Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯร่วมกับสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทย เผย “ความก้าวหน้าการรักษา HIV ในปัจจุบัน”ลดลง

ราชวิทยาลัยอายุแพทย์แห่งประเทศไทยร่วมกับสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันเผยถึง “ความก้าวหน้าการรักษา HIV ในปัจจุบัน”ตั้งเป้าหมายผู้ป่วยเอดส์จากแม่สู่ลูกลดลงให้เหลือ 1 เปอร์เซ็นต์ ในปี พศ. 2563 และจะต้องลดลงให้เหลือ 0 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ หากประชาชนต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับ HIV สามารถติดต่อได้ที่ 1663

ศ.นพ.สมชาย เอี่ยมอ่อง ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า จากสถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทยในปัจจุบัน มีสัญญาณเตือนที่ดีในการแพร่ระบาด ซึ่งอยู่ในสัดส่วนผู้ป่วยโรคเอดส์โดยรวมทั่วประเทศลดลง ดังนั้นราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย จึงร่วมกับสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทย กรมควบคุมโรค คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย จึงออกมาเปิดเผยถึง “ความก้าวหน้าการรักษา HIV ในปัจจุบัน” ในประเด็นเรื่องของสถานการณ์เอดส์และความก้าวหน้าการรักษา มาตรฐานการดูแลรักษาผู้ป่วย HIV ประเทศไทย รวมถึงมาตรฐานและความก้าวหน้าการป้องกันการติดเชื้อ HIV จากแม่สู่ลูกในประเทศไทย

รศ.นพ.วินัย รัตนสุวรรณ นายกสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทยกล่าวถึงสถานการณ์เอดส์และความก้าวหน้าการรักษาว่า สถานการณ์การติดเชื้อ HIV ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ HIV นับตั้งแต่มีการระบาด 38 ปี ล่าสุดจำนวน 77.3 ล้านคน และ 35.4 ล้านคนเสียชีวิต นับตั้งแต่มีการระบาด และมีจำนวน 36.9 ล้านคน ติดเชื้อ HIV ที่ยังมีชีวิตในปี 2560 และมีผู้ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ใหม่ในปี 2560 อีกจำนวน 1.8 ล้านคน สำหรับในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อมากกว่า1 ล้านคนในเวลา 35 ปี และมีผู้ติดเชื้อประมาณ6 แสนคนเสียชีวิต นับตั้งแต่มีการระบาด และผู้ติดเชื้อประมาณ 6 แสนคนติดเชื้อ HIV ที่ยังมีชีวิตในปี 2560 (ประมาณ 2% ของทั้งโลก) และมีผู้ติดเชื้อใหม่ประมาณ 6,000 คน เฉลี่ยวันละ 17 คน (ประมาณ 0.3 % ของทั้งโลก) ทั้งนั้การวิวัฒนาการการรักษา HIV เริ่มตั้งแต่ปี 2524-2538 ไม่มียาต้านไวรัสที่ได้ผล ทำได้เพียงรักษาโรคติดเชื้อแทรกซ้อน ผู้ติดเชื้อ HIV อายุสั้น ต่อมา ปี 2538 จนถึงปัจจุบัน มียาต้านไวรัสที่ได้ผล ผู้ป่วยกลับมามีภูมิต้านทาน ปกติ แข็งแรงทำงานได้ปกติ
การพยากรณ์โรคผู้ติดเชื้อ HIVก่อนยุคยาต้านไวรัส HIV ผู้ป่วยที่เริ่มมีโรคติดเชื้อแทรกซ้อน สภาพไม่ต่างกับมะเร็งระยะสุดท้าย แต่ตั้งแต่ ปี 2538 เป็นต้นมา ผู้ติดเชื้อ HIV มีชีวิตยืนยาวได้ใกล้เคียง คนปกติ หากได้รับการวินิจฉัย การรักษาอย่างถูกต้อง และผู้ป่วยปฏิบัติตัวดี รับประทานยายาครบถ้วน ตรงเวลา และไม่ไปรับเชื้อใหม่ U=U udetectable=untransmittable คือการอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งผู้ติดเชื้อ HIV สามารถพักอาศัย ทำงานร่วมกับคนปกติได้โดยไม่มีอันตราย ไม่ต้องตรวจ HIV ก่อนเข้าเรียน ก่อนเข้าทำงาน ก่อนบวช การติดต่อรHIV ติดต่อ 3 ทางที่สำคัญคือ 1.การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน 2.การใช้ของมีคมร่วมกัน และ3. การติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ซึ่งกล่าวโดยสรุปคือ ยังมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ทุกปี, การป้องกันการติดเชื้อดีที่สุด, ผู้ติดเชื้อ HIV ที่ได้รับยาต้านไวรัส HIV อย่างถูกต้อง จะมีชีวิตยืนยาวได้ใกล้เคียงคนปกติ, U=U (Undetectable=Untransmittable)สามารถมีชีวิตร่วมกับคนอื่นได้ตามปกติ เพราะทางติดต่อไม่ได้เกิดในวิถีชีวิตประจำวันตามปกติ, รับยาต้านไวรัส HIV ฟรีทุกสิทธิรักษาพยาบาลเช

