Categories
รีวิว

DEKO สว่านไร้สายรอบจัดจ้าน งานไม้ งานเหล็ก จัดไป

หากคุณกำลังมองหาสว่านไร้สายขนาดกะทัดรัด เหมาะมือ สามารถเจาะเหล็กได้สบายๆ แล้วล่ะก็ ขอแนะนำสว่านไร้สายยี่ห้อ DEKO รุ่น DKBL20DU3 (ลิงก์เว็บทางการ) ที่มีความเร็วรอบสูงถึง 1,700 รอบต่อนาที เพราะใช้มอเตอร์แบบไม่มีแปรงถ่าน (brushless motor) ทำให้สามารถเจาะเหล็กได้ดี ยิ่งงานไม้ ขันสกรูแล้วล่ะก็ ง่ายเข้าไปอีก

สว่านไร้สาย DEKO รุ่น DKBL20DU3 ไร้แปรงถ่านดียังไง

ในตลาดสว่านไร้สายส่วนมากแล้วจะเป็นมอเตอร์แบบมีแปรงถ่าน ทำให้ความเร็วต่อรอบมีข้อจำกัด แต่หากเราต้องการสว่านไร้สายที่มีความเอนกประสงค์เจาะได้ทั้งไม้และเหล็ก ก็ควรเลือกสว่านที่มีความเร็วรอบสูงๆ ไว้ก่อน และสว่านไร้สายที่จะแนะนำในบทความนี้ก็คือสว่านไร้สาย DEKO รุ่น DKBL20DU3 โดยรุ่นนี้ไม่สามารถเจาะกระแทกได้นะครับ หากต้องการเจาะกระแทกหรือเจาะผนังปูนแนะนำให้ใช้สว่านประเภทโรตารี่จะดีกว่า เพราะสว่านแบบธรรมดานี้หากกระแทกปูนได้ก็ต้องใช้แรงกดมากกว่าจะเจาะได้ตามต้องการ

ในรุ่นนี้ผู้ผลิตจัดจำหน่ายเป็นชุดหลากหลายมีทั้งชุดแบตเตอรี่ 1. ก้อน  และชุดแบตเตอรี่ 2 ก้อน ก็สุดแท้แต่จะเลือกซื้อเอาตามกำลังได้เลย แต่ผู้เขียนอยากแนะนำให้ซื้อชุด DKBL20DU3-HS2 (ลิงก์ในลาซาด้า) ซึ่งเป็นรุ่นที่มีเฉพาะตัวสว่านและแบตเตอรี่ 2 ก้อนพร้อมอะแดปเตอร์ชาร์จ ส่วนมากดอกสว่านหรือปลายไขควงเราสามารถนำของเก่าหรือหาซื้อมาเพิ่มเติมก็ได้

คุณสมบัติเด่นของสว่านไร้สาย DEKO รุ่น DKBL20DU3

– ปรับแรงบิดสำหรับขันสกรูได้ 18 ระดับ และอีก 1 ระดับสำหรับเจาะรู

  • หัวจับดอกสว่านได้ขนาดใหญ่สุด 10 มม.

  • ปรับความเร็วรอบได้ 2 ระดับ ระดับที่ 1 ความเร็ว 0-450 รอบต่อนาที และระดับที่ 2 ความเร็ว 0-1700 รอบต่อนาที

  • แบตเตอรี่ 20 โวลต์ มี LED แสดงระดับพลังงานคงเหลือของแบตเตอรี่

ทัศนะจากผู้เขียน

หลังจากได้ทดลองใช้งานเจาะเหล็กที่มีความหนา 2 ถึง 3 มม. ก็พบว่า นี่แหละคือสว่านไร้สายที่สามารถพกพาไปทำงานได้อย่างแท้จริง งานเหล็กเจาะได้เร็วมากหายห่วง แต่อาจต้องรอการพิสูจน์คุณภาพทั้งตัวสินค้าและการบริการอีกสักระยะ เนื่องจาก DEKO ยังเป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งได้ไม่นานนัก อย่างไรก็ตามราคาของสินค้าที่ไม่สูงจนเกินไปนี้ นักประดิษฐ์ทุกท่านก็ยังถือว่าพอจะซื้อหามาลองใช้งานดูได้นะครับ

ข้อดี : วัสดุคุณภาพดี ขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ความเร็วรอบสูงกว่าสว่านไร้สายในท้องตลาด ชาร์จไวเพียง 1 ชั่วโมง
ข้อสังเกต : เนื่องจากเป็นสินค้่าที่ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยหากสินค้ามีปัญหาอาจต้องใช้เวลามากในการส่งสินค้ากลับไปยังผู้ผลิต

ชมคลิปรีวิว

รู้จักกับ DEKO

DEKO  เป็นแบรนด์เครื่องมือช่าง ที่ก่อตั้งมาไม่ช้านาน ราวปี ค.ศ.2013 โดย Robert Kok อดีตวิศวกรของ BOSCH โดยร่วมกับ Terry Feng ผู้เชี่ยวชาญการตลาดในอุตสาหกรรมเครื่องมือช่าง (เป็น CEO คนปัจจุบันของ DEKO) โดยเจาะตลาดกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบงาน DIY หรือเหล่า MAKERS และนักประดิษฐ์นั่นเอง DEKO Tools Co., Ltd ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในประเทศมาเลเซีย มีฐานการผลิตอยู่ในประเทศจีน โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Ningbo ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค โดยมีท่าเรือ Ningbo–Zhoushan ซึ่งเป็นท่าเรือที่พลุกพล่านและใหญ่ที่สุดในโลก

เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่ม DIY ทำให้การตั้งราคาของ DEKO มีราคาอยู่ในระดับกลาง แน่นอนว่าตลาดนี้มีหลากหลายแบรนด์ที่เป็นเจ้าตลาดไม่ว่าจะเป็น Black & Deckor , Dremel หรือกระทั่งแบรนด์สัญชาติจีน 100 เปอร์เซ็นต์อย่าง PUMPKIN (ฟักทอง) แต่กระนั้น DEKO ก็ได้เร่งขยายตัวแทนจำหน่ายพร้อมทั้งร่วมงานกับ influencers ทั่วโลก เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ให้กับลูกค้าทั่วโลก

ภาพบริษัทตัวแทนจำหน่ายในประเทศรัสเซีย

ชมข้อมูลเพิ่มเติมที่

Website: www.dekotools.com

@dekotools,#dekotools

ติดตามความเคลื่อนไหวของ DEKO
https://www.instagram.com/dekotoolsofficial/
https://www.facebook.com/dekotools.global
https://www.youtube.com/channel/UCFLsPxquwCtrMu_KgJrHW2Q


Categories
รีวิว

แกะกล่องลองใช้ หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Inspire รุ่น Eco X5 ราคาไม่ถึง 3 พันบาท

ทุกวันนี้การเลือกซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่นจัดว่ายากพอดู ที่ว่ายากไม่ใช้หายากนะครับ แต่เพราะว่าเยอะมากต่างหาก โดยเฉพาะหุ่นยนต์ดูดฝุ่นราคาถูกยิ่งมีให้เลือกมากมายทั้งใน Lazada และ Shopee แต่จะซื้อทั้งที ก็ควรเลือกแบบมีการรับประกันจะดีกว่านะครับ

เป็นหุ่นยนต์ที่นำเข้ามาจำหน่ายภายใต้แบรนด์ Inspire เป็นแบรนด์น้องใหม่ บริษัทของคนไทยที่กระโดดลงสู่สมรภูมิหุ่นยนต์ดูดฝุ่นด้วย โดยชูจุดเด่นที่กล้าให้มากกว่าคู่แข่งรายอื่นในตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่น นั่นก็คือการรับประกัน 1 ปี หากหุ่นยนต์ดูดฝุ่นมีปัญหาภายในระยะเวลาการรับประกัน สามารถแจ้งซ่อมโดยทางบริษัทจะส่งพนักงานมารับหุ่นยนต์ดูดฝุ่นของเราถึงที่บ้านโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด นับเป็นจุดเด่นมากๆ ที่ต้องการสร้างแบรนด์ด้วยความเอาใจใส่ลูกค้าเช่นนี้ ต้องยกนิ้วให้จริงๆ

รู้จักกับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Inspire รุ่น Eco X5

รุ่นนี้เป็นรุ่นประหยัด มีราคาตั้งขายที่ 3,900 บาท แต่เท่าที่ผู้เขียนสำรวจดู ก็มีจัดรายการทำโปรโมชัน ลดราคาเหลือราวๆ 2,900 บาท ให้ได้เห็นกันอยู่เนืองๆ เรามาดูจุดเด่นและข้อสังเกตของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Inspire รุ่น Eco X5 กันครับ เพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้องและตรงกับความต้องการของทุกท่าน

อุปกรณ์ในชุด

(1) ตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
(2) ผ้าไมโครไฟเบอร์พร้อมแผ่นเพลทพลาสติก
(3) แปรงปัดฝุ่น 2 ชิ้น
(4) อะแดปเตอร์ไฟตรง (สำหรับชาร์จแบตเตอรี่)
(5) สาย microUSB
(6) คู่มือภาษาไทย

ลักษณะทางกายภาพของตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่น

ด้านบน

– หุ่นยนต์ดูดฝุ่น รุ่น Eco X5 มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 27.5 ซม. สูง 7.5 ซม.

