบบบริหารจัดการโหลดแบบอ็อบเจ็กต์ และดำเนินการด้วยระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งรองรับการทำงานสอดคล้องกับผู้ให้บริการข้อมูลสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยความพร้อมในเรื่องของพลังงานขั้นสูงและข้อมูลในการวินิจฉัย จึงช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและการควบคุมโหลดเพื่อจำกัดการเกิดดาวน์ไทม์  ด้วยการออกแบบที่มีประสิทธิภาพของ TeSys island ในลักษณะของโมดูลที่ปรับขยายขีดความสามารถได้ตามต้องการ จึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการประกอบแบบ OEM เนื่องจากช่วยลดการเดินสายไฟได้มาก และประหยัดค่าใช้จ่ายในการผสานรวมการทำงาน เพราะเชื่อมต่อได้ง่ายในสภาพแวดล้อมที่ใช้หลากหลายแบรนด์ผู้ผลิต ช่วยประหยัดการบำรุงรักษาเนื่องจากสามารถบำรุงรักษาจากระยะไกลได้ ผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จากชุดฟังก์ชันมากมาย ที่ขับเคลื่อนประสิทธิภาพในการดำเนินงาน นอกจากนี้ทั้งผู้ใช้และ ผู้ผลิต OEM ยังได้รับประโยชน์จากการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ที่ช่วยลดการดาวน์ไทม์ได้

ง่ายในการใช้ควบคุมมอเตอร์

ปัจจุบันแอปพลิเคชันอวาตาร์สของ TeSys island ได้ถูกเพิ่มไว้ในไลบรารีของฟังก์ชันที่เป็นอวาตาร์ส ซึ่งเป็นดิจิทัลอ็อบเจ็ค ที่ผสานรวมฟังก์ชันการทำงานที่ตั้งโปรแกรมล่วงหน้าได้ แอปพลิเคชันอวตาร์ 2 ตัวใหม่ที่กำหนดค่าได้ ตัวหนึ่งสำหรับแอปพลิเคชันด้านการสูบน้ำ อีกตัวสำหรับแอปพลิเคชันด้านการขนถ่ายลำเลียง ต่างได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ความมั่นใจเรื่องการผสานการทำงานเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานของระบบที่มีอยู่ปัจจุบันได้ง่าย ผ่านการเชื่อมต่อกับ bus coupler และโมดูล I/O ของ TeSys island ผู้ใช้สามารถเลือกโหมดการควบคุมว่าจะให้เป็นแบบรีโมต (ขับเคลื่อนด้วย PLC) ระบบอัตโนมัติ (ขับเคลื่อนด้วยตัวแปรกระบวนการ) หรือเป็นแบบ local (ขับเคลื่อนด้วยผู้ดำเนินการ)

ฟีเจอร์ของแอปพลิเคชั่นอวาตาร์สให้ศักยภาพการดำเนินงานที่ยืดหยุ่นของระบบบริหารจัดการโหลดดิจิทัล TeSys island ด้วยวิธีใหม่หลายแนวทางด้วยกัน

  • โหมดควบคุมอัตโนมัติ (Autonomous control mode) โหมดอัตโนมัติช่วยให้ TeSys island ควบคุมโหลดได้โดยอิสระจาก PLC  ซึ่ง TeSys อวาตาร์ส สามารถตรวจสอบค่าลอจิกที่มาจากเซ็นเซอร์ (เช่น ความดัน, การไหล) และดูให้ตรงกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อให้แน่ใจว่าโหลดทำงานในรูปแบบที่เหมาะสมที่สุด ตัวอย่างเช่น ในโหมดนี้ แอปพลิเคชันสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่มีการเชื่อมต่อกับ PLC ก็ตาม
  • การแจ้งเตือนเชิงพยากรณ์ (Predictive alarms) ระบบ TeSys island สามารถสร้างสัญญาณเตือนและแจ้งเตือนเมื่อกำลังจะเกิดความล้มเหลวในระดับโหลด ก่อนที่ความล้มเหลวจะเกิดขึ้น จึงช่วยลดการดาวน์ไทม์แบบฉับพลัน การแจ้งเตือนเชิงพยากรณ์จะถูกกระตุ้นจากฟังก์ชันการแจ้งเตือนเพื่อป้องกันที่ผสานรวมอยู่ในระบบ (สร้างขึ้นจากค่าเซ็นเซอร์เช่นอุณหภูมิหรือความหนืดของของเหลว) และเงื่อนไขการป้อนตัวแปรของกระบวนการแอปพลิเคชันของอุปกรณ์ (เช่นระดับของเหลวและความดันการไหลในปั๊ม) ตัวอย่างเช่นระบบสามารถเอาคำเตือนทั้งสองเรื่องมารวมกันและระบุว่ามีโอกาสสูงที่ปั๊มจะไม่มีน้ำ หากไม่รีบดำเนินการแก้ไข

การเพิ่มโปรโตคอลการสื่อสาร การยกระดับการป้องกัน และการวินิจฉัยที่สมบูรณ์

นอกจากการอ้างอิงปัจจุบัน ถึงความสามารถในการสื่อสารภายในสภาพแวดล้อม EtherNet / IP และ Modbus-TCP แล้ว ปัจจุบัน TeSys island สามารถใช้งานร่วมกับ PROFIBUS และ PROFINET ได้ นอกจากนี้ ยังมีอวาตาร์สสำหรับการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์เพื่อการป้องกันโดยเฉพาะ การวินิจฉัยที่ล้ำหน้า ยังช่วยตรวจจับความล้มเหลวของอุปกรณ์ที่อยู่ภายในแผงควบคุม หรือความล้มเหลวของโหลดที่เชื่อมต่อ

การผสานรวมพอร์ทัล TIA (Totally Integrated Automation)

ปัจจุบัน TeSys island ทำหน้าที่ดำเนินงานเสมือนเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในพอร์ทัล TIA  ซึ่งจะมีการกำหนดค่า TeSys island ด้วยเครื่องมือกำหนดค่า SoMove ที่สามารถอิมพอร์ตผ่าน AML file interface  นอกจากนี้ยังมีไลบรารีของ function blocks ให้ใช้ภายในพอร์ทัล TIA  โดยจะช่วยให้ธุรกิจ OEM และผู้ใช้งานปลายทาง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการเขียนโปรแกรม และพัฒนาไลบรารีซึ่งช่วยลดกระบวนการทางวิศวกรรมได้

ด้วยคุณสมบัติใหม่เหล่านี้ จึงทำให้ TeSys island ได้รับรางวัลอันดับสามในหมวด Automation ของ SPS Nürnberg ในปี 2019

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของ TeSys island ได้ทาง videoweb site หรือ e-guide.  โดยการฝึกอบรมสำหรับพาร์ทเนอร์ OEMs และผู้ประกอบการเครื่องจักร สามารถเข้าไปดูได้ที่ Partner portal.