“ความก้าวหน้าในการป้องกันการติดเชื้อ เอชไอวี จากแม่สู่ลูก”
ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ในวันที่ 8 มิถุนายน 2559 ประเทศไทยได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ที่สามารถบรรลุเป้าหมายในการกำจัดการติดเชื้อเอชไอวีในทารก คือเหลือการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกน้อยกว่า 2% ได้ นับเป็นประเทศที่ 2 ในโลก และเป้าหมายถัดไปคือลดให้เหลือ 1% ในปี พศ. 2563 ซึ่งก็คือในปีหน้านั่นเอง ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกนั้นจะต้องทำ 4 เรื่องหลัก คือ 1.การป้องกันไม่ให้ผู้หญิงเชื้อ ซึ่งต้องใช้วิธีการหลายๆ รูปแบบ ที่สำคัญคือ ต้องพยายามวินิจฉัยผู้ที่ติดเชื้อให้พบ และให้การรักษาเร็วที่สุด เพื่อที่ไม่ให้ไปแพร่เชื้อกับคู่ของตน และรักเดียวใจเดียวไม่มีคู่นอนหลายคน 2.การป้องกันไม่ให้หญิงที่ติดเชื้อตั้งครรภ์โดยไม่วางแผนล่วงหน้า ส่งเสริมตรวจการติดเชื้อทั้งสามีและภรรยาก่อนตั้งครรภ์ หากพบว่าติดเชื้อเอชไอวีสามารถมีบุตรได้โดยอย่างปลอดภัย โดยมีการวางแผนการตั้งครรภ์อย่างเหมาะสม หากพบว่าสามีติดเชื้อฝ่ายเดียวแต่ฝ่ายหญิงไม่ติดเชื้อ ก็สามารถวางแผนตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัยจากการติดเชื้อ
3.การป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก จะต้องมีการตรวจเอชไอวีในหญิงตั้งครรภ์ทุกคนโดยเร็วที่สุด หากพบว่า หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเอชไอวี จะต้องรีบให้ยาต้านไวรัสโดยเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้แพร่เชื้อไปสู่ทารกในครรภ์ และจะต้องกินยาให้สม่ำเสมอระหว่างตั้งครรภ์ เพราะการติดเชื้อสู่ทารกนั้น เกิดได้ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ โดยเฉพาะช่วงท้องแก่และระหว่างคลอด ในระหว่างคลอด แพทย์จะมีการให้ยาเพิ่มและให้ยาป้องกันในทารกหลังคลอดด้วย นอกจากนี้ จะต้องให้ทารกงดนมแม่อย่างเด็ดขาด เพราะการติดเชื้อจะผ่านทางน้ำนมได้ หากปฏิบัติได้ครบถ้วน ทารกจะมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่า 1% เมื่อเทียบกับไม่ให้การป้องกันใด ๆ เลย ทารกจะมีโอกาสติดเชื้อสูงถึง 25% ถ้าไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสในระหว่างตั้งครรภ์เลย หรือกรณีไม่มาฝากท้องเลย จะมีการตรวจเอชไอวีแบบด่วนในห้องคลอด และถ้าบวกจะให้ยาในระหว่างคลอดไปก่อน ซึ่งอาจได้ผลไม่ดีเท่าการให้ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ ที่สำคัญคือ จะต้องพาสามีมาตรวจเลือด เพื่อจะได้รักษาถ้าพบว่าติดเชื้อ จะได้ไม่แพร่เชื้อต่อ โดยเฉพาะกรณีที่หญิงตั้งครรภ์ยังไม่ติดเชื้อด้วยแต่สามีติดฝ่ายเดียว และหญิงตั้งครรภ์จะได้ป้องกันการติดเชื้อด้วยการกินยาเพร็พ และการตรวจเลือดสามียังจะได้ตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ ที่ถ่ายทอดจากพ่อแม่สู่ลูกด้วย เช่น ตับอักเสบบี ซิฟิลิส ธาลัสซีเมีย และ4.การดูแลแม่และครอบครัวหลังคลอด คุณแม่ควรที่จะได้รับการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สุขภาพดี และจะต้องมีการตรวจติดตามทารกและสามีด้วย รวมทั้งมีการวางแผนครอบครัวอย่างเหมาะสม
ปัญหาในขณะนี้คือ แม่ไม่มาฝากครรภ์แต่เนิ่น ๆ ไม่พาสามีมาตรวจ ทำให้ไม่ทราบว่ามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้ออยู่ ดังนั้นสิ่งที่จะต้องเน้นย้ำคือ การหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ในขณะที่ไม่พร้อม หรือไม่ได้วางแผน การมาฝากท้องเร็ว การพาคู่มาตรวจขณะไปฝากครรภ์ด้วย หากพบว่าติดเชื้อไม่ต้องตกใจ ให้รีบกินยาอย่างสม่ำเสมอ และนำทารกมาตรวจติดตามหลังคลอด พร้อมกับกินยารักษาตนเองและสามีอย่างต่อเนื่องหลังคลอด และวางแผนครอบครัวอย่างเหมาะสม หากทำทุกอย่างได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ทารกก็จะปลอดภัยไม่ติดเชื้อ และครอบครัวก็จะแข็งแรงมีความสุข

มาตรฐานการดูแลรักษาผู้ป่วย HIV ในประเทศไทย

พญ.เสาวนีย์ วิบุลสันติ นายแพทย์เชี่ยวชาญ/รองผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่ กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยมีเป้าหมายที่จะยุติปัญหาเอดส์ ในปี พ.ศ. 2573 คือ ไม่มีเด็กติดเชื้อเอชไอวีเมื่อแรกเกิด การติดเชื้อรายใหม่น้อยกว่าปีละ 1,000 คน ผู้ที่อยู่ร่วมกับเชื้อทุกคนเข้าถึงบริการยาต้านไวรัสเอชไอวี และไม่มีการตีตรารังเกียจและเลือกปฏิบัติต่อผู้อยู่ร่วมกับเชื้อและประชากรหลักที่มีภาวะเปราะบางต่อการติดเชื้อ การที่จะบรรลุเป้าหมายได้ ต้องมีการทำงานที่บูรณาการด้านป้องกันและรักษาอย่างต่อเนื่องและเชื่อมโยงกันตั้งแต่การป้องกันการติดเชื้อ การออกเชิงรุกเข้าหาประชากรเป้าหมาย การให้การปรึกษาและตรวจหาการติดเชื้อ การส่งต่อเพื่อเข้าสู่บริการดูแลรักษาด้วยยาต้านไวรัส การติดตามการรักษาและกินยาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ในรูปแบบการมีส่วนร่วม ทั้งจากผู้ให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข ภาคประชาสังคม และเครือข่ายผู้ติดเชื้อ
การดำเนินงานจะมุ่งเน้นความต่อเนื่องของการเข้าถึง-การเข้าสู่บริการ-การตรวจเอชไอวี-การรักษา-การคงอยู่ในระบบ (Reach-Recruit-Test-Treat-Retain : RRTTR) โดย “การเข้าถึง” ต้องเข้าถึงกลุ่มประชากรเป้าหมายที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เพื่อสร้างความต้องการตรวจเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ “การเข้าสู่บริการ” ต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายมีความต้องการตรวจเอชไอวีและเข้าสู่บริการป้องกันและดูแลรักษา “การตรวจเอชไอวี” มีการให้บริการตรวจเอชไอวีที่เข้าถึงได้ มีบริการตรวจเอชไอวีที่สามารถทราบผลได้ภายในวันเดียว โดยประชาชนไทยสามารถตรวจฟรีปีละ 2 ครั้ง ทั่วประเทศ ทุก รพ.ที่ให้บริการภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นอกจากนี้ยังมีการกระจายบริการตรวจเอชไอวีลงสู่ระดับชุมชน มีการจัดบริการตรวจเอชไอวีเชิงรุก “การรักษา” ผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี สามารถเริ่มยาต้านไวรัสฯ ได้ทุกระดับ CD4 และเริ่มยาต้านไวรัสได้แต่เนิ่น ๆ ตามแนวทางของประเทศ และ “การคงอยู่ในระบบ” จะต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายยังคงป้องกัน หรือรักษาอย่างต่อเนื่อง เป็นการมุ่งเน้นให้ผู้ที่ผลการตรวจเอชไอวีเป็นลบ ยังคงป้องกันและตรวจเอชไอวีโดยสม่ำเสมอ ส่วนผู้ที่ติดเชื้อฯ เมื่อเข้าสู่การรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯ แล้วต้องกินยาสม่ำเสมอ หรือหากยังไม่เริ่มยาต้านไวรัส ต้องติดตามให้เริ่มรักษาด้วยยาต้านไวรัสฯ ให้เร็วที่สุด
นอกจากการดำเนินงานดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรคร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาศักยภาพบุคลากรและสนับสนุนวิชาการ โดยจัดทำแนวทางการตรวจรักษาและป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ประเทศไทย ผลักดันนโยบายต่าง ๆ ที่มีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อผู้ติดเชื้อและผู้ป่วย รวมถึงการพัฒนาคุณภาพบริการดูแลรักษาเอชไอวีในหน่วยบริการสุขภาพให้มีมาตรฐานและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