– ตัวหุ่นยนต์ทำจากพลาสติก ABS มีความแข็งแรงดี

– มีสวิตช์กดติด-กดดับ สำหรับปิด-เปิดการทำงาน เมื่อสวิตช์ถูกกด หุ่นยนต์จะเคลื่อนที่แบบอัตโนมัติทันที

– มีสวิตช์สัมผัส เปลี่ยนโหมดเป็นแบบทำความสะอาดเฉพาะจุด หรืออาจเรียกว่าการเคลื่อนที่แบบก้นหอย

– มีสวิตช์สัมผัส หยุดชั่วขณะ ( PAUSE ) เพื่อหยุดการทำงานและสัมผัสอีกครั้งเพื่อทำงานต่อ

– ด้านหน้ามีกันชน เป็นลักษณะกลไก เมื่อชนกับสิ่งกีดขวาง ตัวกลไกจะไปบังเซนเซอร์แสงอินฟราเรดด้านใน ส่งสัญญาณไปที่หุ่นยนต์ให้หลบหรือเคลื่อนที่ทำความสะอาดแบบเลาะขอบ

ด้านล่าง

– มีเซนเซอร์อินฟราเรดตรวจจับการสะท้อนของพื้น (เซนเซอร์กันตก) 3 ตำแหน่ง

– ล้ออิสระ เป็นตัวประคองหุ่นยนต์ให้เคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ

– ชุดล้อมอเตอร์ไฟตรงที่มาพร้อมกันเซนเซอร์แบบ Encoder ทำให้หุ่นยนต์สามารถวัดระยะทางในการเคลื่อนที่ได้

– ช่องดูดฝุ่น

– แผงยางกันฝุ่น

– ช่องใส่แบตเตอรี่แบบลิเธี่ยมไอออนขนาด 2,000 มิลลิแอมป์

ลักษณะการทำงาน

เมื่อกดสวิตช์เพาเวอร์ หุ่นยนต์จะเคลื่อนที่โดยอัตโนมัติทันที โดยการเคลื่อนที่จะเคลื่อนที่เป็นรูปแบบ ไม่ได้เคลื่อนที่แบบสุ่ม (ดูการลักษณะการเคลื่อที่จากวิดีโอด้านล่าง) ทำให้การทำความสะอาดครอบคลุมพื้นที่ได้เร็วกว่าการเคลื่อนที่แบบสุ่มของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาด

เท่าที่ทดลองใช้งานพบว่า หุ่นยนต์รุ่นนี้ทำงานได้ดีกับห้องขนาดมาตรฐาน เช่นห้องนอนบ้านจัดสรรทั่วไปที่มีขนาดประมาณ 4 x 6 เมตร เหมือนคนเขียนโปรแกรมจะคิดมาอย่างดีแล้วจึงให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่ในระยะทาง 2.4 เมตร แล้วเลี้ยวกลับไปอีกทางแล้วก็เคลื่อนที่ไปอีก 2.4 เมตร แล้วก็วกกลับอีก ลองดูจากคลิปการรีวิวของเราจะเห็นภาพชัดขึ้นครับ

ดูรีวิวบนยูทูป https://youtu.be/5cTISB9_sDQ

จุดเด่น

(1) การรับประกัน 1 ปีเต็ม โดยบริษัทผู้ผลิตไทย

(2) ส่งซ่อมฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายให้เป็นภาระของลูกค้า

(3) มีเซนเซอร์อินฟราเรดเพื่อตรวจจับการตกจากที่สูง 3 ตำแหน่ง

(4) แรงดูดจัดว่าดี

(5) กล่องเก็บฝุ่นขนาดกลางมีลิ้นเปิดปิดป้องกันฝุ่นล่วงออกจากกล่อง ทำให้การถอดกล่องเก็บฝุ่นออกมาทำความสะอาดไม่เลอะเทอะ

(6) ตัวมอเตอร์ส่วนขับเคลื่อน (ล้อหุ่นยนต์) มาพร้อมกับ Encoder ทำให้หุ่นยนต์สามารถวัดระยะทางที่แน่นอนเพื่อเคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ

(7) ราคาไม่แพง

(8) ทั้งดูดฝุ่นและถูพื้นไปพร้อมกันได้

จุดสังเกต

(1) ไม่มีเซนเซอร์อินฟราเรดบริเวณด้านหน้าของหุ่นยนต์ ทำให้การตรวจจับสิ่งกีดขวางด้านหน้าอาศัยการชนเท่านั้น

(2) เสียงขณะทำงานค่อนข้างดัง แต่ไม่ดังมาก

สำหรับท่านที่กำลังมองหาหุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวเริ่มต้นของครอบครัวหรือซื้อไปฝากญาติผู้ใหญ่ ตัวนี้จัดว่าตอบโจทย์อยางยิ่ง เพราะทั้งราคาถูก ใช้งานง่าย แถมไม่ต้องกลัวว่าเครื่องมีปัญหาแล้วจะเสียเงินฟรี เพราะเค้ารับประกันถึง 1 ปีเต็มกันเลย

ซื้อที่ลาซาด้า :

ซื้อที่ Shopee : ( โค้ดส่วนลด INSPTEC12 )


 

Categories
รีวิว

micro:bit แผงวงจรไมโครคอนโทรลเลอร์สำหรับผู้เริมต้นสร้างสิ่งประดิษฐ์อัตโนมัติ

micro:bit (ไมโครบิต) บอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์สำหรับมือใหม่ทุกระดับจากประเทศอังกฤษ ที่สามารถเขียนโปรแกรมควบคุมได้อย่างง่าย เพียงลากบล็อกคำสั่งมาเรียงต่อกันตามแนวคิดของผู้ใช้ที่ต้องการให้อุปกรณ์หรือสิ่งประดิษฐ์ของเราทำงานด้วยเงื่อนไขใดๆ

เขียนโปรแกรมได้อย่างไร

อีกหนึ่งคุณสมบัติที่น่าสนใจคือการจะเขียนโปรแกรมควบคุมบอร์ดไมโครบิตได้นั้น คุณไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติมแต่อย่างใด เพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแล้วเปิดเว็บเบราเซอร์เข้าไปที่เว็บ https://makecode.microbit.org/  คุณจะพบตัวอย่างมากมายให้ได้ทดลองทำตาม หรือจะเริ่มสร้างโค้ดของคุณเองก็ทำได้ โดยการคลิกที่ New Project แล้วเริ่มลากบล็อคได้เลย


ภาพหน้าจอ makecode


ภาพตัวอย่างโครงงานที่เราลองทำตามได้


ภาพตัวอย่างการเขียนโค้ดควบคุมเซอร์โวมอเตอร์ สังเกตุซ้ายมือจะมีบอร์ดจำลองพร้อมตัวอย่างเชื่อมต่อเซอร์โวมอเตอร์

แต่ที่เด็ดก็คือตัวซอฟต์แวร์ที่นอกจากจะง่าย แถมยังรันบนเว็บเบราเซอร์โดยไม่ต้องติดตั้งในเครื่องแล้ว ด้ายซ้ายมือยังมีบอร์ดไมโครบิตเสมือน (Simulator) ที่สามารถทดสอบการทำงานของโค้ดคำสั่งที่เราวางได้แบบเรียลไทม์เลยทีเดียว แถมยังสามารถสโลว์โมชั่นการทำงานของบล็อคคำสั่งได้อีกต่างหาก เพียงคลิกที่ไอคอนรูปหอยทาก ก็จะเกิดกรอบสีเหลืองไล่เรียงการทำงานแต่ละบล็อกคำสั่งอย่างช้าๆ พร้อมแสดงผลการทำงานที่บอร์ดจำลองด้านซ้ายไปด้วย