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

การนำเทคโนโลยีช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้น เพื่อป้องกันอัคคีภัย

แมทเธีย กุเอลล็อท วิศวกรฝ่ายเทคนิคดีเด่น เชี่ยวชาญด้าน Low Voltage Applications ชไนเดอร์ อิเล็คทริค

หากพูดถึงเรื่องอัคคีภัย การป้องกันคือวิธีที่จะรับมือได้ดีที่สุด การให้ความสำคัญจึงมุ่งเน้นด้านการออกแบบอาคาร รวมถึงวิธีการและขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบุคลากรและสินทรัพย์จะได้รับการป้องกันกรณีเกิดเพลิงไหม้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเพลิงไหม้ ก็นับว่าสายเกินไปสำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ ซึ่งสอดคล้องตามข้อมูลจาก AXA Insurance กล่าวว่าจำนวนองค์กรกว่าครึ่งที่เดือดร้อนจากเหตุเพลิงไหม้ ต้องปิดกิจการลงภายในห้าปีต่อมา

ความสูญเสียจากเหตุระเบิดและเพลิงไหม้ นับเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ทำให้บริษัทประกันต้องชดเชยค่าสินไหมทดแทนด้วยการรับผิดชอบต่อเรื่องดังกล่าวคิดเป็นอัตราเกือบหนึ่งในสี่ (24 เปอร์เซ็นต์) สำหรับการเรียกร้องสินไหมทดแทนที่เกิดขึ้นทั้งหมด กว่า 470,000 รายการที่เกิดขึ้นกับบริษัท Allianz ภายในช่วงเวลาห้าปี มาจากเหตุเพลิงไหม้ที่ทำให้ต้องเสียเงินประกันสูงถึง 14 ล้านยูโร หรือเกือบ 540 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายจากการเกิดเพลิงไหม้กลายเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากเมื่อพิจารณาในแง่ของการเสื่อมเสียชื่อเสียงและเสียส่วนแบ่งทางการตลาดอันเป็นผลมาจากการหยุดชะงักของธุรกิจ

การเกิดเพลิงไหม้เป็นอันตรายโดยตรงต่อชีวิต รวมถึงสินทรัพย์และสภาพคล่องของธุรกิจ ฉะนั้นการมีแผนรับมือกับการเกิดเพลิงไหม้เพียงอย่างเดียวนับว่าไม่เพียงพอ คุณจำเป็นต้องมีกลยุทธ์การป้องกันการเกิดเพลิงไหม้ได้อย่างครอบคลุมด้วยการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการตรวจจับความผิดปกติ พร้อมทั้งการดำเนินการตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที

เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

การเกิดเพลิงไหม้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งปัจจุบันมาตรฐานที่มี ช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่าอาคารจะได้รับการปกป้องอย่างถูกวิธีจากเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าเกินซึ่งมีสาเหตุมาจากการเกิดโอเวอร์โหลดและลัดวงจร

อย่างไรก็ตาม การเกิดเพลิงไหม้จากกระแสไฟฟ้าเกินยังอาจเกิดจากความผิดพลาดระหว่างการติดตั้ง เช่น การเดินสายหลวมหรือใช้แผงวงจรเก่า ซึ่งระบบป้องกันกระแสไฟเกินจะไม่สามารถตรวจจับเรื่องเหล่านี้ได้ จริงๆแล้วฉนวนที่ชำรุดหรือสึกหรอเป็นสาเหตุของเพลิงไหม้จากระบบไฟฟ้าภายในอาคารโดยคิดเป็นอัตรา 14 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอาคารขนาดใหญ่ที่มีการติดตั้งสายไฟจำนวนมากจะยิ่งเกิดความเสี่ยงมากขึ้น

ยังคงมีจุดบอดที่คุณไม่สามารถมองข้ามได้ ผู้จัดการอาคารหรือวิศวกรที่ปรึกษาทำได้เพียงเล็กน้อยในการปกป้องอาคารหากเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งความสูญเสียและการหยุดชะงักของธุรกิจอาจสร้างความเสียหายอย่างมาก

สำหรับการป้องกันสูงสุดนั้น คุณจำเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและเชื่อถือได้ซึ่งอยู่เหนือมาตรฐาน เพื่อป้องกันก่อนเกิดเพลิงไหม้ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งหมายความว่ามีการป้องกันเสริมในส่วนของแผงสวิตช์และวงจรในการติดตั้งระบบไฟฟ้าในทุกกระดับ และเสริมความมั่นคงด้วยระบบตรวจสอบและจัดการอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้ตรวจสอบและดำเนินการได้ในเชิงรุก

ความเสี่ยงและความผิดปกติของฉนวนสายไฟมีให้เห็นมากขึ้นและอาจส่งผลต่อเนื่องที่ร้ายแรง โดยความผิดปกติของการเกิดประกายไฟที่มีความหนาแน่นต่ำ อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมที่มีฝุ่นมากและความชื้นสูง ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้จนกระทั่งเสียชีวิตได้ หากไม่มีการป้องกันไว้ก่อนหน้านี้ การจะช่วยให้ความมั่นใจเรื่องการป้องกันความผิดปกติของฉนวนสายไฟ คือการใช้อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว ซึ่งจะทำงานกรณีเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินเกิน 300mA  ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ ComPacT NSX และ NSXm ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) ให้การป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินในลักษณะเดียวกับการป้องกันกระแสไฟฟ้าลัดวงจรและโอเวอร์โหลดแบบทั่วไป นอกจากนี้ โซลูชันดังกล่าวยังสามารถตรวจวัดกระแสไฟฟ้ารั่วลงดินอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อมต่อเข้ากับระบบตรวจสอบ ก็จะช่วยเรื่องการแจ้งเตือนล่วงหน้า อีกทั้งคอยตรวจสอบการเกิดความต่างศักย์ของฉนวนไฟฟ้า