การวิจัยและการรักษา

นพ.ยูจีน ครูน (Dr. Eugene Kroon) ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวว่า เอชไอวี คือเชื้อไวรัสชนิดอาร์เอ็นเอ จัดอยู่ในกลุ่มรีโทรไวรัส (Retrovirus) เอชไอวีเปลี่ยนอาร์เอ็นเอของไวรัสเป็นดีเอ็นเอ และทำการแทรกดีเอ็นเอของมันเข้าไปในดีเอ็นเอของมนุษย์ เซลล์ส่วนมากที่มีดีเอ็นเอของไวรัสอยู่จะสามารถสร้างอนุภาคใหม่ของไวรัสออกมา และเซลล์นั้นจะตายไปจากภาวะเหนื่อยล้าหรือถูกกำจัดด้วยภูมิคุ้มกันของร่างกาย อย่างไรก็ตาม บางเซลล์ที่มีดีเอ็นเอไวรัสอยู่ เรียกว่า “เซลล์ในภาวะแฝง” ซึ่งเซลล์นี้อาจจะถูกกระตุ้นและผลิตไวรัสได้อีกในภายหลัง ภูมิคุ้มกันของร่างกายจะไม่เห็นว่าเซลล์ที่มีเชื้อหลบซ่อนอยู่นี้จัดเป็นเซลล์ผิดปกติ ทำให้ไม่ถูกกำจัดและคงอยู่ในร่างกายได้เหมือนเซลล์ปกติอื่น ๆ ความสามารถในการหลบซ่อนของเชื้อ HIV หรือแหล่งสะสมของเชื้อเอชไอวี เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ในการกำจัดเชื้อให้หมดไปจากร่างกาย เพราะการรักษาด้วยยาต้านไวรัสจะไม่สามารถกำจัดเชื้อที่ซ่อนอยู่ในเซลล์เหล่านี้ ได้ เมื่อผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัส มักจะมีแหล่งสะสมเชื้อขนาดใหญ่อยู่แล้ว และจะลดลงด้วยอัตราครึ่งชีวิตที่ 44 เดือน ผู้ที่เริ่มยาต้านไวรัสเอชไอวีในระยะติดเชื้อเฉียบพลัน (ผู้ติดเชื้อในระยะเฉียบพลัน คือผู้ที่มีเชื้อเอชไอวีอยู่ในร่างกายหรือตรวจพบว่ามี viral load แต่ยังไม่สามารถตรวจหาแอนติเจนของเชื้อและแอนติบอดี้ต่อเชื้อได้) จะมีขนาดของแหล่งสะสมเชื้อเอชไอวีน้อยกว่าคนที่ได้รับยาต้านเมื่อติดเชื้อมานาน โอกาสที่จะพบคนที่ติดเชื้อในระยะเฉียบพลันนี้ได้ค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2009-2019 เราสามารถตรวจหาผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีในระยะเฉียบพลันจำนวน 777 รายจาก 333,713 รายของผู้ที่เข้ามารับการตรวจที่คลีนิคนิรนาม ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย

มีเพียง 2 รายในโลกที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 100% ทั้ง 2 รายนี้ได้รับการปลูกถ่ายไขกระดูกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยทำการปลูกถ่ายด้วยเซลล์จากผู้บริจาคที่ดื้อหรือต้านทานต่อเชื้อเอชไอวี (พบประมาณ 1% ของชาวยุโรป) การรักษานี้อันตราย (อัตราการตายสูง) กระบวนการรักษาทำได้ยาก ราคาแพงและยังไม่เป็นที่แพร่หลาย ส่วนเทคโนโลยีการรักษาให้หายขาดอื่น ๆ ยังอยู่ในขั้นทดสอบในสัตว์ทดลอง การศึกษานี้ได้ถูกตีพิมพ์ในวารสารต่างประเทศ “เนเจอร์ คอมมูนิเคชั่น (Nature Communication)” เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน พบว่าการใช้เทคโนโลยีคริสเปอร์ (อังกฤษ: CRISPR) (กระบวนการหรือเทคนิคการแก้ไขดัดแปลงพันธุกรรมหรือยีน โดยการตัดแล้วต่อส่วนของสารพันธุกรรมที่รู้จักกันดีว่า ดีเอ็นเอ) ร่วมกับการใช้ยาต้านเอชไอวีนั้นสามารถกำจัดเชื้อเอชไอวีในหนูได้ ถ้าเทคโนโลยีนี้สามารถพัฒนาต่อได้และอาจจะนำมาใช้ในคน การวิจัยเพื่อพัฒนาให้การรักษานี้มีความปลอดภัย และทำให้ราคาไม่แพงจะเป็นความท้าทายอย่างมากและอาจต้องใช้เวลานาน
อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่าบางคนที่ได้รับยาต้านไวรัสเร็วตั้งแต่ติดเชื้อเอชไอวีระยะเฉียบพลัน สามารถควบคุมเชื้อเอชไอวีได้นานหลายปีหลังหยุดยาต้านไวรัส การควบคุม หมายถึง ตรวจไม่พบปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดด้วยการตรวจวิธีปกติ (routine test) นอกจากนี้อาจจะมีปริมาณไวรัสในเลือดเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย และปริมาณเม็ดเลือดขาวซีดีสี่ปกติ (แสดงถึงสภาวะภูมิคุ้มกัน) บุคคลกลุ่มนี้ก็เหมือนกับบุคคลอื่น ๆ ที่ยังกินยาต้านไวรัส คือเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีแต่มีสุขภาพดี เรารู้ว่าอาจเกิดจากปริมาณของเชื้อที่หลบซ่อนอยู่น้อยมากร่วมกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทำให้สามารถควบคุมเชื้อได้ ปัจจุบันพวกเราได้พยายามช่วยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในอาสาสมัคร 67 รายที่เริ่มการรักษาในระยะติดเชื้อเฉียบพลัน อย่างเช่น การให้วัคซีน และแอนติบอดีต่อเชื้อเอชไอวีและหยุดยาต้านไวรัส เพื่อดูประสิทธิภาพของการรักษาด้วยวัคซีนหรือแอนติบอดี้ เราพบว่าหลังการหยุดยาต้าน พบปริมาณเชื้อไวรัสกลับมาเพิ่มขึ้นในเลือด และอาสาสมัครทั้ง 67 รายเมื่อเมื่อตรวจพบปริมาณเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น จะกลับมาเริ่มยาต้านไวรัสและพบว่าสามารถควบคุมเชื้อไวรัสในเลือดได้ ปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การรักษาด้วยหลายวิธีร่วมกัน พบว่าการรักษาด้วยหลายวิธีร่วมกันนี้ในลิงที่ติดเชื้อเอชไอวี สามารถควบคุมเชื้อไวรัสในลิงได้ดี