ภาพตัวอย่างเมื่อเราคลิกไอคอนรูปหอยทาก เพื่อดูการทำงานของบล็อกอย่างช้าๆ

การดาวน์โหลดโปรแกรมลงบอร์ดไมโครบิต

เมื่อเขียนโค้ดจนพอใจแล้วให้เชื่อมต่อไมโครบิตเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ ด้วยสาย microUSB จากนั้นที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะมองเห็นไมโครบิตเป็นไดร์ฟเพิ่มมาอีกหนึ่งไดร์ฟ (คล้ายกับที่เราเสียบแฟลชไดร์ฟ) จากนั้นคลิกที่ปุ่มดาวน์โหลด ระบบจะทำการแปลงบล็อกของเราเป็นไฟล์นามสกุล .hex

จากนั้นจะมีข้อความแนะนำดังรูปด้านล่าง

ต่อไปให้คลิกที่ปุ่มสีเขียวแล้วเลือกที่ดาวน์โหลดไปที่ไดร์ฟ Microbit ดังรูป

ขณะดาวน์โหลดลงบอร์ดไมโครบิตจะสังเกตุเห็นไฟ LED บนบอร์ดกะพริบรัวๆ หากไฟหยุดกะพริบแสดงว่าการดาวน์โหลดเสร็จสิ้น พร้อมสำหรับการนำไปใช้งานแล้ว

คุณสมบัติที่น่าสนใจบนแผงวงจร

• ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ ARM Cortex 32 บิต
• หน่วยความจำแรม 16 กิโลไบต์
• รองรับการเชื่อมต่อไร้สายแบบบลูทูธ 4.0 ใช้พลังงานต่ำ
• มี LED บนบอร์ด 25 ดวง (5×5)
• มีสวิตช์แบบปุ่มกดบนบอร์ด 2 ตัว
• มีโมดูลเข็มทิศ
• มีโมดูลตรวจจับความเอียง
• มีพอร์ตอะนาลอกและดิจิตอล 3 พอร์ต
• มีจุดต่อจ่ายไฟบนบอร์ดและคอนเน็กเตอร์สำหรับต่อกะบะถ่าน 3 โวลต์
• ใช้แหล่งจ่ายไฟตรง 3 โวลต์

จากคุณสมบัติข้างต้นนั้นหมายความว่า ไมโครบิต สามารถทำได้หลากหลายบนตัวมันเอง เนื่องจากมีโมดูลต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่บนบอร์ดแล้ว ไมโครบิตเพียงหนึ่งบอร์ดสามารถสร้างเป็นโครงงานได้หลากหลาย

การควบคุมอุปกรณ์ภายนอก

ความจริงแล้วไมโครบิตถูกออกแบบมาสำหรับการเรียนรู้ทั้งการเขียนโปรแกรมและวจรไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์พื้นฐานไปพร้อมกัน จึงเห็นว่าที่ด้านล่างของตัวบอร์ดจะมีแถบทองแดงที่มีตัวเลขกำกับโดยตัวเลข 0 1 และ 2 คือตำแหน่งของขาพอร์ตของไมโครคอนโทรลเลอร์ ส่วน 3V และ GND คือขาสำหรับต่อไฟเลี้ยงขั้วบวก 3 โวลต์ และขั้วลบ หรือขากราวด์นั้นเอง ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกอย่างง่ายๆ โดยใช้ปากคีบหนีบกับแถบหมายเลขตามความต้องการใช้งานได้เลย ส่วนที่เป็นซี่เล็กๆ ก็คือขาพอร์ตอื่นๆ ดังรูปต่อไปนี้

แต่เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ผู้เขียนขอแนะนำแผงวงจร AX-microBIT+ ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์และเซอร์โวมอเตอร์ นอกจากนั้นยังมีภาคจ่ายไฟแยกอิสระถึง 2 แรงดัน คือ 3 โวลต์ และ 5 โวลต์ และจุดต่ออิสระเพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เพื่อสร้างต้นแบบสิ่งประดิษฐ์

คุณสมบัติของแผงวงจร AX-microBIT+

• มีคอนเน็กเตอร์ 80 ขา แบบตั้ง และแบบนอนสำหรับติดตั้ง micro:bit

• มีสวิตช์เปิดปิด

• มีจุดต่อไฟเลี้ยง +5V เป็นแจ๊กอะแดปเตตอร์ พร้อมวงจรควบคุมไฟเลี้ยงคงที่ +3.3V และวงจรป้องกันการต่อไฟกลับขั้ว

• มีจุดต่อพอร์ตสำคัญแบบ JST เพื่อต่อกับอุปกรณ์อินพุตเอาต์พุตของ INEX

• มีจุดต่อพอร์ตทั้งหมดของ micro:bit เป็นแบบ IDC ตัวผูัและตัวเมีย ทำให้ต่อสายสำหรับต่อวงจรบนเบรดบอร์ดได้สะดวก

• มีจุดต่อชุบทองขนาดรู 4 มม. 5 จุด เพื่อใช้งานกับสายปากคีบได้ ต่อตรงมาจากขาพอร์ต 0,1,2, +3V และ GND

• มีสวิตช์กดติดปล่อยดับ 2 ตัว ต่อมาจาก Button A และ B ของ micro:bit

• มีตัวต้าทานปรับค่าได้สำหรับทดลองอินพุตอะนาลอก

• ผลิตจากแผ่นวงจรพิมพ์ 2 หน้า PTH พร้อมชุบทองที่จุดบัดกรีทั้งหมด

ดาวน์โหลดคู่มือ AX-microBIT+ 

ซื้อหามาใช้

สำหรับท่านที่ต้องการซื้อมาลองเล่น หรือต้องการทำไปทำโครงงานส่งครูแบบด่วนๆ ก็หาซื้อได้ทั้งแบบแยกและแบบชุดที่ทางผู้จำหน่ายจัดเตรียมไว้สำหรับผู้เริ่มต้น จะได้ไม่ต้องหาซื้ออุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติมอีกที่

ซื้อ micro:bit ที่ลาซาด้า

ซื้อ micro:bit ที่ INEX https://inex.co.th/home/product-category/education-board/microbit/


 

Categories
รีวิว

รีวิวแกะกล่องสว่านไฟฟ้าไร้สายโบลิด

ท่านผู้อ่านเป็นแบบผมรึเปล่าครับ ที่กะว่าจะซื้อสว่านไฟฟ้ามาใช้เป็นไขควงไร้สาย เอาแบบพอใช้ได้ไม่ต้องดีมาก เพราะเราก็ไม่ได้ใช้งานหนักอะไร พอจะเข้าไปหาซื้อในลาซาด้า ก้เกิดความรังเรอยู่นาน กับคอมเมนต์ของแต่ละท่าน บางคนก็ว่าดี บางคนก็ว่าไม่ดี อ้าว แล้วจะเชื่อใครดีหว่า สุดท้ายเชื่อตัวเองลองสั่งซื้อมาเลยดีกว่า ไหนๆ ซื้อมาแล้วก็อยากจะแนะนำบอกต่อให้ทุกท่านได้ชมกันครับ

คุณสมบัติคร่าวๆ

  • ใช้ไฟเลี้ยง 12 โวลต์ จากแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน
  • ความเร็วรอบปรับได้ 2 ระดับที่ 0-380 รอบต่อนาที และ 0-1,300 รอบต่อนาที (เมื่อไม่มีโหลด)
  • จับดอกสว่านได้ถึง 100 มิลลิเมตร
  • แรงบิด 28 นิวตัน.เมตร

คลิกเพื่อชมวิดีโอการรีวิวจากเรา

สนใจร้านเดียวกับที่ผู้เขียนซื้อคลิกที่นี่เลยครับ

เปิดกล่องดูอุปกรณ์กันเลย

(1) ตัวสว่าน

ปากจับดอกสว่านได้ถึง 10 มม.