นอกจากนี้ วงจรที่เชื่อมต่อกับโหลดปลายทางมีการแนะนำตามมาตรฐาน IEC60364 ว่าควรได้รับการป้องกันด้วยอุปกรณ์ตรวจสอบความผิดปกติของการเกิดอาร์ก (AFDD – Arc Fault Detection Device) ซึ่งเซอร์กิตเบรกเกอร์จะทำหน้าที่ตัดแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้าเมื่อตรวจเจอความผิดปกติของการเกิดอาร์กในวงจร โดยอุปกรณ์ AFDD จะหยุดจ่ายกระแสไฟฟ้าทันที ซึ่งจะช่วยหยุดความผิดปกติไม่ให้เกินจุดที่อุณหภูมิสูงจนเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้

ตู้สวิตช์บอร์ดอาจเป็นจุดอันตรายสำหรับการเกิดเพลิงไหม้ สิ่งสำคัญที่อยากจะเน้นคือ การปฏิบัติตามกฎข้อบังคับด้านการออกแบบและการผลิตตู้สวิตช์บอร์ด อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงและปัญหาอันเนื่องมาจากการเชื่อมต่อยังสามารถเกิดขึ้น ด้วยปัจจัยสำคัญที่เป็นผลสืบเนื่องจากความต้านทานของจุดเชื่อมต่อในระบบไฟฟ้าก่อให้เกิดการเสื่อมสภาพ เป็นสาเหตุให้อุณหภูมิสูงขึ้น  และทำให้พื้นผิวการเชื่อมต่อเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ก่อให้เกิดวงจรของปัญหาที่ทำให้ความต้านทานของหน้าสัมผัสเพิ่มขึ้นอีก ผลลัพธ์ของการที่ไม่สามารถควบคุมความร้อนได้จะกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้การเชื่อมต่อล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงอาจทำให้เกิดการระเบิดและเพลิงไหม้ได้

นอกจากนั้น ยังมีอีกสองสามทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยของอุปกรณ์ตลอดช่วงอายุการใช้งานนั้น

  • การปรับปรุงจุดเชื่อมต่อให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์เสริมที่ผ่านการทดสอบและประกอบมาสำเร็จรูป เข้ากับสวิตช์บอร์ด เช่น ระบบ Linergy ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค หรือขั้วต่อพิเศษของอุปกรณ์ป้องกันการคลายตัวของจุดเชื่อมต่อ เช่น EverLink
  • การใช้ระบบตรวจวัดความร้อน เพื่อตรวจจับความผิดปกติที่จุดเชื่อมต่อและแจ้งเตือนเรื่องอุณหภูมิได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อติดตั้งสวิตช์เกียร์ในพื้นที่สำคัญ Easergy TH110 และ CL110 เซนเซอร์วัดความร้อน ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค จะทำหน้าที่วัดอุณหภูมิจุดเชื่อมต่อและแจ้งเตือนอุณหภูมิที่เหมาะสมได้อย่างแม่นยำ
  • ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กำลังพัฒนาเซนเซอร์อัจฉริยะ ที่สามารถตรวจจับอนุภาคก๊าซที่ปล่อยออกมาจากสายไฟเพื่อเตือนผู้ปฏิบัติงานในกรณีที่อุณหภูมิสูงถึงระดับที่เป็นอันตรายได้ก่อนที่จะเกิดวิกฤติ

อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงของการเกิดเพลิงไหม้อาจเพิ่มขึ้น อันเนื่องมาจากอุปกรณ์และส่วนประกอบต่างๆ ถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน ดังนั้น การเลือกช่วงเวลาของการซ่อมบำรุงได้อย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก อีกทั้งระบบคลาวด์และระบบช่วยวิเคราะห์ จะสามารถวิเคราะห์สภาพการใช้งาน สถานะและประวัติการทำงานของอุปกรณ์สำคัญได้ การแจ้งเตือนพร้อมการให้บริการแบบ 24/7 ทั้งนี้โซลูชัน EcoStruxure™ Asset Advisor ยังสามารถให้การวิเคราะห์พร้อมคำแนะนำตามเงื่อนไขได้ในลักษณะเชิงรุกผ่านการรายงานตามช่วงเวลา

การเกิดเหตุเพลิงไหม้เป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เมื่อคุณทำตามวิธีที่ถูกต้องสำหรับการป้องกันอัคคีภัยด้วยเครื่องมือที่ดีที่สุด จะช่วยรักษาชีวิตผู้คนและธุรกิจของคุณได้ หัวใจสำคัญคือการปฏิบัติตามแนวทาง โดยใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมช่วยตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลจากอุปกรณ์ในระบบไฟฟ้าของคุณทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง วิธีดังกล่าวช่วยให้คุณสามารถระบุความเสี่ยงที่เป็นปัจจัยหลักของการเกิดเพลิงไหม้ และดำเนินการแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ด้วยกลยุทธ์ด้านการป้องกันอัคคีภัยแบบมืออาชีพที่เชื่อมต่อกันอย่างเป็นระบบ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าธุรกิจของคุณจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลกับคุณ เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทางไปยังคลาวด์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการ ทั้งสำหรับบ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและระบบนิเวศของคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และคุณค่าในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่! EasyPact EZS เบรกเกอร์น้องใหม่

ชไนเดอร์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่! EasyPact EZS เบรกเกอร์น้องใหม่ ง่ายจนใครๆ ก็ยกนิ้วให้ ชูโรงง่ายๆ ด้วยแบบ โพล เฟรม ขนาด ความง่าย

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) เปิดตัว EasyPact EZS เบรกเกอร์ MCCB (Molded-Case Circuit Breaker) รุ่นใหม่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม ‘ชไนเดอร์ อีซี่’ ที่ราคาคุ้มค่า ปรับตั้งค่ามาจากโรงงานแบบสำเร็จรูป พร้อมใช้งานทันที ลดเวลาในการติดตั้งและการปรับตั้งค่า เหมาะสำหรับตู้ ตู้ควบคุมไฟฟ้าที่ติดตั้งในอาคาร สำนักงานขนาดเล็ก เช่น อพาร์ทเมนท์ อาคารพาณิชย์ โรงงานขนาดเล็ก เป็นต้น EasyPact EZS รุ่นใหม่มาพร้อม 3 ความง่าย