ผลที่ตามมาของการรักษาเอชไอวีก่อนที่ภูมิคุ้มกันต่อเอชไอวีจะพัฒนาอย่างสมบูรณ์ คือ การตรวจแอนติเจน/แอนติบอดีของเอชไอวีตามวิธีปกติแล้วผลยังคงเป็นลบ หรือ ไม่สามารถสรุปผลได้ และการทดสอบเดียวเท่านั้นที่จะใช้ตรวจสอบ คือการตรวจสอบไวรัสโหลด (viral load) ซึ่งจะให้ผลเป็นบวกอย่างชัดเจนในช่วงที่ติดเชื้อในระยะเฉียบพลัน เมื่อบุคคลที่มีผลการตรวจเป็นบวกพร้อมกับได้เริ่มยาต้านไวรัสเอชไอวีเร็วในระยะติดเชื้อเฉียบพลัน อาจทำให้เกิดการลดระดับของระบบภูมิคุ้มกันต่อเชื้อเอชไอวี และทำให้การตรวจแอนติเจน/แอนติบอดีที่เป็นผลบวกนั้นอาจจะกลายเป็นผลลบได้อีก ยาต้านไวรัสเอชไอวีจะทำให้ปริมาณไวรัสลดลงจนไม่สามารถวัดได้ในเลือด


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

บ.ฮิวแมนิก้า จับมือ ม.เอเชียอาคเนย์ตั้งศูนย์ WorkPlaze รับ Outsource งานสนับสนุนยุค 4.0 แบบครบวงจร

บ.ฮิวแมนิก้า ร่วมกับ ม.เอเชียอาคเนย์ ตั้งศูนย์ WorkPlaze ให้บริการ Outsource ระบบงานสนับสนุนครบวงจรสำหรับ SME Startup จนถึงกลุ่ม MAI เพื่อให้บริการด้านบัญชี ภาษี บริหารการเงิน ไอที และบุคคล ในรูปแบบ Back Office Service Center แบบครบวงจร เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

นายสุนทร เด่นธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการศูนย์ WorkPlaze ที่มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ เป็นโครงการต่อเนื่องจากความร่วมมือพัฒนาหลักสูตรการบริหารบุคคลและบัญชี ร่วมกับมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ ด้วยการนำนักศึกษาที่มีความรู้พื้นฐานด้านบัญชีและไอทีมาฝึกทำงานจริงให้ได้ทักษะประสบการณ์ พร้อมพัฒนาตนเองสู่มืออาชีพ โดยศูนย์ WorkPlaze จะให้บริการด้านงานบัญชี งานภาษี งานบริหารการเงิน ไอที และงานบุคคล งานด้าน Back Office Service Center อย่างมืออาชีพแบบครบวงจรให้กับกลุ่มธุรกิจ SME Startup จนถึงกลุ่ม MAI
“WorkPlaze จะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับผู้ประกอบการในการจัดการคน รวมถึงสามารถลดค่าใช้จ่าย ในการจัดจ้างบริษัทด้านบัญชี ซึ่งผู้ประกอบการจะมีระบบงานบน Cloud พร้อมใช้ ประกอบกับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในทุก ๆ เรื่องของงานหลังบ้าน ไม่ว่าจะเป็นงานบัญชี ภาษี การเงิน และงานบุคคลทั้งหมด” นายสุนทรกล่าว

ด้านนายสายัณห์ ไวรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน และ ผู้อำนวยการสายงานธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ WorkPlaze ที่มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ เป็นการขยายงานด้านบุคลากร ขยายสาขาและการขยายธุรกิจให้บริการกับกลุ่ม SME และ Statup ที่จะมาเป็นลูกค้า ซึ่งจะได้รับการอบรมการจัดทำระบบบัญชี ภาษี การเงินและงานบุคคล รวมถึงการแสวงหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมหรือเรื่องของแหล่งเงินกู้จากธนาคารเนื่องจากเรามีพันธมิตรทางธุรกิจกับสถาบันการเงินที่สามารถช่วยสนับสนุนงานบริหารธุรกิจให้กับลูกค้าได้จากการร่วมกันทำงานให้บริการและโปร่งใส และยังลดค่าใช้จ่ายภายในองค์กรได้ด้วย

ดร.ฉัททวุฒิ พีชผล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ กล่าวว่า ความร่วมมือกับบริษัทฮิวแมนิก้า ในครั้งนี้ จะเป็นการทำงานร่วมกันโดยนักศึกษา จะเรียนรู้จากการทำงานจริง ได้ประสบการณ์ตรงจากนักบริหารบุคคลและนักบัญชีมืออาชีพ มาร่วมกันถ่ายทอดความรู้ที่ใช้จริงในปัจจุบัน เมื่อนักศึกษาจบไป สามารถนำความรู้หรือ Best Practice ไปทำงานได้ทันที เพื่อรองรับกับตลาดองค์กรที่กำลังประสบปัญหาการขาดบุคลากรที่มีทักษะด้านบัญชีและไอทีในปัจจุบันและอนาคต โดยโครงการนี้จะเป็นการพัฒนานักศึกษาร่วมกับมืออาชีพระดับสากล ซึ่งจะเป็นแบบอย่างของหลักสูตรของเราที่บัณฑิตต้องสามารถจบออกมาแล้วทำงานได้ทันที และมีทักษะที่พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงของธุรกิจในปัจจุบัน โดยนักศึกษาจะได้เริ่มสัมผัสงานจริงตั้งแต่ปีแรกๆ และถูกพัฒนาทักษะอย่างเข้มข้น ต่อเนื่องจนพร้อมสู่การเป็นบัณฑิตในยุค 4.0 ได้อย่างแท้จริง


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เดอะวันเดย์ วันดี๊ดี ที่ร้านออฟฟิศเมท รับส่วนลดมากกว่าใคร สูงสุด 4,200 บาท

ออฟฟิศเมท ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์สำนักงาน ไอที เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้เพื่อการดำเนินธุรกิจ จัดโปรโมชั่นสุดยิ่งใหญ่ เดอะวันเดย์ วันดี๊ดี ที่ร้านออฟฟิศเมท รับส่วนลดมากกว่าใคร สูงสุด 4,200 บาท (*ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) สำหรับสมาชิก The 1 ที่ช้อปครบ 5,000 บาท สุดคุ้มกับโปรโมชั่นรับ 3 ต่อ

รับแรก … ช้อปครบ แลกรับคูปองเงินสดมูลค่า 3,000 บาท ที่ร้านออฟฟิศเมท ใช้คูปองช้อปได้เลย ไม่มีขั้นต่ำในการช้อป
รับสอง… ใช้คูปองแทนเงินสดใน “รับแรก” ที่ร้านออฟฟิศเมท ลดเลยทันที 200 บาท พิเศษกว่า… ได้ส่วนลดเพิ่ม 2 เท่า เมื่อซื้อสินค้าหมวดเฟอร์นิเจอร์ (*เฉพาะสินค้าที่ร่วมรายการ) ลดเพิ่มรวม 400 บาท
รับสาม… รับคูปองส่วนลดเพิ่มอีก เมื่อ Add Line : @OfficeMate รับทันที คูปองส่วนลด สูงสุด 1,000 บาท สำหรับใช้คูปองส่วนลดช้อปครั้งต่อไป ผ่านทุกช่องทางที่ออฟฟิศเมท!