ปรับแรงบิดได้ 18 ระดับ

ปรับสำหรับโหมดดอกสว่านเจาะไม้

ปรับความเร็วรอบได้ 2 ระดับ

ปรับทิศทางการหมุนซ้ายขวาได้

มี LED ส่องสว่างในที่มืด 

แบตเตอรี่ถอดใส่ง่าย

(2) แท่นชาร์จพร้อมสว่านแบตเตอรี่สำรอง 1 ก้อน เพียงเสียบปลั้กแท่นชาร์จแล้วใส่แบตเตอรี่ลงไปก็เริ่มชาร์จทันที สังเกตจากไฟ LED สีแดงสว่าง เมื่อแบตเตอรี่เต็มแล้วไฟสีเขียวจะติดแทน

(3) ชุดบล็อกและชุดไขควงขนาดเล็ก (บางร้านอาจไม่ได้แถมมาให้)

(4) ข้อต่ออ่อน สำหรับสอดเข้าไปขันสกรูหรือบล็อกในที่แคบ

สรุปความว่าคุ้มครับ ราคาไม่ถึง 900 ส่งฟรี เท่าที่ทดลองใช้งานถือว่าดี งานประกอบดีกว่าที่คิด จากประสบการณ์ที่สัมผัสเครื่องมือราคาถูกมาเยอะ ตัวนี้ถือว่างานดีกว่าทุกๆ ตัวที่เคยซื้อเลยก็ว่าได้

หมายเหตุ : เนื่องจากในลาซาด้ามีร้านค้าจำนวนมากที่จำหน่ายสินค้าแบบเดียวกัน หากสนใจซื้อร้านเดียวกับผมก็สามารถคลิกลิงก์นี้ไปได้เลยครับ https://goo.gl/iFQoyw


 

Categories
รีวิว

เครื่องพ่นสีไฟฟ้า น่าใช้หรือไม่

สำหรับเครื่องพ่นสีไฟฟ้าที่เราจะมารีวิวให้ชมกันนี้คือ เครื่องพ่นสีไฟฟ้าขนาดเล็ก ยี่ห้อ iMAX หัวสเปรย์เป็นทองเหลือง ส่วนหัวปรับทิศทางของสเปรย์เป็นพลาสติกชุบโครเมี่ยม

สเป็กของเครื่อง

  • ใช้ไฟบ้าน 220 โวลต์
  • กำลังไฟ 700 วัตต์
  • ความยาวสายไฟ 1.5 เมตร
  • ความเร็วรอบของมอเตอร์ 32,000 รอบต่อนาที
  • ปริมาณสีออก 550 มิลลิลิตรต่อนาที
  • ขนาดหัว 1.5 มิลลิเมตร
  • ใช้ได้ทั้งสีน้ำ สีน้ำมัน วานิช เคลือบเงาต่างๆ
  • น้ำหนัก 1.9 กิโลกรัม
  • ปรับแนวพ่นได้ 3 แบบ แนวตั้ง แนวนอน และกระจาย


ชมคลิปการแกะกล่องและทดลองใช้จริง

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • ใบรับประกัน
  • คู่มือภาษาไทย (แต่เนื้อหาบางส่วนเหมือนใช้กูเกิลแปล)
  • ด้ามปืน
  • กระบอกใส่สี
  • กระบอกตวงความหนืดของสี
  • ท่อลม
  • ปั้มลมไฟฟ้า
  • สายสะพาย

ทดลองใช้งาน

ประกอบชิ้นท่อลมเข้ากับปั้มลมและด้ามปืนพ่นสี จากนั้นทำการผสมสีโดยใช้กระบอกตวงความหนืดที่ให้มา โดยผสมสีในภาชนะในปริมาณ 1 ลิตร จากนั้นเทใส่กระบอกตวงจนเต็มแล้วจับเวลา หากสีในกระบอกตวงไหลออกจากรูจนหมดภายในเวลา 25 – 50 วินาที แสดงว่าความหนืดใช้ได้ หากใช้เวลานานกว่านี้ให้ผสมน้ำเพิ่มลงไป (หากเป็นสีน้ำมันให้ผสมทินเนอร์เพิ่ม)

จากการทดสอบได้ลองพ่นสีน้ำอะคริลิกกับพื้นที่ประมาณ 3 ตารางเมตร (สูง 3 เมตร กว้าง 1 เมตร) ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ที่ต้องใช้เวลานานกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากต้องหยุดพักเป็นระยะเพราะตัวปั้มลมเริ่มร้อน แต่โดยรวมแล้วงานที่ได้อยู่ในระดับมาตรฐานนะครับ

สรุปข้อดีข้อเสียกันหน่อย

ข้อดี

  • ราคาถูก
  • ขนาดกะทัดรัด
  • น้ำหนักเบา

ข้อเสีย

  • ปั้มจะเกิดความร้อนหากพ่นติดกันเป็นระยะเวลานาน ไม่เหมาะสำหรับการพ่นพื้นที่กว้าง เช่นพ่นผนังบ้านทั้งหลัง
  • เสียงดังพอๆ กับโบรเวอร์เป่าลม (ที่ช่างแอร์ใช้)

เหมาะกับใครบ้าง

สำหรับเครื่องพ่นสี iMAX นี้ มีขนาดเล็กจัดเก็บง่าย เหมาะสำหรับนักประดิษฐ์หรือเมกเกอร์ที่ต้องการพ่นสีให้กับชิ้นงานของตัวเอง หรือคนที่ต้องการทำสีรั้ว ทำสีผนังมุมโปรด ก็ยังได้อยู่ครับ

สุดท้ายนี้ก็คงต้องบอกว่า เจ้าเครื่องพ่นสีไฟฟ้า iMAX นี้ งานดีสมราคาครับ อย่าได้เอาไปเปรียบเทียบกับเครื่องพ่นสีแบบปั้มลมแท้งค์ นั่นมันทั้งแพงกว่าและเกะกะบ้านเป็นยิ่งนัก

สนใจสั่งซื้อตามลิงก์นี้เลยครับ https://goo.gl/FghFJq


เรื่องที่คุณอาจสนใจ

Categories
บทความ รีวิว ไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์

sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหวด้วยรังสีอินฟราเรด

“เชื่อว่าคุณคงเคยเข้าไปใช้บริการร้านสะดวกซื้อ เมื่อเดินเข้าไป จะได้ยินเสียงติ๊งต่อง แจ้งการเข้ามาของคุณๆ ให้พนักงานในร้านทราบ และเสียงทักทาย ก็จะดังตามมา ทั้งที่พวกเขาอาจไม่ได้เห็นคุณด้วยซ้ำ เค้ารู้ได้อย่างไร หน้าที่นี้ตกเป็นของตัวตรวจจับการเคลื่อนไหวครับ แล้วมันทำงานอย่างไร ตามผมมาครับ จะพาไปรู้จัก”

ความเคลื่อนไหวตรวจจับได้อย่างไร ?
สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์เลือดอุ่นในภาวะที่ยังมีชีวิตอยู่ จะมีการกระจายพลังงานความร้อนออกมาจากตัวเองในรูปของการแผ่รังสีอินฟราเรดอยู่ตลอดเวลา โดยจะมีปริมาณมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพของร่างกายในขณะนั้น เมื่อมีการเคลื่อนไหวปริมาณของการแผ่รังสีก็จะเปลี่ยนแปลง รังสีอินฟราเรดจากมนุษย์หรือสัตว์เลือดอุ่นที่มีระดับความเข้มสูงสุดจะมีความยาวคลื่นประมาณ 9.4 ไมโครเมตร

ตัวตรวจจับความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตหรือที่เรียกว่า โมชั่นเซนเซอร์ (motion sensor) ที่ได้รับความนิยมและใช้งานง่ายคือ ตัวตรวจจับแบบอินฟราเรด ซึ่งใช้หลักการตรวจจับ​ที่​เรียกว่า ​ไพโรอิ​เล็ก​ตริก (pyro-electric) อัน​เป็นการ​ตรวจจับ​การ​แผ่รังสี​อินฟราเรด หาก​ระดับ​ของ​การ​แผ่รังสี​ไม่​เปลี่ยนแปลง แสดงว่า สิ่งมีชีวิต​ที่​ต้องการ​ตรวจจับ​นั้น​ไม่มี​การ​เคลื่อนไหว แต่​ถ้าหาก​มี​การ​เคลื่อนไหว​เกิดขึ้น ระดับ​ของ​การ​แผ่รังสี​อินฟราเรด​จะ​เปลี่ยนแปลง จึง​เรียกตัว​ตรวจจับ​แบบนี้​ว่า PIR (Passive InfraRed sensor)


รูปที่ 1 ไดอะแกรมการทำงานของตัวตรวจจับการแผ่รังสีอินฟราเรดซึ่งใช้ตรวจจับความเคลื่อนไหว

ใน​รูป​ที่ 1 เป็น​ไดอะแกรม​แสดง​หลักการ​ทำงาน​พื้นฐาน​ของ​ตัว​ตรวจจับ​พลังงาน​ความ​ร้อน​จาก​มนุษย์​หรือ​สัตว์​เลือดอุ่น เมื่อ​เกิด​การ​เคลื่อนไหว​ทำให้เกิด​การ​แผ่รังสี​อินฟราเรด​ขึ้น รังสี​จะ​ถู​กรวม​หรือ​โฟกัส​ไป​ยัง​ตัว​ตรวจ​จับหลัก​โดย​ใช้​เลนส์​แบบ​พิเศษ​ที่​เรียกว่า เลนส์​ไฟ​รเนล​หรือเฟ​รสนัล (Fresnel lens) จากนั้น​ตัว​ตรวจ​จับหลัก​จะ​ทำการ​ขยาย​สัญญาณ​แล้ว​ส่งไปยัง​วงจร​เปรียบเทียบ​เพื่อ​สร้าง​สัญญาณ​เอาต์พุต​ต่อไป


