สถาบันการศึกษาคุณค่าทางธุรกิ จของไอบีเอ็ม (NYSE:IBM) ร่วมกั บสหพันธ์ค้าปลีกแห่งชาติ ซึ่งเป็นสมาคมการค้าปลีกที่ใหญ่ ที่สุดในโลก ได้เผยแพร่ผลการศึกษาระดั บโลกครั้งที่สอง* ที่มีชื่อว่า “Consumers want it all” เผยให้เห็นแนวโน้มที่เพิ่ มขึ้นของผู้บริโภค ในการให้ความสำคัญกับความยั่งยื น และแนวทางการช็อปปิ้งที่ กระจายผ่านหลายช่องทาง ทั้งดิจิทัล การซื้อของที่ร้านค้า และการซื้ อผ่านโทรศัพท์มือถือ
ผลการศึกษาผู้บริโภคกว่า 19, 000 รายทั่วโลกครั้งนี้ แสดงให้เห็นแนวโน้มที่เพิ่มสู งขึ้นของไฮบริดช็อปปิ้ง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการซื้ อของผ่านหน้าร้านและช่องทางดิจิ ทัล โดยพฤติกรรมการช็อปปิ้งภายใต้ข้ อจำกัดในช่วงการแพร่ระบาด ได้นำสู่กิจวัตรใหม่ที่ผู้บริ โภคคุ้นชิน ดังนั้น ธุรกิจค้าปลีกจึงต้องเพิ่ มความคล่องตัวในการตอบสนองลูกค้ าไม่ว่าผ่านช่องทางไหน โดยผสานรวมประสบการณ์ดิจิทั ลและการขายที่ร้านค้าเข้าด้วยกั น
- ผู้บริโภคที่สำรวจ 72% ระบุว่
าพวกเขาใช้ร้านค้าเป็นช่ องทางหลักทั้งหมดหรือบางส่ วนในการซื้อสินค้า - เหตุผลหลักที่กลุ่มที่สำรวจเลื
อกไปซื้อของที่ร้านค้า เพราะต้องการสัมผัสและชมสินค้ าจริงก่อนซื้อ (50%) ต้องการหยิบดูและเลือกผลิ ตภัณฑ์เอง (47%) และต้องการรับสินค้าทันที (43%) แม้ว่าสิ่งที่ผู้ซื้อในร้ านค้ามองหาจะมีความแตกต่างกั นไปตามหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ - ผู้บริโภค 27% เลือกการช็อปปิ้
งแบบไฮบริด โดยผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ที่สำรวจ มีแนวโน้มที่จะเป็น “นักช็อปแบบไฮบริด” มากที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่ มอายุอื่นๆ
การศึกษายังแสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา ความยั่งยืนมีความสำคัญมากขึ้ นเรื่อยๆ ต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริ โภคและความชอบที่มีต่อแบรนด์
- ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกั
บความรับผิดชอบต่อสังคม เลือกผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์โดยพิ จารณาจากคุณค่าที่ตนให้ความสำคั ญ เช่น ความยั่งยืน โดยกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่ใหญ่ ที่สุด (44%) จากทั้งหมดที่สำรวจ - 62% ของผู้บริโภคที่สำรวจ เต็มใจที่ปรับเปลี่ยนพฤติ
กรรมการซื้อของตน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเพิ่มขึ้นจาก 57% เมื่อสองปี ก่อน - ครึ่งหนึ่งของผู้บริโภคสำรวจ เต็มใจจ่ายเพิ่มขึ้นเพื่อแลกกั
บความยั่งยืน โดยจ่ายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 70% และเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเกื อบเท่าตัวเมื่อเทียบกับเมื่อปี 2563 - อย่างไรก็ตาม ยังมีช่องว่
างระหว่างสิ่งที่ผู้บริโภคตั้ งใจจะทำ และสิ่งที่ลงมือทำจริง เนื่องจากมีผู้บริโภคที่ สำรวจเพียง 31% เท่านั้นที่ระบุ ว่าในการซื้อของครั้งล่าสุด ของส่วนใหญ่ที่ซื้อเป็นผลิตภั ณฑ์ที่สร้างความยั่งยืน
“แม้ผู้บริโภคจะยังคงให้คุณค่ ากับประสบการณ์การช็อปปิ้งที่ร้ านค้าแบบเดิม แต่วันนี้ ผู้บริโภคเริ่มคาดหวังที่จะได้ รับความยืดหยุ่นในการเลือกสร้ างแนวทางการช็อปปิ้งในแบบฉบั บของตน ตามรูปแบบพฤติกรรมในช่วงอายุตน ช่องทางและอุปกรณ์ที่ตนใช้ และหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ที่ตนต้ องการซื้อ” นายมาร์ค แมทธิวส์ รองประธานฝ่ายวิจัยพัฒนาและวิ เคราะห์อุตสาหกรรมของสหพันธ์ค้ าปลีกแห่งชาติ กล่าว “แนวทางแบบ ‘ไฮบริด’ ถือเป็ นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ บริโภคครั้งสำคัญ”
“ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ความยั่งยืนเข้ามามีความสำคัญต่ อผู้บริโภคมากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะยังคงมีช่องว่างระหว่างสิ่ งที่ผู้บริโภคตั้งใจทำ กับสิ่งที่พวกเขาทำจริง โดยมีสาเหตุมาจากการขาดข้อมู ลในระหว่างกระบวนการซื้อ จึงถือเป็นความจำเป็นมากขึ้นเรื่ อยๆ ที่แบรนด์ค้าปลีกจะต้ องแสดงทางเลือกและตัวเลือกที่ยั่ งยืนในแต่ละช่วงประสบการณ์ของลู กค้า วันนี้ การช็อปปิ้งแบบไฮบริดได้เข้ ามายึดครองตลาดในเกือบทุ กหมวดหมู่ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ ในครัวเรือนและเครื่องแต่งกาย” นายลุค ไนอาซี Global Managing Director ของ IBM Consumer Industries กล่าว
“แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิด- 19 แต่ผลวิจัยยังชี้ให้เห็นว่ าแบรนด์ค้าปลีกชั้นนำต่างๆ กำลังเร่งเครื่องทรานส์ฟอร์มรู ปแบบการดำเนินงาน การสร้างประสบการณ์ลูกค้า และระบบซัพพลายเชนของตน ด้วยเทคโนโลยีอย่างเอไอ ไฮบริดคลาวด์ และบล็อกเชน เพื่อรองรับความต้องการที่ หลากหลายของลูกค้า” นายลุค เสริ ม