ออฟฟิศเมทจัดเต็มความสะดวก บริการจัดส่งฟรีถึงที่เพียงช้อปครบ 499 บาท (*ตามเงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) เดอะวันเดย์ วันดี๊ดี ที่ร้านออฟฟิศเมท แบบนี้เฉพาะสมาชิกThe1 เท่านั้น 19 ก.ค. 62 – 21 ก.ค. 62 แค่ 3 วันเท่านั้น กำกระเป๋าของคุณให้แน่น แล้วรีบวิ่งมาช้อปที่ร้านออฟฟิศเมททุกสาขาใกล้คุณ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“เอซ เอสเตท กรุ๊ป” ส่งโครงการ ‘Arti Sukhumvit 71’ คอนโดเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ กับทำเลเชื่อมไลฟ์สไตล์ใจกลางสุขุมวิท พร้อมเปิด Pre-Sales วันที่ 20-21ก.ค.นี้

“ เอซ เอสเตท กรุ๊ป ” ส่งโครงการ ‘Arti Sukhumvit 71’

คอนโดเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ กับทำเลเชื่อมไลฟ์สไตล์ใจกลางสุขุมวิท ด้วยคอนเซปต์ Live Out Life

เปิด Pre-Sales วันที่ 20-21ก.ค.นี้ ราคาเริ่ม 2.69 ล้านบาท

“เอซ เอสเตท กรุ๊ป” รุกพัฒนาโครงการอสังหาฯในเมือง ล่าสุด เปิดตัวโครงการ ‘Arti Sukhumvit 71’ คอนโดมิเนียมแบบ High rise ติดถนนสุขุมวิท 71 ที่ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Live Out Life …ใช้ชีวิตที่เป็นคุณ” ชูจุดขายทำเลที่มี ‘ความลงตัว’ -ดีไซน์เด่น-ระดับราคาจับต้องได้ เริ่มต้นเพียง 2.69 ล้านบาท รองรับความต้องการที่หลากหลาย เจาะกลุ่ม Young Adult อายุ 28-40 ปี โดยได้ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ มืออาชีพระดับแนวหน้าของประเทศเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดและการขาย เปิด Pre-Sales ในวันที่ 20-21 กรกฎาคม 2562 นี้

นายณัฐพล จินตนา กรรมการบริหาร บริษัท เอซ เอสเตท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ในการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ นั้นดำเนินงานภายใต้แนวคิด “ Attentive Living Solution” ที่พร้อมรองรับการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์และความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค จึงพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยจากการนำความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ที่มีมายาวนานของผู้บริหารและทีมงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ผนวกกับความใส่ใจ การเรียนรู้พฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการศึกษาตลาดและรวบรวมเพื่อพัฒนาโครงการที่เติมเต็มความต้องการ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด

ล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดขายโครงการ ‘Arti Sukhumvit 71’ เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High rise ติดถนนสุขุมวิท 71 ความสูง 21 ชั้น จำนวนเพียง 115 ยูนิต ถูกออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Live Out Life…ใช้ชีวิตที่เป็นคุณ” สะท้อนถึงการใช้ชีวิตตามความต้องการ ช่างเลือก กล้าตัดสินใจ และหลุดจากกรอบเดิม ให้ความเป็นส่วนตัวสูงแก่ผู้พักอาศัย ด้วยจำนวนเพียง 5 – 8 ยูนิตต่อชั้นเท่านั้น และทุกห้องออกแบบโดยเน้นการใช้กระจกให้มองเห็นภายนอกได้อย่างเต็มที่ สามารถ Take View เมืองของถนนสุขุมวิทและถนนเพชรบุรี

ในส่วนห้องชุดพักอาศัยภายในโครงการ ‘Arti Sukhumvit 71’ ได้ออกแบบเพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาย ตั้งแต่ห้อง Studio, ห้อง 1 bedroom และ Loft ที่ให้พื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น รวมถึงแบบ 2 ห้องนอน และ Penthouse ขนาดกว่า 100 ตร.ม. รองรับลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ เป็นคอนโดที่เหมาะกับคนอายุ 28-40 ปี หรือกลุ่ม Young Adult ราคาเริ่ม 2.69 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 525 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในไตรมาสที่ 4 ปี 2562 และมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 โดยมีบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดและการขาย

นอกจากการออกแบบโครงการที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแล้ว โครงการ ‘Arti Sukhumvit 71’ ยังมีจุดเด่นในด้านทำเลตรงสุขุมวิท 71 เป็นทำเลที่มี ‘ความลงตัว’ ในหลายๆจุด คือเป็นทำเลที่ไม่ได้พลุกพล่าน และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ทั้ง Office ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน และซุปเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ มี ความสะดวกสบายในการเดินทาง อีกทั้งระดับราคาขายโครงการ ‘Arti Sukhumvit 71’ ที่ไม่ได้สูงเกินไปแต่ก็สามารถใช้ชีวิตย่านเอกมัยและทองหล่อได้เพียงไม่กี่นาที นอกจากนี้ทางโครงการยังนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการการใช้ชีวิต เช่นระบบ Automatic Parking , Nasket ระบบสั่งซื้อสินค้าและบริการผ่าน Smart Display, Digital Door Lock, Smart Mirror และ Smart Switchในราคาเริ่มต้นเพียง 2.69 ล้านบาท เปิด Pre-Sales ในวันที่ 20-21 กรกฎาคม 2562 นี้ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.aceestate.co.th/condo/arti หรือสอบถามได้ที่เบอร์โทร.081-999-7799

“การพัฒนาอสังหาฯ ในแต่ละโครงการเราคำนึงถึงทำเลเป็นสำคัญอันดับแรกก่อนเสมอ เพราะเป็นสิ่งที่จะส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยมากที่สุด และทุกครั้งก่อนเริ่มทำโครงการ เราจึงมีทีมลงพื้นที่สำรวจ รวมทั้งทีมผู้บริหารของ ACE Estate เอง ก็จะลงพื้นที่ด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นนำข้อมูลที่ได้รับมาปรึกษาวิเคราะห์กันและที่นี่สุขุมวิท 71 เป็นทำเลที่มี ความลงตัว ที่สุดอีกแห่ง ” นายณัฐพล กล่าวย้ำ