รูปที่ 2 แสดงการทำงานของโมดูล PIR เมื่อนำมาใช้ในการตรวจจับความเคลื่อนไหว

ใน​รูป​ที่ 2 แสดง​สถานการณ์​ที่​แหล่งกำเนิด​รังสี​อินฟราเรด (อาจ​เป็น​มนุษย์​หรือ​สัตว์​เลือดอุ่น) เกิด​การ​เคลื่อนไหว​ภายใน​ระยะ​ทำการ​ของ​ตัว​ตรวจจับ จะ​ทำให้​โมดูล​ตรวจจับ PIR ตรวจจับ​พบ​การ​แผ่รังสี​อินฟราเรด​ที่​แตกต่างกัน จึง​ให้สัญญาณ​เอาต์พุต​เป็น​ลอจิก​สูง (high) อยู่​ชั่ว​ขณะเมื่อ​ตรวจจับ​พบ​การ​เคลื่อนไหว จากนั้น​กลับ​มา​เป็น​ลอจิก​ต่ำ (low) จนกว่า​จะ​ตรวจจับ​พบ​การ​เปลี่ยนแปลง​ของ​ระดับ​รังสี​อินฟราเรด​อีกครั้ง

เลนส์ไฟรเนล
เลนส์​ไฟ​รเนล​เป็น​เลนส์​แบบ​พิเศษ​ที่​ได้รับ​การ​ค้น​คิด​จาก​นัก​ฟิสิกส์​ชาว​ฝรั่งเศส​ชื่อ ​ออกั​สติน ชอง ไฟ​รเนล (Augustin-Jean Fresnel) โดย​แนวคิด​ของ​เลนส์​แบบนี้​คือ เป็น​เลนส์​แบบ​ขั้นบันได​ที่​ยอมให้​แสง​ผ่าน​ได้มาก​และ​จาก​ทุกทิศทาง ดัง​มี​โครงสร้าง​ตาม​รูป​ที่ 3


รูปที่ 3 โครงสร้างและหน้าตาของเลนส์ไฟรเนลซึ่งนำมาใช้ในโมดูล PIR

ทั้งนี้​เนื่องจาก​ตัว​เลนส์​ได้​ถูก​สร้างขึ้น​โดย​ลด​เนื้อ​วัสดุ​ใน​ส่วน​ที่​ไม่มีผล​กับ​การ​หักเห​ของ​แสง​ลง​ไป ทำให้​สามารถ​ทำ​เลนส์​ขนาดใหญ่​ที่​มี​น้ำหนัก​เบา​ได้ เดิมที​เลนส์ไฟ​รเนล​นี้​ได้รับ​การ​ออกแบบ​เพื่อให้​นำมาใช้​ใน​การ​กระจาย​ใน​ประภาคาร เพื่อให้​สามารถ​มองเห็น​ประภาคาร​ได้​จาก​ระยะไกล ต่อมา​ได้​มี​การ​พัฒนา​ให้​มี​ขนาด​เล็กลง แล้ว​นำมา​ครอบ​หลอดไฟ​เพื่อ​ทำเป็น​ตะเกียง ทำให้​ตะเกียง สามารถ​ส่องแสง​ได้​สว่าง​และ​มองเห็น​ได้​จาก​ระยะไกล ดัง​รูป​ที่ 4


รูปที่ 4 ตัวอย่างตะเกียงที่ใช้เลนส์ไฟรเนลในการเพิ่มอัตราการส่องสว่าง

แต่​เมื่อ​นำมาใช้​ใน​โมดูล​ตรวจจับ PIR ตัว​เลนส์​ไฟ​ร เนล​จะ​ถูก​ใช้งาน​ใน​ลักษณะ​กลับกัน​คือ ใช้​เลนส์​ไฟ​รเนล​ใน​การ​รวม​แสง​เข้า​มาจาก​ทุกทิศทาง​เพื่อ​โฟกัส​ลง​ไป​ยัง​ส่วน​ตรวจจับ​แสง​อินฟราเรด​ของ​โมดูล​ตรวจจับ PIR เพื่อ​ให้การ​ตรวจจับ​การ​เปลี่ยนแปลง​ของ​รังสี​อินฟราเรด​มี​ความ​ไว​สูง

คุณสมบัติของโมดูลตรวจจับ ZX-PIR
อุปกรณ์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่นำมาเสนอเพื่อเป็นตัวอย่างในที่นี้คือ โมดูล ZX-PIR ซึ่งใช้ตัวตรวจจับที่เรียกว่า PIR ซึ่งสามารถตรวจจับการแผ่รังสีอินฟราเรด โดยทำงานร่วมกับเลนส์ชนิดพิเศษที่เรียกว่า เลนส์ไฟรเนล ซึ่งทำหน้าที่รวมรังสีอินฟราเรดที่ตัวตรวจจับได้รับ เพื่อส่งผ่านไปยังตัวตรวจจับ PIR เพื่อทำการประมวลผลต่อไป ในรูปที่ 5 แสดงลักษณะทางกายภาพของโมดูล ZX-PIR และขาต่อใช้งาน


รูปที่ 5 แสดงขนาด, ส่วนประกอบและการจัดขา และหน้าตาของโมดูล ZX-PIR

คุณสมบัติทางเทคนิคที่ควรทราบมีดังนี้
• ระยะการตรวจจับสูงสุด 20 ฟุต
• เมื่อตรวจพบความเคลื่อนไหวจะให้แรงดันเอาต์พุตที่สภาวะสูงที่ขาเอาต์พุต
• ใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงช่วง 10 ถึง 60 วินาทีหลังจากได้รับไฟเลี้ยง
• ใช้ไฟเลี้ยงในย่าน +3.3 ถึง +5V กระแสไฟฟ้าน้อยกว่า 100 mA

การใช้งาน
เนื่องจาก​เอาต์พุต​ของ​โมดูล ZX-PIR เป็น​สัญญาณ​ดิจิตอล​ที่​มี​สอง​สถานะ​คือ ลอจิก​สูง หรือ “1” และ​ลอจิก​ต่ำ​หรือ “0” จึง​สามารถ​เชื่อม​ต่อ​กับ​ขา​พอร์ต​ดิจิตอล​ของ​ไมโคร​คอนโทรลเลอร์​ได้​ทุก​ตระกูล โดย​ต้อง​กำหนด​ให้​ขา​พอร์ต​ที่​เชื่อม​ต่อ​นั้น​เป็น​อินพุต​ดิจิตอล​ก่อน และ​ไม่​ต้อง​ต่อตัว​ต้านทาน​พูลอัป​ที่​ขา​พอร์ต​ของ​ไมโคร​คอนโทรลเลอร์​ซึ่ง​นำมา​ต่อ​กับ​โมดูล ZX-PIR ดัง​รูป​ที่ 6 เนื่องจาก​เอาต์พุต​ของ ZX-PIR ไม่​สามารถ​จ่าย​กระแส​ได้​มาก​พอที่จะ​ควบคุม​ให้​ขา​พอร์ต​เป็น​ลอจิก “0” ใน​ภาวะ​ที่​ไม่​สามารถ​ตรวจจับ​การ​เคลื่อนไหว​ได้ หาก​มี​การ​ต่อตัว​ต้านทาน​พูลอัป​ที่​ขา​พอร์ต​ของ​ไมโคร​คอนโทรลเลอร์


รูปที่ 6 ตัวอย่างการเชื่อมต่อโมดูล ZX-PIR กับไมโครคอนโทรลเลอร์

ที่ไมโครคอนโทรลเลอร์ต้องเขียนโปรแกรมเพื่อตรวจจับการเปลี่ยนแปลงทางลอจิกของขาพอร์ตที่ต่อกับโมดูล ZX-PIR

คลิกเพื่อชมตัวอย่างการใช้ PIR กับหุ่นยนต์เดินตามเส้น iBEAM

จากข้อมูลที่นำเสนอมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า การตรวจจับความเคลื่อนไหวด้วยโมดูล PIR นี้ ความไวหรือประสิทธภาพในการทำงานจะขึ้นกับเลนส์ไฟรเนลเป็นสำคัญ ทางด้านการนำไปใช้งานนั้นจะเห็นได้ว่าง่ายมาก หากแต่ ต้องให้ความใส่ใจในด้านการติดตั้งตัวตรวจจับในตำแหน่งที่เหมาะสม