ง่ายต่อการเลือกใช้ ไม่ต้องคิดเยอะ! ทุกรุ่นเป็นแบบ 3 โพล มี 3 เฟรม 3 ขนาด ได้แก่ ขนาดเล็ก 100A ทนกระแสลัดวงจร 25-50 kA ขนาดกลาง 160-250A ทนกระแสลัดวงจร 25/36 kA ขนาดใหญ่ 400-630A ทนกระแสลัดวงจร 36/50 kA

ง่ายต่อการติดตั้ง! เนื่องจากมีขนาดเฟรมที่ชัดเจน ช่วยให้ง่ายในการติดตั้งตามสเปคที่ต้องการ ทำให้งานเสร็จไว อีกทั้งเพิ่มความยืนหยุ่นในการเลือกใช้รุ่นกระแสทดแทนกันได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนแบบตู้ใหม่ เช่น การเปลี่ยน ขนาดเบรกเกอร์ 63A เป็นรุ่นขนาด 100A  ได้อย่างง่ายๆ โดยการใช้ตู้เดิม นอกจากนี้ สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพื่อเพิ่มความสะดวก และเพิ่มศักยภาพการทำงานที่มากขึ้น เช่น Trip release coils, Auxiliary signaling, contacts และ Rotary handles และยังสามารถเข้าถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ วิดีโอแนะนำการติดตั้งเบรกเกอร์และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ง่าย ผ่านสติ๊กเกอร์ QR Code ข้างผลิตภัณฑ์ได้

ง่ายต่อการใช้งาน! เนื่องจากทริปยูนิตเป็นแบบพร้อมใช้งาน ช่วยลดความยุ่งยาก และความผิดพลาด พร้อมการันตีความทนทานและอายุการใช้งานสูงที่สุดด้วย Ics = 100% Icu ตั้งแต่เฟรม160 ขึ้นไป ที่สำคัญมั่นใจด้วยคุณภาพมาตรฐานสากล และเป็นผลิตภัณฑ์ Green Premium

EasyPact EZS เบรกเกอร์ MCCB รุ่นใหม่แบบ 3 โพล 3 เฟรม 3 ขนาด 3 ความง่าย เหมาะสำหรับงานอาคารขนาดเล็กทั่วไป เช่น อพาร์ทเมนท์ หอพัก โรงแรมขนาดเล็ก โฮสเทล อาคารพาณิชย์ เป็นต้น และนับว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผลิตออกมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานได้กว้างขวางขึ้น ง่ายขึ้น พร้อมราคาที่คุ้มค่า

หาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ Schneider Easy Shop และร้านไฟฟ้าชั้นนำทั่วประเทศ หรือซื้อออนไลน์ได้ที่

ร้านค้าออนไลน์อย่างเป็นทางการ (LazMall Flagship Store) ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค: https://bit.ly/3iDLHzt

หรือ ตัวแทนจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์

Ucanbuys | Factomart | Electric2U Plug On

ดูวิดีโอ https://youtu.be/tmWj655EdrM

เยี่ยมชมเว็บไซต์ https://www.se.com/th/th/product-range/63301-easypact-ezs/


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ก้าวสู่เกียรติยศสูงสุด อันดับหนึ่งในการเป็นบริษัทที่ยั่งยืนที่สุดในโลก

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) ผู้นำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันด้านการบริหารจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน ได้รับการจัดอันดับให้เป็น บริษัทที่ยั่งยืนอันดับหนึ่งในโลก ในทำเนียบรายชื่ออันทรงเกียรติประจำปี ที่รวบรวมโดย Corporate Knights ซึ่งเป็นบริษัทด้านสื่อและการวิจัย ที่มุ่งเน้นประสิทธิภาพด้านความยั่งยืนขององค์กรระดับคอร์ปอเรต

ฌอง ปาสคาล ตริคัวร์ ประธานและซีอีโอ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า“เรารู้สึกเป็นเกียรติและปลื้มปิติเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับการจัดให้เป็นอันดับ จาก Corporate Knights นับเป็นกำลังใจสำคัญสำหรับทีมงานและพันธมิตรของเรา ซึ่งการได้รับการยอมรับครั้งยิ่งใหญ่นี้ มาจากการที่เราได้มีส่วนร่วมเป็นเวลานานกว่า 15 ปี ในการทำให้บริษัทของเราและโลกนี้เป็นสีเขียวยิ่งขึ้น และมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น ซึ่งความยั่งยืนนั้นนับเป็นการเดินทางเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จร่วมกับพนักงาน คู่ค้าและลูกค้าของเรา ตลอดจนชุมชนที่เรามีการดำเนินการอยู่ การได้รับการยอมรับในครั้งนี้จึงส่งไปถึงกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยเช่นกัน”

อันดับหนึ่งจากองค์กร 100 แห่งที่ยั่งยืนที่สุดในโลกประจำปี 2021 (2021 Global 100 Most Sustainable Corporations) จัดทำโดย Corporate Knights โดยเป็นการจัดอันดับที่นับได้ว่าเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ จากอันดับที่ 29 ในปีที่ผ่านมา และแสดงให้เห็นถึงองค์ความรู้จากภายนอกของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในเรื่องของความมุ่งมั่นที่มีมายาวนานในการรับมือกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG)

“เหรียญมีสองด้าน เรื่องความยั่งยืนก็เช่นกัน” กิลเลส เวอร์มอท เดโรเช รองประธานอาวุโส ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “เรามุ่งเน้นการปฏิบัติเป็นตัวอย่างทั้งจากการดำเนินการภายในและในระบบนิเวศของเราเอง และเราทำงานเพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโซลูชั่นสำหรับลูกค้าเรา โดยหลักการความยั่งยืนจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ เสริมสร้างนวัตกรรม และสร้างความดึงดูดใจในการเป็นองค์กรที่น่าทำงานด้วย ซึ่งเหล่านี้จะช่วยสร้างคุณค่าให้องค์กรมากขึ้น”