ด้านนางสาวสมสกุล หลิมศุทธพรรณ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า สำหรับโครงการ ‘Arti Sukhumvit 71’ เป็นคอนโดที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ชอบใช้ชีวิตในเมืองที่ต้องการความสะดวกสบายในราคาที่เอื้อมถึง และด้วยศักยภาพของทำเลที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตรอบด้าน จึงเหมาะกับทั้งกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงหรือการซื้อเพื่อลงทุนเอง เห็นได้จากชาวต่างชาติที่เริ่มเข้ามาอยู่ในบริเวณนี้มากขึ้นเพราะค่าครองชีพที่ถูกกว่าพร้อมพงษ์-ทองหล่อ แต่สามารถเดินทางด้วย BTS ได้อย่างสะดวกสบายเทียบเท่ากับในเมือง

ด้วยศักยภาพของทำเลนี้จึงสามารถดึงดูดดีมานด์ได้แน่นอน ทั้งลูกค้าชาวไทยและต่างชาติโดยตั้งเป้าสัดส่วนของลูกค้าไทยและลูกค้าต่างชาติที่ 80:20 ทั้งนี้ ในการพัฒนาโครงการดังกล่าวทางพลัสฯ ได้ทำงานกับเอซ เอสเตท ในลักษณะการเป็นพาร์ทเนอร์ที่มีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาโครงการ โดยเน้นการตอบโจทย์ Insight ของลูกค้า เพราะการเข้าใจความต้องการของลูกค้าคือสิ่งสำคัญ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่ม Young Adult ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่วัยทำงานที่ออฟฟิศอยู่ในเมือง จึงต้องการความสะดวกสบายในการเดินทางและการใช้ชีวิต จึงมี Facility ที่ครบครัน ที่สำคัญสุดคือการตั้งราคาที่กลุ่มเป้าหมายสามารถเข้าถึงได้ โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็นคนซื้ออยู่อาศัยเอง 70 % และซื้อลงทุน 30%

ช่วง 5 ปี ที่ดินทำเลสุขุมวิท 71 ราคาพุ่งถึง 60%

นางสาวสมสกุล ยังกล่าว ให้ความเห็นถึง การเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินทำเลสุขุมวิท 71 ด้วยว่า เมื่อปี พ.ศ.2561(ค.ศ.2018) ราคาที่ดินเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 450,000 บาทต่อตารางวา (ตร.วา) ซึ่งราคาปรับเพิ่มสูงขึ้นถึง 60% จากช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา หรือเติบโตขึ้นเฉลี่ยกว่า 13% ต่อปี ราคาที่ดินที่เพิ่มสูงขึ้นย่อมมีผลทำให้คอนโดมิเนียมในย่านนี้มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยพบคอนโดฯที่ขายในโซนนี้ราคาเติบโตขึ้นเฉลี่ย 11% ต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าสนใจ ทั้งในแง่การซื้ออยู่เองที่จะได้โครงการที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต หรือซื้อเพื่อลงทุนก็มีแนวโน้มจะได้ผลตอบแทนที่ดีจากส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นเดียวกัน

สำหรับราคาขายคอนโดฯ โซนสุขุมวิท 71 พบว่าระดับราคาที่ 100,000 – 150,000 บาทต่อตร.ม. นั้นจะขายได้ดีสุด โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอัตราการขายโครงการใน Segment นี้สูงกว่าอัตราการขายเฉลี่ยรวมในพื้นที่ เนื่องจากไม่มีโครงการเปิดใหม่และโครงเก่าขายได้เกือบทั้งหมด โดยยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 95 % ส่วนในด้านผลตอบแทนการลงทุนก็น่าสนใจเช่นกัน โดยการปล่อยเช่าที่มีดีมานด์จากทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ในโซนนี้มีอัตราผลตอบแทนการปล่อยเช่า (Rental Yield) เฉลี่ย 5-7%

ประวัติความเป็นมา : บริษัท เอซ เอสเตท กรุ๊ป จำกัด (ACE Estate ) เป็นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดจากการร่วมมือกันของผู้ที่มีประสบการณ์ในวงการอสังหาริมทรัพย์มามากว่า 10 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้แต่ละกลุ่มนั้นได้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มามากมายหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ คอนโดมิเนียม Low rise, บ้านเดี่ยว, ทาวน์โฮม

สำหรับการรวมตัวกันของ ACE Estate เริ่มต้นด้วยโครงการ KUUN ราชพฤกษ์ บ้านเดี่ยวระดับ Luxury Class ที่มีจุดเด่นของโครงการที่ครบครัน ทั้งในด้าน Function, Design, Location, Innovation และ Facilitites

โครงการ KUUN ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ ACE Estate ที่ได้รับการตอบรับที่ดีตามที่คาดหมายไว้ ด้วยยอดขาย 100% ในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา อีกทั้งโครงการยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากหลายด้าน ที่ได้รับรางวัลทั้งในระดับประเทศและในระดับสากลมากถึง 7 รางวัล จากเวที PropertyGuru Thailand Property Awards 2018 และ PropertyGuru Asia Property Awards 2018 ที่ผ่านมา


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยเผย Hongmeng OS ตัวใหม่ เหมาะกับอุปกรณ์ IoT

รุงเทพฯ ประเทศไทย/18 กรกฎาคม 2562 – มร. เหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารหัวเว่ย เผย Hongmeng (หงเหมิง) ระบบปฏิบัติการตัวใหม่ของบริษัท เหมาะสำหรับอุปกรณ์อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี IoT เพราะมีความหน่วงเวลา (Latency) ต่ำ

“เป้าหมายของ OS นี้คือ สร้างโลกที่ทุกสิ่งอย่างมีความอัจฉริยะและเชื่อมต่อกันได้ให้เป็นจริง”
มร. เหรินกล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Le Point ของฝรั่งเศส และเสริมด้วยว่า “ระบบปฏิบัติการหงเหมิงมีความล่าช้าต่ำในระดับคงที่ โดยในแต่ละจุดจะมีความหน่วงไม่เกิน 5 มิลลิวินาทีหรือต่ำกว่านั้น และอาจต่ำกว่า 1 มิลลิวินาทีด้วย”

มร. เหริน กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ยกตัวอย่างเช่นรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ การเปลี่ยนเกียร์ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 มิลลิวินาที ถ้าความหน่วงเวลาไม่คงที่ การเข้าเกียร์อาจผิดพลาดและอาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานร่วมกันได้”

ในวันที่ 7 สิงหาคม หัวเว่ย ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสมาร์ทดีไวซ์ จะจัดงาน IoT Industry Summit ขึ้นที่กรุงเทพฯ เพื่อจัดแสดงและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเทคโนโลยี IoT และแอปพลิเคชันการใช้งานอันล้ำสมัย

ประเทศไทยได้นำเทคโนโลยี IoT มาประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จ ซึ่งสามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ในฐานะตัวขับเคลื่อนนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่สำคัญ เทคโนโลยี IoT มีศักยภาพในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลเพื่อนำประเทศไทยไปสู่การเป็นอุตสาหกรรมอัจฉริยะ เมืองอัจฉริยะ และการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด

“เราต้องการสร้างความพึงพอใจให้ผู้คนในสังคม เป้าหมายสูงสุดของเราคือการให้บริการผู้บริโภค ซึ่งก็คือ คนกว่า 6,500 ล้านคน และอาจจะมากกว่านั้นในอนาคตเมื่อ IoT เชื่อมต่อกับทุกสรรพสิ่งได้มากขึ้น ดังนั้น เราจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับผู้บริโภคและตอบสนองความต้องการของทุกผู้คน” มร. เหริน เจิ้งเฟย กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์

IoT เป็นรากฐานของปัญญาประดิษฐ์ (AI) บิ๊กดาต้า และเป็นส่วนสำคัญของ 5G หัวเว่ยซึ่งเป็นผู้นำด้าน 5G ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชัน 5G เชิงพาณิชย์แบบครบวงจรที่ตรงตามมาตรฐานของ 3GPP อีกทั้งยังได้ก่อตั้งศูนย์โอเพ่น แล็บ (Open Lab) ในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันของนักพัฒนาแอพในประเทศอีกด้วย

ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ยได้ยืนยันว่าแม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นในช่วงนี้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการจัดส่งอุปกรณ์ 5G

“จะไม่มีปัญหาด้านการจัดส่งอุปกรณ์อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว อุปกรณ์ 5G ของเราถือว่าดีที่สุดในโลกและจะยังไม่มีบริษัทไหนตามเราทันได้ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จึงไม่มีปัญหาด้านการจัดส่งแน่นอน ฝ่ายผลิตของเรายังทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่”

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความท้าทายล่าสุดที่หัวเว่ยกำลังเผชิญจากสหรัฐอเมริกา มร. เหริน ตอบว่า “กงล้อแห่งกาลเวลาย่อมเดินไปข้างหน้าเสมอ ไม่มีใครหยุดมันได้หรอก”

“เราแค่ขายอุปกรณ์เปล่าๆ อย่างท่อน้ำหรือก๊อกน้ำ ผลิตภัณฑ์ดีไวซ์ก็เหมือนกับก๊อก ส่วนอุปกรณ์เชื่อมต่อก็เปรียบเหมือนกับท่อน้ำ สิ่งที่ไหลผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือน้ำมัน ย่อมมีระบบข้อมูลเป็นตัวกำหนด และระบบเหล่านี้ก็ควบคุมโดยผู้ให้บริการระบบโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่เรา เราเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงข้อมูลและขอยืนยันด้วยว่าเราไม่เคยติดตั้งประตูหลังเพื่อสอดแนมข้อมูลของผู้ใช้” มร. เหริน เจิ้งเฟยกล่าว

“กุญแจสู่ความสำเร็จของหัวเว่ยคือ ความทุ่มเทในการสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้แก่ลูกค้า ถึงแม้ว่าจะมีการโจมตีหัวเว่ยอย่างหนัก แต่ผู้บริโภคก็ยังคงซื้อสินค้าจากเรา เพราะความไว้วางใจที่เกิดจากการทุ่มเททำงานเพื่อลูกค้าและสร้างสรรค์สิ่งดีๆ เพื่อพวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา”

ในฐานะผู้นำตลาดในจีนและอีกหลายประเทศทั้งในทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ปัจจุบันผลิตภัณฑ์และโซลูชันของหัวเว่ยให้บริการแก่ผู้คนกว่า 3 พันล้านคนทั่วโลก

“ทำงานร่วมกันเพื่อความสำเร็จร่วมกัน” มร. เหริน เจิ้งเฟย กล่าวเมื่อ Le Point ถามถึงคติประจำตัวของเขา


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ซีดับเบิลยูซอฟต์ เปิดตัวซอฟต์แวร์รุ่นล่าสุด ZW3D 2019 SP: CAD/CAM พร้อมให้ทดลองใช้ฟรี

บริษัท ซีดับเบิลยูซอฟต์ (ZWSOFT) หนึ่งในผู้นำของโลกด้านการให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับ CAD/CAM ขั้นสูงเพื่อการออกแบบและผลิตชิ้นส่วนในอุตสาหกรรม ประกาศเปิดตัว ZW3D 2019 SP ยกระดับการออกแบบ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานด้านการออกแบบ ที่มีความซับซ้อนด้วยโซลูชั่น CAD/CAM ที่มีประสิทธิภาพและใช้งานง่ายขึ้น พร้อมเปิดให้ดาวน์โหลดทดลองใช้งานได้ฟรี ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2562

นาย คิงดอม หลิน รองประธานบริหาร และหัวหน้าฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ บริษัท ซีดับเบิลยูซอฟต์ กล่าวว่า “ซอฟต์แวร์ ZW3D 2019 SP รุ่นล่าสุดนี้ มีจุดเด่นด้านการพัฒนาเปิดไฟล์ Catia®/Solidworks®2D Drawing เมื่อเปิดไฟล์ 2D sheets สามารถคงลักษณะของเส้นและขนาด เพื่อแสดงรูปทรงเรขาคณิตที่แม่นยำยิ่งขึ้น ทำให้การทำงานข้อมูลแบบ 2 มิตินั้นง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังรองรับการนำเข้าและส่งออกไฟล์ jt ทำให้ความยืดหยุ่นการทำงานระหว่างไฟล์ของ ZW3D ดียิ่งขึ้นกว่าเมื่อก่อน”

บริษัท ซีดับเบิลยูซอฟต์ เปิดโอกาสให้กลุ่มลูกค้าที่เป็นสถาปนิก วิศวกร นักออกแบบ และผู้สนใจที่ต้องการทดลองใช้งานซอฟต์แวร์ ดาวน์โหลดได้ฟรีที่ https://www.zwsoft.com/zw3d/download-center หรืออัพเกรดเป็น ZW3D 2019 SP จากนั้นสามารถรับ Plug-in สำหรับเปิดไฟล์ Catia®/Solidworks®2D Drawing ได้ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2562 สำหรับซอฟต์แวร์ ZW3D 2019 SP รุ่นล่าสุดนี้ มีคุณสมบัติใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นมากมาย ได้แก่

1. การจัดการไฟล์ที่ง่ายขึ้น ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการไฟล์ง่ายขึ้น สำหรับการนำเข้าไฟล์นั้นทำได้โดยค้นหาไดเร็คทอรี่ย่อยภายในงานประกอบ เพื่อนำเข้าไฟล์ CAD 3 มิติ และป้องกันชิ้นส่วนสูญหาย ส่วนการเก็บไฟล์ ผู้ใช้สามารถตั้งค่าเริ่มต้นโฟลเดอร์งาน ช่วยจัดเก็บไฟล์ให้เป็นระเบียบยิ่งขึ้น

2. Multi-Export: จากหลายวัตถุเป็นหลายฟอร์แมท เมื่อออกแบบงานเสร็จแล้ว Multi-Export จะช่วยเรื่องการส่งออกแบบวัตถุหลายรายการเป็นหลายฟอร์แมทในเวลาเดียวกัน ช่วยลดเวลาการส่งออกไฟล์งานของผู้ใช้ได้