สนใจซื้อหามาใช้งานได้ที่ www.inex.co.th


 

Categories
รีวิว

รู้จักกับบอร์ดไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino UNO

i-Duino UNO R3B คือ บอร์ด Arduino UNO compatible รุ่นใหม่ล่าสุดฝีมือคนไทยที่ใช้ชิป ATmega328PB และมาพร้อมกับ Arduino IDE 1.7.10 เวอร์ชันพิเศษที่พัฒนาต่อยอดโดยคนไทย รุ่นแรกของโลกที่ใช้งานกับชิปใหม่ได้เต็มความสามารถ

i-Duino UNO R3B หรือบอร์ด R3B คือแผงวงจรสำหรับทดลองและใช้งานไมโครคอนโทรลเลอร์ Arduino ที่เข้ากันได้กับ Arduino UNO ราคาประหยัด และมาพร้อมกับอุปกรณ์คุณภาพสูง บรรจุวงจรภาคจ่ายไฟแบบสวิตชิ่งที่มีเสถียรภาพ มีสวิตช์เพื่อเลือกใช้ไฟเลี้ยงทั้ง +5V และ +3.3V ทำให้บอร์ด R3B เป็นแผงวงจร Arduino UNO compatible ในไม่กี่รุ่นในโลกที่รองรับไฟเลี้ยงทั้งสองระบบ และที่เป็นพิเศษคือ ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ ATmega328PB ซึ่งเป็นชิปรุ่นใหม่กว่า ATmega328P ที่ใช้ใน Arduino UNO รุ่นดั้งเดิม

ใหม่กว่ากับ ATmega328PB ชิปผู้มาแทน

ความใหม่ที่โดดเด่นของบอร์ด R3B ประการแรกคือ เลือกใช้ชิป ATmega328PB เบอร์ใหม่สุดในอนุกรมนี้
ทำให้มีขาพอร์ตมากขึ้น ทั้งอินพุตเอาต์พุตดิจิตอล, อินพุตอะนาลอก, เอาต์พุต PWM, พอร์ตสื่อสารข้อมูลอนุกรม UART เพิ่มอีก 1 ชุด, พอร์ตเชื่อมต่อบัส I2C อีก 1 ชุด, พอร์ตเชื่อมต่อระบบบัส SPI อีก 1 ชุด และทุกขาพอร์ตมีความสามารถอินพุตแบบสัมผัส ดังแสดงการจัดขาของ ATmega328PB ในรูปที่ 1

ส่วนประกอบของบอร์ดที่ยืดหยุ่น

ในรูปที่ 2 แสดงส่วนประกอบต่างๆ ของบอร์ด R3B ซึ่งเข้ากันได้กับ Arduino UNO R3 โดยในบอร์ด R3B ได้เพิ่มเติมจุดต่อพอร์ตอินพุตเอาต์พุตทั้งหมดในรูปแบบที่มีการจัดขาเหมือนจุดต่อเซอร์โวมอเตอร์และสวิตช์เพื่อเลือกระบบไฟเลี้ยง ส่งผลให้บอร์ด R3B มีความพร้อมสำหรับการเรียนรู้และใช้งานไมโครคอนโทรลเลอร์เป็นอย่างดี

นอกจากนั้นยังมีจุดต่อพอร์ตอินพุตอะนาลอกเพิ่มอีก 2 ขาคือ A6 (พอร์ต 20) กับ A7 (พอร์ต 21) และอินพุตเอาต์พุตดิจิตอลอีก 2 ขา (ขา 22 และ 23) อำนวยความสะดวกในการต่อโมดูลสื่อสารข้อมูลอนุกรมให้ง่ายขึ้นด้วยจุดต่อ Serial 1, ต่อพ่วงกับอุปกรณ์บัส I2C และ SPI ได้สะดวก มีจุดต่อพอร์ตแบบ IDC ตัวผู้ ทำให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น

ด้านภาคจ่ายไฟ ด้วยวงจรแปลงแรงดันไฟตรงแบบ Boost และ Bulk ทำให้ใช้แหล่งจ่ายไฟได้ต่ำถึง +3V จึงใช้แบตเตอรี่ได้ โดยยังคงมีระดับสัญญาณลอจิกเลือกได้ทั้ง +5V และ +3.3V

ด้านการพัฒนาโปรแกรมผู้ผลิต (INEX) ได้นำ Arduino IDE 1.7.10 จากฝั่ง arduino.org มาต่อยยอดเป็นเวอร์ชันพิเศษทำให้ใช้งานไมโครคอนโทรลเลอร์ ATmega328PB ได้เต็มความสามารถ อาจกล่าวได้ว่า นี่คือ Arduino IDE 1.7.10 รุ่นแรกที่รองรับและใช้งานได้กับ ATmega328PB ทั้งนี้เนื่องจากในขณะที่ทำบทความนี้ผู้พัฒนา Arduino IDE มาตรฐาน ทั้งทาง arduino.cc
และ arduino.org ยังไม่มีฮาร์ดแวร์ที่ใช้ชิป ATmega328PB อย่างเป็นทางการ ทำให้ไม่สามารถใช้งาน Arduino IDE รุ่นมาตรฐานกับฮาร์ดแวร์ ATmega328PB ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทาง INEX จึงได้นำ Arduino IDE ตั้งแต่เวอร์ชัน 1.7.8 มาปรับปรุงใหม่และทำการอัปเกรดตามการเปลี่ยนแปลงเวอร์ชันของ arduino.org จนถึงในขณะที่ต้นฉบับนี้เป็นเวอร์ชัน 1.7.10

นอกจากนั้นยังมีจุดต่อพอร์ตอินพุตอะนาลอกเพิ่มอีก 2 ขาคือ A6 (พอร์ต 20) กับ A7 (พอร์ต 21) และอินพุตเอาต์พุตดิจิตอลอีก 2 ขา (ขา 22 และ 23) อำนวยความสะดวกในการต่อโมดูลสื่อสารข้อมูลอนุกรมให้ง่ายขึ้นด้วยจุดต่อ Serial 1, ต่อพ่วงกับอุปกรณ์บัส I2C และ SPI ได้สะดวก

มีจุดต่อพอร์ตแบบ IDC ตัวผู้ ทำให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น

ด้านภาคจ่ายไฟ ด้วยวงจรแปลงแรงดันไฟตรงแบบ Boost และ Bulk ทำให้ใช้แหล่งจ่ายไฟได้ต่ำถึง +3V จึงใช้แบตเตอรี่ได้ โดยยังคงมีระดับสัญญาณลอจิกเลือกได้ทั้ง +5V และ +3.3V

ด้านการพัฒนาโปรแกรมผู้ผลิต (INEX) ได้นำ Arduino IDE 1.7.10 จากฝั่ง arduino.org มาต่อยยอดเป็นเวอร์ชันพิเศษทำให้ใช้งานไมโครคอนโทรลเลอร์ ATmega328PB ได้เต็มความสามารถ อาจกล่าวได้ว่า นี่คือ Arduino IDE 1.7.10 รุ่นแรกที่รองรับและใช้งานได้กับ ATmega328PB ทั้งนี้เนื่องจากในขณะที่ทำบทความนี้ผู้พัฒนา Arduino IDE มาตรฐาน ทั้งทาง arduino.cc
และ arduino.org ยังไม่มีฮาร์ดแวร์ที่ใช้ชิป ATmega328PB อย่างเป็นทางการ ทำให้ไม่สามารถใช้งาน Arduino IDE รุ่นมาตรฐานกับฮาร์ดแวร์ ATmega328PB ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทาง INEX จึงได้นำ Arduino IDE ตั้งแต่เวอร์ชัน 1.7.8 มาปรับปรุงใหม่และทำการอัปเกรดตามการเปลี่ยนแปลงเวอร์ชันของ arduino.org จนถึงในขณะที่ต้นฉบับนี้เป็นเวอร์ชัน 1.7.10

นี่คืออีกหนึ่งผลงานจากวิศวกรและผู้ผลิตคนไทยที่ควรค่าต่อการสนับสนุน และนับเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยได้นำเสนอความก้าวหน้าล่าสุดของการใช้งานฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ Arduino ที่ใช้ชิปใหม่และมีคุณสมบัติเหนือกว่า Arduino รุ่นมาตรฐานและดั้งเดิม