การจัดอันดับในปี 2021 ของ Corporate Knights ใช้ฐานการประเมินบริษัทจำนวน 8,080 แห่งที่มีรายได้มากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ  ซึ่งตัวชี้วัดเรื่องของประสิทธิภาพ จะรวมถึงการประเมินว่าองค์กรเหล่านี้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนมากน้อยแค่ไหนและปล่อยของเสียมากแค่ไหน โดยในปีนี้ ได้มีการรวมตัวชี้วัดใหม่ๆ ในเรื่องของการลาป่วย ความหลากหลายทางเชื้อชาติของกรรมการและผู้บริหาร รวมถึงการลงทุนในพลังงานสะอาด

บริษัทที่มีฐานอยู่ในเมืองโตรอนโตได้เรียกร้องให้ ชไนเดอร์ ก้าวไปอย่างมั่นคง เพื่อมุ่งสู่ผลิตภัณฑ์และการบริการที่ช่วยให้ลูกค้าบริหารจัดการความต้องการด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

“ในไม่กี่ทศวรรษมานี้ ชไนเดอร์ ได้หันมามุ่งเน้นเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์ สตอเรจ และแหล่งพลังงานแบบกระจายศูนย์ รวมถึงโซลูชันอัจฉริยะต่างๆ ที่ให้ความก้าวหน้าเรื่องระบบไฟฟ้า ประสิทธิภาพด้านพลังงานและให้ความสามารถด้านการหมุนเวียน ปัจจุบันรายได้ 70 เปอร์เซ็นต์มาจากเรื่องเหล่านี้ พร้อมกับ 73 เปอร์เซ็นต์ของการลงทุนจะมุ่งตรงไปที่โซลูชันที่ให้ความยั่งยืน” โทบี้ ฮีบส์ ซีอีโอ Corporate Knights กล่าว “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ยังได้ดำเนินการอย่างจริงจังในเรื่องของความทัดเทียมทางเพศและเชื้อชาติ รวมถึงการสร้างผลิตผลของทรัพยากรและความปลอดภัย”

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นกลุ่มผู้นำรายแรกๆ ที่ให้ความสำคัญกับ ESG และยังเพิ่มพันธสัญญาเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นพยายามมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดช่วงเวลาหนึ่งทศวรรษครึ่งที่ผ่านมา การเร่งสู่กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนล่าสุดที่ประกาศไปเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ยังรวมถึงเรื่องพันธสัญญาระยะยาว 6 ประการ และเป้าหมายที่เป็นรูปธรรมอีก 11 ประการ ที่จะต้องทำให้ได้ภายในปี 2025  พร้อมกันนี้ สิ่งเหล่านี้ คือการมุ่งเพื่อช่วยให้ทั้ง ชไนเดอร์ องค์กรธุรกิจต่างๆ และชุมชนทั้งหลายที่ ชไนเดอร์ ให้บริการและมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนการมีส่วนร่วมกับเรื่องดังกล่าวในสังคม รายละเอียดเพิ่มเติม คลิกดูได้ที่นี่

Hashtags:  #LifeIsOn #Sustainability #ESG #OurImpact

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายของชไนเดอร์ อิเล็คทริค คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยงความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเราคือการเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัลกับคุณ เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัล ด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เข้ากับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่จุดเชื่อมต่อปลายทางไปยังคลาวด์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรชีวิตการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพในการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการ ทั้งสำหรับบ้าน อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและระบบนิเวศของคู่ค้าที่มีความมุ่งมั่นแรงกล้าในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน และคุณค่าในการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวพร้อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ใช้ AI ช่วยให้คำปรึกษาและติดตั้งระบบ เร่งหนุนลูกค้าใช้โปรแกรมด้านพลังงาน ความยั่งยืน

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันในการจัดการพลังงานและระบบออโตเมชัน ประกาศผลที่ได้จากการลงทุนครั้งใหม่หลายล้านเหรียญในส่วนเครื่องมือด้านแมชชีนเลิร์นนิ่งและวิทยาศาสตร์ข้อมูล การลงทุนครั้งนี้เป็นการนำ AI มาช่วยในการให้คำปรึกษาเพื่อนำเสนอบริการด้านพลังงานและความยั่งยืน ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงเครื่องมือดิจิทัลระดับเน็กซ์เจน ช่วยปรับปรุงมุมมองเชิงลึกและการวิเคราะห์ในส่วนของพอร์ตด้านพลังงานและความยั่งยืนของบริษัท อีกทั้งช่วยผลักดันผลลัพธ์ที่ให้ประสิทธิภาพมากขึ้นทั้งด้านการเงินและการสร้างคุณค่าให้กับองค์กร เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นด้านสภาพอากาศและดำเนินตามเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับการลดการใช้ทรัพยากรอื่นๆ

การลงทุนดังกล่าวช่วยให้ใช้ทรัพยากรในองค์กรได้อย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพ และช่วยลดข้อมูลระหว่างที่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและพลังงานครั้งใหญ่ในทั่วโลก บริษัทส่วนใหญ่ในปัจจุบันยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายด้านข้อมูลที่จำกัดแนวทางในการสร้างความยั่งยืน โดยบริษัทเหล่านี้ต่างต้องพยายามรับมือกับค่าใช้จ่ายด้านข้อมูลและการใช้ทรัพยากรที่ไม่สอดคล้อง ไม่สมบรูณ์ ในปริมาณที่มากเกินไป และมีคุณภาพต่ำ ซึ่งการนำ AI มาใช้ช่วยให้บริษัทต่างๆ ได้รับคุณค่าจากข้อมูลที่สร้างได้มากยิ่งขึ้น และให้การวิเคราะห์ที่แม่นยำขึ้น มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อใช้เป็นพื้นฐานสำหรับกลยุทธ์ด้านพลังงานและความยั่งยืน

การเสริมแมชชีนเลิร์นนิ่งและข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ไว้ในบริการการให้คำปรึกษาด้านพลังงานและความยั่งยืน เป็นความเชี่ยวชาญที่สืบทอดมายาวนานนับหลายทศวรรษของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยต่อยอดแนวทางของลูกค้าในการจัดหาและเลือกซื้อพลังงานรวมถึงบริหารจัดการทรัพยากรได้เป็นอย่างดี การลงทุนในเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ลูกค้า โดยช่วยให้ได้รับประโยชน์จากความสามารถในการคาดการณ์ได้ดียิ่งขึ้นและช่วยเพิ่มมุมมองเชิงลึก การยกระดับความสามารถเหล่านี้จะช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนข้อมูลเป็นมุมมองเชิงลึกที่มีค่าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ให้คำแนะนำได้ตรงประเด็นต่อความต้องการของลูกค้ามากขึ้น และให้การสนับสนุนลูกค้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการรักษาสภาพแวดล้อมได้ในระยะยาว นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถสรุปได้อย่างมั่นใจถึงการช่วยลดค่าใช้จ่าย บริหารจัดการความเสี่ยง ช่วยเก็บเกี่ยวโอกาส และสร้างความยืดหยุ่นให้กับกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน

“เราเห็นโอกาสมหาศาลจากการนำข้อมูลและมุมมองเชิงลึกที่สร้างโดยองค์กรปัจจุบันมาใช้ เพื่อให้ได้รับสิ่งที่มากกว่าแค่เรื่องประโยชน์ในการดำเนินงาน เมื่อผสานรวมข้อมูลดังกล่าวกับความเชี่ยวชาญของทีมงานระดับโลก สามารถนำมาต่อยอดแนวทางในการสร้างความยั่งยืนขององค์กรได้อย่างโดดเด่น” สตีฟ วิลไฮท์ รองประธานอาวุโส ชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “แนวทางการผสานระหว่างสติปัญญาของมนุษย์กับจักรกล เป็นที่พิสูจน์แล้วว่ามีการนำมาประยุกต์ใช้กับการบริการด้านการเงิน และที่ปรึกษาด้านธุรกิจแบบเดิมแล้ว โดยเราพบว่าความชาญฉลาดในการประสานความร่วมมือที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ร่วมกับที่ปรึกษาระดับโลก ช่วยให้ลูกค้าของเราสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขันที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความยั่งยืนได้”

การลงทุนของบริษัทในบริการระดับเน็กซ์เจนนี้นำไปสู่โอกาสใหม่สำหรับลูกค้าในทุกอุตสาหกรรม ในขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมการนำเสนอที่มีอยู่ปัจจุบัน เช่น โซลูชัน EcoStruxure Resource AdvisorÔ ซึ่งให้ความสามารถในเรื่องต่างๆ ต่อไปนี้

· จับคู่ข้อมูลได้ตรงกับข้อเสนอแนะที่ช่วยเร่งตอบโจทย์เฉพาะสำหรับลูกค้าได้มากขึ้น

· การต่อยอดครั้งใหม่ที่ช่วยให้บริหารแหล่งพลังงานทางเลือกที่กระจายอยู่ตามที่ต่างๆ (DERs) ความเสี่ยงราคาสินค้า และอุปกรณ์เชื่อมต่อได้ดียิ่งขึ้น

· เพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น Robotic Process Automation ที่ช่วยให้มองเห็นข้อผิดพลาด และตรวจพบโอกาสใหม่ในการประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึงมากกว่าแต่ก่อน

· ช่วยให้พอร์ตด้านพลังงานมีความน่าเชื่อถือและมีความยืดหยุ่นแบบเรียลไทม์มากยิ่งขึ้น

· ให้มุมมองที่ดูได้จากมือถือที่เข้าถึงข้อมูลได้ตลอดทุกเวลา

“การลงทุนนี้เป็นผลจากการรับฟังและตอบสนองความต้องการของลูกค้า พร้อมกับการลงทุนในเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า ผลลัพธ์ที่ได้คือเฟรมเวิร์คการทำงานที่ช่วยให้เราตอบสนองความต้องการด้านพลังงานและประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร รวมถึงระบบการจัดซื้อของบริษัทรายใหญ่ในแนวทางที่รวมเป็นหนึ่งเดียวสำหรับลูกค้า” วิลไฮท์ กล่าว “นอกจากนี้ ยังช่วยให้ทีมงานมีเวลาว่างสำหรับไปติดต่อกับลูกค้าของเราได้มากยิ่งขึ้น การทำให้กระบวนการด้านข้อมูลเป็นระบบอัตโนมัติและแสดงผลลัพธ์ของลูกค้าออกมาเป็นภาพเคลื่อนไหวได้อย่างล้ำหน้านี้ จะช่วยเสริมและเร่งสู่การตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น ทีมงานของเราสามารถนำเสนอโซลูชันที่มีนวัตกรรมมากขึ้น เร็วขึ้น และให้ความยั่งยืนมากขึ้นในยุคที่สภาพอากาศเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยให้ผลพลอยได้เรื่องผลกำไรที่เพิ่มขึ้นและให้ประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย” Hashtags: #LifeIsOn #Sustainability

เกี่ยวกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค

เป้าหมายหลัก ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค(Schneider Electric) คือการช่วยให้ทุกคนใช้พลังงานและทรัพยากรได้เกิดประโยชน์สูงสุด เชื่อมโยง ความก้าวหน้าและความยั่งยืนเพื่อประโยชน์ของทุกคน เราเรียกสิ่งนี้ว่า Life Is On

ภารกิจของเรา คือ การเป็นพันธมิตรด้านดิจิทัล เพื่อสร้างประสิทธิภาพและความยั่งยืน

เราขับเคลื่อนการปฏิรูปสู่ดิจิทัลด้วยการผสานรวมเทคโนโลยีชั้นนำของโลกด้านพลังงานและกระบวนการจัดการ เชื่อมต่อจากปลายทางไปยังคลาวด์ เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ ระบบควบคุม รวมถึงซอฟต์แวร์และการบริการครอบคลุมตลอดวงจรการทำงานทั้งหมด เพื่อสร้างศักยภาพสูงสุดในการบริหารจัดการองค์กร สำหรับที่อยู่อาศัย อาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบโครงสร้างพื้นฐานและอุตสาหกรรม

เราคือบริษัทระดับโลกที่มีการดำเนินงานในระดับท้องถิ่นมากที่สุด เราสนับสนุนมาตรฐานระบบเปิดและสนับสนุนกลยุทธ์การสร้างระบบนิเวศของคู่ค้าซึ่งมีความมุ่งมั่นในการทำตามวัตถุประสงค์อย่างมีเป้าหมายร่วมกัน