คุณสมบัติทางเทคนิคของบอร์ด iDuino UNO R3B

• เข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์ Arduino UNO R3
• ใช้ไมโครคอนโทรลเลอร์ ATmega328PB ของ Atmel มีหน่วยความจำโปรแกรมแบบแฟลช 32 กิโลไบต์ โปรแกรมใหม่ได้ 10,000 ครั้ง มีหน่วยความจำข้อมูลอีอีพรอม 512 ไบต์ และหน่วยความจำข้อมูลแรม 1 กิโลไบต์ สัญญาณนาฬิกาหลัก 16MHz จากคริสตอล
• มีจุดต่อพอร์ต USB สำหรับอัปโหลดโปรแกรมและสื่อสารข้อมูลกับคอมพิวเตอร์
• มีสวิตช์ RESET การทำงาน
• มีจุดต่อพอร์ตตามมาตรฐานของ Arduino UNO
• มีจุดต่อแบบ IDC 3 ขา รวม 20 จุด แบ่งเป็นขาพอร์ตดิจิตอล 14 จุด และขาพอร์ตแบบดิจิตอลหรืออะนาลอก (กำหนดได้) 6 จุด
• มีจุดต่อพอร์ตที่เพิ่มขึ้นอีก 4 ขา คือ 20 ถึง 23 ซึ่งเป็นขาพอร์ตอินพุตเอาต์พุตดิจิตอลและเป็นอินพุตอะนาลอกอีก 2 ขาคือ 20/A6 และ 21/A7
• มีจุดต่อระบบบัส 2 สาย (I2C) เพื่อขยายระบบ
• มีจุดต่อพอร์ตสื่อสารข้อมูลอนุกรม SERIAL1 เป็นความสามารถที่เพิ่มขึ้นของ ATmega328PB ทำให้ใช้เชื่อมต่อกับโมดูลสื่อสารข้อมูลอนุกรมอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องใช้ SERIAL0 เดิมที่ใช้งานร่วมกับชิปแปลงสัญญาณพอร์ต USB เป็น UART
• ใช้ภาคจ่ายไฟแบบสวิตชิ่งที่รับแรงดันอินพุตจากแจ๊กอะแดปเตอร์ได้ตั้งแต่ 3 ถึง 12V จึงใช้กับแบตเตอรี่ได้ และยังใช้ไฟเลี้ยงจากพอร์ต USB ได้ด้วย โดยมีจั๊มเปอร์เลือกระดับไฟเลี้ยงที่ต้องการ ปกติจะเลือกไว้ที่ +3.3V
• ตัวชิป ATmega328PB ได้รับการโปรแกรมบิตฟิวส์แบบใหม่ ทำให้รักษาข้อมูลของหน่วยความจำอีอีพรอมภายในตัวชิปไว้ได้เมื่อมีการอัปโหลดโค้ด ความสามารถนี้ไม่มีอยู่ใน Arduino UNO ดั้งเดิม
• มีความสามารถในการป้องกันการอ่านข้อมูลออกจากหน่วยความจำโปรแกรมหรือ Code protection ความสามารถนี้ไม่มีอยู่ใน Arduino UNO ดั้งเดิม
• มีความเร็วในการอัปโหลดโปรแกรมสูงกว่า Arduino UNO ดั้งเดิม
• พัฒนาโปรแกรมด้วย Arduino IDE 1.7.10 เวอร์ชันพิเศษที่ทาง INEX ได้ทำการปรับปรุงขึ้นใหม่เป็นพิเศษให้รองรับกับไมโครคอนโทรลเลอร์ ATmega328PB

ดาวน์โหลดโปรแกรมที่ www.inex.co.th

สนใจหาซื้อมาใช้ได้ที่ www.inex.co.th หรือซื้อชุด StarterKit ได้ที่ Lazada


 

Categories
รีวิว

iBEAM ชุดหุ่นยนต์เคลื่อนที่ตามเส้นแบบไม่ต้องเขียนโปรแกรม

เรามาดูบอร์ดควบคุมอัตโนมัติที่ผู้ใช้ไม่ต้องเขียนโปรแกรมกันบ้างนะครับ ในตอนนี้เรามารู้จักกับชุดหุ่นยนต์ iBEAM กัน อันที่จริงแล้วไม่ได้ใช้แค่การควบคุมมอเตอร์ให้หุ่นยนต์เคลื่อนที่เท่านั้น แต่บอร์ด iBEAM ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างโครงงานอัตโนมัติอย่างง่ายๆ ได้อีกหลากหลาย แต่ในตอนนี้ขอแนะนำเฉพาะตัวชุดที่ผู้ขายจัดมาให้เป็นชุดก่อนก็แล้วกัน

คลิกเพื่อชมวิดีโออุปกรณ์ในกล่อง


คลิกเพื่อชมวิดีโอการประกอบ

iBEAM คือชุดหุ่นยนต์เคลื่อนที่ตามเส้นแบบอัตโนมัติโดยไม่ต้องเขียนโปรแกรม โดยอาศัยวงจรจรอิเล็กทรอนิกส์พื้นฐานคือไอซีออปแอมป์มาทำหน้าที่เปรียบเทียบแรงดันที่เกิดขึ้นจากตัวตรวจจับแสงสะท้อนอินฟราเรด กับแรงดันอ้างอิงของวงจร นำผลการเปรียบเทียบที่ได้นั้นไปควบคุมให้มอเตอร์ทำงานหหรือหยุดทำงานนั่นเอง

ออกแบบและผลิตจำหน่าย โดย บริษัท อินโนเวตีฟ เอ็กเพอริเมนต์ จำกัด หรือ INEX

อุปกรณ์ในชุด
1. แผงวงจร iBEAM
2. ชุดเฟืองขับมอเตอร์ BO1 (87:1) (1 Output) (สาย IDC สีดำ)
3. ล้อพลาสติก 3 1/2 นิ้ว สำหรับชุดเฟืองขับมอเตอร์ รุ่น BO-2
4. ยางขอบล้อ
5. แผ่นฐานแบบกริดขนาด 80 x 80 มม.
6. ZX-03 แผงวงจรตรวจจับอินฟราเรดสะท้อน
7. กล่องใส่กะบะถ่าน 4 ก้อน
8. แท่งต่อ/ชิ้นต่อพลาสติก/ชุดนอต
9. เหล็กฉาก 2×3 แบบวงรี
10. เทปพันสายไฟ
11. คู่มือการใช้งาน

การประกอบก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ทำตามคู่มือไปเรื่อยๆ ก็จะได้หุ่นยนต์ 2 ล้อ ที่มีเซนเซอร์หรือตัวตรวจจับแสงสะท้อน 2 ตัวติดตั้งไว้ด้านล่างของแผ่นฐานหุ่นยนต์

 

การทดสอบ
ก่อนอื่นเราก็มาสร้างสนามสำหรับให้หุ่นยนต์ขของเราเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่เราต้องการซะก่อน โดยการใช้เทปพันสายไฟสีดำ ติดบนกระดาษขาวหรือฟิวเจอร์บอร์ดสีขาวก็ดี การติดให้ติดเป็นเส้นทางไม่คดเคี้ยวจนเกินไปแล้วให้ส่วนปลายมาบรรจบกับจุดเริ่มต้นเพื่อให้หุ่นยนต์สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างต่อเนื่องได้

จากนั้นใส่ถ่าน AA จำนวน 4 ก้อนลงในกะบะถ่านที่ติดอยู่กับตัวแผงวงจร แล้วนำหุ่นยนต์วางคร่อมเส้นสีดำ จากนั้นเปิดสวิตช์ที่แผงวงจร iBEAM หากไม่สามารถตรวจจับเส้นได้ เราต้องปรับตัวต้านทานปรับค่าได้ที่แผงวงจรซะก่อน โดยการยกต้วหุ่นยนต์ขึ้นจากพื้นเล็กน้อยไม่เกิน 2-3 ซม. แล้วค่อยๆ ปรับตัวต้านทานปรับค่าได้ทีละข้างจนกว่ามอเตอร์ข้างนั้นจะหยุดหมุน เพียงแค่นี้หุ่นยนต์ iBEAM ของเราก็เคลื่อนที่ไปตามเส้นทางที่เราออกแบบไว้ได้แล้วครับ

หลักการตรวจจับเส้น
ทำไมหุ่นยนต์จึงเคลื่อนที่ไปตามเส้นได้ ก็อย่างที่ได้เกลิ่นไปตอนต้นแล้วว่าอาศัยหลักการเปรียบเทียบแรงดัน แต่เพื่อให้ง่ายในการทำความเข้าใจ เรามาดูภาพประกอบในกรณีเมื่อตัวตรวจจับด้านใดด้านหนึ่งพบเส้นสีดำกันครับ