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัวสวิตช์ปลั๊กโฉมใหม่ AvatarOn A ติดตั้งง่าย ครบทุกความต้องการในแบรนด์เดียว

กรุงเทพ- 5พฤศจิกายน 2563: ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เปิดตัวสวิตช์ไฟและเต้ารับรุ่นใหม่ AvatarOn A ดีไซน์ระดับพรีเมี่ยม แบบไร้กรอบ เรียบหรู ดูดี ลงตัวในทุกดีไซน์ ครบทุกความต้องการสำหรับที่พักอาศัยเจนเนอร์เรชั่นใหม่ ให้ความปลอดภัยสูง สามารถปรับแต่งรวมสวิตช์และเต้ารับได้หลากหลายรูปแบบตามลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันในแต่ละห้อง แต่ละพื้นที่ มาพร้อมเทคโนโลยีอีซี่คลิป(Easy Clip) ช่วยให้ติดตั้งง่าย AvatarOn A ยังผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และได้รับมาตรฐาน IEC (International Electro technical Commission)

นายกุศล กุศลส่ง รองประธาน Home& Distributions ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ประเทศไทย ลาว และเมียนมา เผยว่า สังคมและยุคสมัยเปลี่ยนไป ผลิตภัณฑ์ต้องรองรับการเปลี่ยนรูปแบบในการใช้ชีวิตของผู้บริโภคเป็นหลัก ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงให้ความสำคัญด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กลุ่มสวิตช์และเต้ารับให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครอบคลุม และให้ความปลอดภัยแก่ผู้ใช้งาน AvatarOn A นับเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของสวิตช์ไฟและเต้ารับ ที่จะเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิตและการพักผ่อนในบ้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ ให้ความยืดหยุ่นในการใช้งาน โดยสามารถเลือกจับคู่ประเภทของสวิตช์และเต้ารับให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้งานแต่ละคน กิจกรรมในแต่ละห้องหรือแต่ละพื้นที่ เช่น การผสมระหว่างโมดูลชาร์จ USB กับปุ่มไฟหรี่และปุ่มควบคุมพัดลมบริเวณหัวนอนเพื่อสะดวกในการใช้งานสิ่งต่างๆ โดยไม่ต้องลุกจากที่นอน โดยใน 1 เต้าสามารถใส่ได้สูงสุดถึง 3 โมดูล นอกจากนี้สวิตช์ไฟของเรายังมีความโดดเด่นด้วยเสียงคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความปลอดภัยทุกครั้งที่กด ด้วยการออกแบบภายในที่ไม่เหมือนใคร มีการขยายระยะห่างระหว่างจุดสัมผัสภายในสวิตช์ เพื่อลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่เกิดจากแรงดันไฟฟ้าที่สูงแบบเฉียบพลันอีกด้วย AvatarOn A จึงถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยยุคใหม่ได้ดีทีเดียว ด้วยการออกแบบที่ไม่ได้แค่เพียงสวยงาม แต่ให้ความปลอดภัย พร้อมๆ กับโมดูลที่สามารถเลือกให้รวมอยู่ในเต้าเดียวกันได้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการติดตั้งเต้าแยก หรือต้องเจาะผนังจำนวนมาก”

AvatarOn A นับเป็นแรงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการในอีโคซิสเต็มแบบ 360 องศา ทั้งผู้พักอาศัย สถาปนิก เจ้าของโครงการหมู่บ้าน คอนโด และช่างไฟ ทั้งยังหาซื้อง่ายตามร้านขายวัสดุก่อสร้าง ร้านขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ มีสีให้เลือกถึง 3 เฉดสี ได้แก่ สีขาว สีเทา และสีดำ มีโมดูลต่างๆ ให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโมดูลสวิตช์ที่มีให้เลือกถึง 4 แบบ 3 ขนาด โมดูลเต้ารับมีให้เลือกถึง 3 ขนาด มีทั้งเต้ารับปลั๊กจากอุปกรณ์ไฟฟ้า และเต้ารับ USB ทั้ง type A และ type C นอกจากนี้ยังมีโมดูล VDI โมดูลไฟหรี่ ปุ่มกดฉุกเฉิน และ โมดูลฝาครอบเสริมโลหะขนาดต่างๆ อีกด้วย เรียกได้ว่าเติมเต็มความต้องการสำหรับชีวิตยุคใหม่ได้อย่างครบครัน

AvatarOn A เริ่มวางจำหน่ายภายในเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ที่ร้านค้าไฟฟ้าและร้านค้าออนไลน์ทั่วประเทศ
https://www.se.com/th/th/home/products/avatarona/


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

หัวใจสำคัญ 3 ประการ ในการสร้างไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อปฏิรูปสภาพแวดล้อมทางการค้าและอุตสาหกรรมสู่ดิจิทัล

โดย วินเซนโซ ซาลเมอรี รองประธานฝ่าย คอมเมอร์เชียลและอุตสาหกรรม ชไนเดอร์ อิเล็คทริค

ในภาคอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ การแข่งขันสู่การปฏิรูปดิจิทัลยังคงดำเนินต่อไป มีหลายบริษัทนำเทคโนโลยี อุตสาหกรรม 4.0 มาช่วยเพิ่มคุณภาพและผลิตผล และเพื่อให้ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยในการแข่งขัน บริษัททั้งหลายต้องสร้างศักยภาพด้านเอดจ์คอมพิวติ้งที่ปลอดภัย ให้ความน่าเชื่อถือ ซึ่งต้องอาศัยระบบโครงสร้างของไมโครดาต้าเซ็นเตอร์มาช่วยตอบสนองเรื่องดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม

อุตสาหกรรม 4.0 เกิดจากการผลักดันด้วยเทคโนโลยีอย่างแท้จริง ซึ่งมาจากการประยุกต์ใช้อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ เพื่อรวบรวมข้อมูลจากเครื่องจักรและอุปกรณ์ทุกรูปแบบมาช่วยปรับปรุงผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ และปรับปรุงกระบวนการทำงาน เหล่านี้คือประโยชน์บางส่วน การประยุกต์ใช้ IIoT หรือเทคโนโลยี IoT สำหรับภาคอุตสาหกรรม ยังช่วยในเรื่องการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน (preventive maintenance) ที่ช่วยเพิ่มเรื่องอัพไทม์ และลดค่าใช้จ่าย

ข้อมูล และข้อมูลในทุกแห่งหน
บริษัท วิจัย ไอดีซี คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 จะมี “อุปกรณ์” ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้จำนวน 40,000 ล้านชิ้น ซึ่งจะสร้างปริมาณข้อมูลมากถึงเกือบ 80 เซตตะไบต์ (หรือหนึ่งพันล้านล้านล้านไบต์) ในปี ซึ่งปริมาณข้อมูลที่เกิดจากอุปกรณ์ IoT ที่เชื่อมต่อกัน จะทำให้เราได้เห็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ที่ 28.7 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเวลาที่ไอดีซีได้คาดการณ์ไว้สำหรับปี 2018 ถึง 2025 แต่สำหรับภาคอุตสาหกรรมและยานยนต์จะเติบโตมากกว่า 2 เท่า คือ 60 เปอร์เซ็นต์ ตามที่ไอดีซีกล่าว

เรากำลังพูดถึงข้อมูลจำนวนมหาศาล บล็อกโพสต์ของซิสโก้ในปี 2016 (ช่วงที่ทราฟฟิกบนอินเทอร์เน็ตมีปริมาณเกินระดับของ ZB) ได้ให้ภาพรวมไว้อย่างดี ให้ลองคิดว่าข้อมูลหนึ่ง ZB หรือเซตตะไบต์ มีจำนวนเทียบเท่า 1,000 เทระไบต์ และถ้าแต่ละเทระไบต์ที่อยู่ในหนึ่งเซตตะไบต์ มีความยาวเท่ากับ 1 กิโลเมตร ก็จะมีความยาวเท่ากับการเดินทางไปกลับดวงจันทร์ 1,300 รอบ แต่ละรอบคิดเป็นระยะทาง 768,800 กิโลเมตร
และเมื่อคุณมีปริมาณข้อมูลขนาดมหาศาลระดับนั้น มีอยู่ 2-3 เหตุผลที่คุณต้องมีขุมพลังในการประมวลผลอยู่ในพื้นที่ อย่างแรกคือการส่งข้อมูลที่มีปริมาณขนาดใหญ่ไปประมวลผลที่คลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ซึ่งอยู่ไกลไม่น่าจะเป็นวิธีที่เหมาะ และสองคือ ความล่าช้าที่เกี่ยวข้องอาจจะแปรผันตามแอปพลิเคชัน IIoT จำนวนมากที่โดยธรรมชาติแล้วจะทำงานแบบเรียลไทม์

คุณสมบัติหลักของเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์
องค์กรภาคการค้าและอุตสาหกรรม ต้องอาศัยเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ในพื้นที่เพื่อรองรับความตั้งมั่นในการปฏิรูปสู่ดิจิทัล และอุตสาหกรรม 4.0 คำถามคือ แล้วจะสร้างดาต้าเซ็นเตอร์แบบนั้นได้อย่างไร สิ่งที่ต้องพิจารณามีอยู่ 3 ประเด็นต่อไปนี้

1. เอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ มักจะอยู่ในขอบเขตของพื้นที่อุตสาหกรรมหรือการค้าอยู่แล้ว อาจจะเป็นในร้านค้าปลีก โรงงานผลิต หรือกระทั่งสถานที่กลางแจ้ง เช่นสาธาณูปโภค ทำให้ต้องเป็นโซลูชันแบบออล-อิน-วัน ทั้งประมวลผล จัดเก็บและมีอุปกรณ์เชื่อมต่อเครือข่ายที่ต้องติดตั้งอยู่ในพื้นที่ปิดประเภท self-contained enclosure ซึ่งระบบโครงสร้างแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จเป็นระบบที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใน enclosure แบบไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ ที่รวมเรื่องของระบบพลังงานทั้งหมด และหากจำเป็นก็ต้องรวมองค์ประกอบในเรื่องระบบทำความเย็นด้วยเช่นกัน

2. ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด แม้ธรรมชาติของเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์จะมีขนาดเล็ก แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยสนับสนุนวัตถุประสงค์สำคัญทางธุรกิจ เช่นการปฏิรูปสู่ดิจิทัล จากมุมมองด้านการรักษาความปลอดภัย จะต้องได้รับการดูแลเสมือนเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ส่วนกลาง นั่นหมายความว่ามีระบบรักษาความปลอดภัยทางกายภาพ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบผ่านระบบวิดีโออย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจหาและป้องกันการเข้าถึงระบบโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการตรวจสอบสภาพแวดล้อมเพื่อแจ้งเตือนเรื่องความร้อน ความเย็น และความชื้นที่มากเกินไป

3. การบริหารจัดการได้จากระยะไกล มีความสำคัญเช่นกัน เนื่องจากในหลายๆ กรณี หรือในกรณีส่วนใหญ่จะไม่มีพนักงานอยู่ประจำที่ไซต์เพื่อคอยตรวจสอบและบริหารจัดการเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ ดังนั้น พนักงานฝ่ายไอทีต้องสามารถตรวจสอบการทำงานของเอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ได้จากส่วนกลาง คุณจะได้แต้มต่อ หากโซลูชันของคุณรวมบริการบำรุงรักษาเชิงป้องกันผ่านคลาวด์ เพื่อช่วยคาดการณ์และป้องกันความล้มเหลวก่อนที่จะเกิด

ไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อประยุกต์กับทุกการใช้งาน
Enclosures ของไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ ตอบโจทย์ความต้องการในเรื่องการติดตั้งใช้งานได้อย่างเรียบง่ายและเร็ว ผู้สนใจสามารถตรวจสอบเพจหรือเว็บไซต์ไมโครดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อพิจารณาทางเลือกและหาโมเดลที่เหมาะกับคุณมากที่สุด สำหรับท่านที่สนใจโซลูชัน APC By Schneider Electric สามารถติดต่อผ่านคู่ค้าของเรา เพื่อประเมินว่าโมเดลไหนที่ดีที่สุดสำหรับองค์กรคุณ โดยดูจากองค์ประกอบที่จำเป็น หรือเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่


 

Exit mobile version