จากภาพด้านบนจะเห็นว่า เมื่อตัวตรวจจับแสงสะท้อนด้านซ้ายพบเส้นสีดำ จะส่งแรงดันต่ำกลับมายังแผงวงจรทำให้มีแรงดันอ้างอิงที่แผงวจรมีค่าสูงกว่า ไอซีออปแอมป์ด้านซ้ายจะให้แรงดันเอาต์พุตขาออกเป็น 0 โวลต์ เป็นผลให้มอเตอร์ด้านซ้ายหยุดหมุน ในขณะที่ตัวตรวจจับแสงสะท้อนด้านขวาพบพื้นสีขาวมอเตอร์จะยังหมุนอยู่ทำให้หุ่นยนต์ค่อยๆ เลี้ยวไปทางซ้าย จนตำแหน่งของตัวตรวจจับทั้งด้านซ้าายและขวากลับมาคร่อมเส้นอีกครั้ง หุ่นยนต์จึงเคลื่อนที่ตรงไปข้างหน้า

บทสรุป
iBEAM นับเป็นชุดเรียนรู้การทำงานของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ได้เป็นอย่างดี และยังสามารถฝึกให้เด็กๆ ได้เรียนรู้การหยิบจับเครื่องมือ และที่สำคัญ iBEAM ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ทำโครงงานแบบควบคุมอัตโนมัติได้อีกด้วย แล้วพบกันใหม่กับ iBEAM the series

ซื้อได้ที่ไหน
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ 2 แหล่ง (เท่าที่เรารู้)

  1. สั่งซื้อทาง Lazada ส่งฟรีถึงบ้านพร้อมชำระเงินปลายทาง
  2. สั่งซื้อทางเว็บของผู้ผลิต www.inex.co.th

 

Categories
รีวิว

เครื่องมือตรวจสอบไฟประจำบ้าน

เครื่องมือตรวจสอบไฟประจำบ้านที่ทุกคนคุ้นเคย แต่ไม่เคยได้ใช้ มันทำงานอย่างไร มาดูกัน

ปัจจุบันไขควงเช็คไฟมีรูปแบบที่ดูแปลกตามากขึ้น อีกทั้งยังมีชนิดที่ไม่ต้องสัมผัสกับตัวนำ(เส้นทองแดง) ก็สามารถทดสอบได้ ซึ่งไขควงประเภทไม่ต้องสัมผัสตัวนำนั้นจะเหมาะสำหรับงานซ่อมบำรุงเช่นสายไฟที่ฝังผนังอยู่ หรือในพื้นที่ที่ยากต่อการสัมผัสตัวนำไฟฟ้า โดยในบทความนี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะไขควงเช็คไฟพื้นฐานที่ใช้หลอดนีออนเป็นตัวแสดงสถานะเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ไขควงเช็คไฟ มีหลักการทำงานง่ายๆ คืออาศัยร่างกายของผู้ใช้เป็นสื่อ อ๊ะๆ อย่าเพิ่งตกใจว่าอาศัยร่างกายของเราเป็นสื่อก็อันตรายน่ะสิ! ที่ว่าอาศัยร่างกายเป็นสื่อน่ะเรื่องจริง แต่กระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านร่างกายของเราจะถูกลดทอนลงด้วยตัวต้านทานที่ทำหน้าที่จำกัดกระแสไว้ก่อนแล้ว

เรามาทำความรู้จักเจ้าเครื่องมือประจำบ้านตัวนี้ให้มากขึ้นกันดีกว่า ว่ามันมีหลักการทำงานอย่างไร จะได้เลิกกลัวเวลาที่ต้องนำไปตรวจสอบกระแสไฟในบ้านเสียที

หลักการทำงาน
ภายในไขควงเช็คไฟประกอบไปด้วย ปลายไขควง, ตัวต้านทาน, หลอดนีออน,สปริง และจุดสัมผัสทำจากโลหะ ดังรูปที่ 1


รูปที่ 1 แสดงอุปกรณ์ภายในไขควงเช็คไฟ

แต่ส่วนประกอบที่จำเป็นหรืออาจกล่าวได้ว่ามีแค่นี้ก็พอ นั้นก็คือตัวต้านทานสำหรับจำกัดกระแสไฟฟ้าและหลอดนีออนสำหรับแสดงสถานะเท่านั้น ส่วนเจ้าสปริงนั้นเอาไว้ดันให้อุปกรณ์ที่บรรจุภายในแท่งไขควงแนบสนิทกันอยู่ตลอดเวลา

หลักการของไขควงเช็คไฟนั้นอาศัยค่าความต่างศักย์ของกระแสไฟฟ้า นั่นก็คือกระแสไฟฟ้าจะไหลจากจุดที่มีศักย์มากไปยังที่ๆ มีศักย์น้อยกว่านั่นเอง โดยเมื่อปลายไขควงสัมผัสกับตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าจะไหลผ่านตัวต้านทานเพื่อทำการจำกัดกระแสให้ลดลงเหลือเพียง 0.1 ถึงประมาณ 0.2mA เท่านั้นทำให้ไม่เกิดอันตรายกับผู้ใช้ แล้วจึงไหลผ่านไปยังหลอดนีออน (กระแสไฟฟ้าเพียงเล็กน้อยก็สว่างแล้ว) ต่อไปยังร่างกายของผู้ใช้งานแล้วไหลลงพื้นเป็นอันครบวงจร ทำให้หลอดนีออนติดสว่างขึ้นมานั่นเอง


รูปที่ 2 แสดงวงจรของไขควงเช็คไฟ และทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้า

การใช้งานไขควงเช็คไฟ
(1) ใช้มือจับบริเวณด้ามของไขควง (ส่วนที่เป็นฉนวนพลาสติก) ระวังอย่าให้มือสัมผัสโดนส่วนปลายของไขควงเด็ดขาด
(2) นำปลายไขควงแตะกับเต้ารับไฟฟ้าหรือบนโลหะที่ต้องการทดสอบ
(3) ใช้นิ้วมือแตะบนจุดสัมผัส (เป็นโลหะสีตะกั่ว) ที่ส่วนหัวของไคขวง หากหลอดนีออนติด แสดงว่าช่องนั้นมีกระแสไฟฟ้า หรือเป็นเส้นไลน์นั่นเอง ดังรูปที่ 3


รูปที่ 3 การใช้งานไขคสวตรวจสอบไฟกับเต้ารับ

ต่อไปเราจะมาดูวิธีการตรวจสอบไฟอีกวิธี ในกรณีที่ไม่มีไขควงเช็คไฟ

วิธีการใช้มิเตอร์แทนไขควงเช็คไฟ
นอกจากการใช้ไขควงตรวจสอบไฟแล้ว ยังสามารถใช้เครื่องมืออื่นที่ง่ายและนักอิเล็กทรอนิกส์คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นั่นก็คือการใช้มัลติมิเตอร์แบบเข็มนั่นเอง


รูปที่ 4 การตรวจสอบไฟด้วยมัลติมิเตอร์

วิธีการ
ตั้งมาตรวัดที่มัลติมิเตอร์ไปที่ย่านวัดไฟฟ้ากระแสสลับ AC VOLT ในช่วงการวัด 250V หรือ 1000V จากนั้นจับปลายสายวัดเส้นนึงไว้ (เส้นไหนก็ได้) ส่วนอีกปลายก็นำไปเสียบที่ช่องของเต้ารับ หรือตัวนำโลหะที่ต้องการตรวจสอบ หากเข็มชี้ขึ้นมาก็แสดงว่ามีกระแสไฟไหลอยู่

สำหรับใครยังไม่มีเครื่องมือประจำบ้านตัวนี้ก็ซื้อติดบ้านเอาไว้นะครับ เพราะมันจำเป็นมากๆ แถมราคาค่าตัวของมันเพียงไม่กี่สิบบาทจนถึงร้อยบาทต้นๆ เท่านั้น หรือนักอิเล็กทอนิกส์จะใช้วิธีสุดท้ายที่แนะนำนี้ก็ได้
ไม่ผิดกติกา แต่มันจะเกะกะไปสักหน่อยนะ จะบอกให้

Categories
รีวิว

เครื่องมือพ่นเปลวไฟอเนกประสงค์ Dremel

แนะนำเครื่องมือพ่นไฟอเนกประสงค์ ที่จะมาช่วยสร้างสรรค์งานได้สารพัดนึก ทั้งงานสร้าง งานซ่อม ให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ

Exit mobile version