3. สร้างแบบจำลองอย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซอฟต์แวร์ ZW3D 2019 SP ยังเพิ่มคุณสมบัติด้านการสร้างแบบจำลองที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อจัดการ 3D BOM สามารถเรียกใช้งานค่าแอตทริบิวต์ (Attributes) ที่ใช้งานเป็นประจำด้วยการคลิกขวา รวมถึงกฎการออกแบบสำหรับการดำเนินการหลักและย่อยในฟีเจอร์ Suppress มีการยกระดับให้แม่นยำยิ่งขึ้นและยังพัฒนาในส่วนปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับชิ้นส่วน เช่น ดาตัม (Datum) ของส่วนประกอบจะแสดงผลเมื่อใส่ส่วนประกอบเข้าไป ทำให้การแก้ไขงานง่ายขึ้น อีกทั้งรูปแบบการใช้งานนี้ยังสามารถใช้กับรูหรือช่องของส่วนประกอบ ช่วยให้การทำงานสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น

4. แม่พิมพ์ ยกระดับโมดูลแม่พิมพ์ทำให้การออกแบบแม่พิมพ์สะดวกยิ่งขึ้น เมื่อจัดการกับการวิเคราะห์บริเวณ Region จะทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบชิ้นงานที่ไม่เชื่อมต่อกัน และสร้างผลการวิเคราะห์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น ส่วนตัว Ejector pins จะถูกตัดในระดับของส่วนประกอบ และชิ้นส่วน ทำให้ตาราง BOM แม่นยำยิ่งขึ้น และฐานแม่พิมพ์ยังนำไปใช้กับไฟล์งานชิ้นเดียว ทำให้การออกแบบแม่พิมพ์มีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น

5. โมดูล CAM ปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพิ่มประเภทของ Arc ในชุด Helical Arc และ Special Arc เพื่อเพิ่มความสามารถในการขึ้นรูปและเมื่อดำเนินการลบมุม (Chamfer) การเชื่อมต่อ Lead-in Toolpath จะปรับให้เป็นขดเกลียวอัตโนมัติ เมื่อพื้นที่ตัดมีขนาดเล็กกว่า Lead-in เส้นโค้ง และผู้ใช้งานยังสามารถกำหนดลำดับการเจาะรูด้วยตนเองหรือตามค่าเริ่มต้นได้

นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถใช้คำสั่ง “XY Arcs” เพื่อกำหนดเป็นค่าเริ่มต้นในการดำเนินงานแบบเรียบ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการขึ้นรูป นอกจากนี้ ยังมี Link ให้เลือกใน Ramp เพื่อเพิ่มทางเลือกสำหรับ Ramp Cutting และเพิ่มประสิทธิภาพการขึ้นรูปชิ้นงานด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ZW3D 2019 SP กลุ่มลูกค้าและผู้สนใจทั่วไปสามารถคลิกเข้าไปได้ที่ https://www.zwsoft.com/zw3d/download-center/download-form-2019


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ทีมหุ่นยนต์ “iRap Sechzig” มจพ. คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากการแข่งขันหุ่นยนต์กู้ภัยระดับโลก RoboCup 2019

นักศึกษาทีมหุ่นยนต์กู้ภัย “iRap Sechzig” (ไอราฟ เซคซิก) นักศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ และวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 และได้รับรางวัลนวัตกรรมสมรรถนะการขับเคลื่อนหุ่นยนต์ยอดเยี่ยมระดับโลก (Best in Class Mobility) เวทีระดับโลกจากการแข่งขัน Robocup Rescue League 2019 ณ เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 2 – 8 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ได้สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัยเทคโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือและประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นรู้จักในวงการหุ่นยนต์กู้ภัยเป็นอย่างดีถึงฝีไม้ลายมือทีมหุ่นยนต์กู้ภัย จาก มจพ. การแข่งขันดังกล่าวมีทีมหุ่นยนต์กู้ภัยจากทั่วโลก 14 ทีม ทีมหุ่นยนต์กู้ภัย “iRap Sechzig” (ไอราฟ เซคซิก) เดินทางมาถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา

ขวัญฤทัย ข่าว-ภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

“ไอริส กรุ๊ป” เปิดตัวโครงการ IDEN Sukhumvit 101 ชูทำเล-ดีไซน์เด่น-ฟังก์ชั่นครบ เจาะนักธุรกิจรุ่นใหม่ราคาเริ่ม 24 ล้านบาท

“ไอริส กรุ๊ป” เปิดตัวโครงการ IDEN Sukhumvit 101

ชูทำเล-ดีไซน์เด่น-ฟังก์ชั่นครบ เจาะนักธุรกิจรุ่นใหม่ราคาเริ่ม 24 ล้านบาท

“ไอริส กรุ๊ป” ประกาศแผนบุกอสังหาฯ ครึ่งหลังปี 2562 จ่อเปิดตัว 2 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 2,300 ล้านบาท ล่าสุด เปิดตัวโครงการ IDEN Sukhumvit 101 ชูจุดขาย ทำเล ดีไซน์เด่น ควบคู่กับฟังก์ชั่นใช้สอยที่ตอบการใช้งานได้จริง เจาะนักธุรกิจรุ่นใหม่ ฉลาดเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด และมีรสนิยมที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เตรียมเปิดจองในวันที่ 6-7 กรกฎาคม 2562 ราคาเริ่มต้น 24 ล้านบาท สิทธิพิเศษ ! สำหรับผู้จองและโอนกรรมสิทธิ์เข้ามาในช่วงเวลานี้ รับ Porsche Macan ทันที เฉพาะ 16 หลังแรกเท่านั้น

นายกิตติพงษ์ สุมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ไอริส กรุ๊ป จำกัด ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ภาพโดยรวมสถานการณ์เศรษฐกิจไทยและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าจะมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น และเชื่อว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่จะมีการออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ และในส่วนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นภาครัฐก็ได้ออกมาตรการด้าน “ภาษี” เพื่อส่งเสริมการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ซึ่งแม้จะจำกัดอยู่ในกลุ่มตลาดระดับกลาง-ล่าง แต่ก็ช่วยสร้างบรรยากาศตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมให้ดีขึ้น

ส่วนผลกระทบที่เกิดจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยด้วยการกำหนดวงเงินสินเชื่อต่อหลักประกัน หรือ LTV ( Loan-to-Value : LTV) สำหรับการกู้ซื้อที่อยู่อาศัยสัญญาที่ 2 และสัญญาที่ 3 โดยเฉพาะกลุ่มราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ให้วางเงินดาวน์ขั้นต่ำร้อยละ 20 สำหรับสัญญาที่ 1 และ 2 และวางเงินดาวน์ขั้นต่ำร้อยละ 30 สำหรับสัญญาที่ 3 ขึ้นไปเพื่อดูแลเสถียรภาพระบบการเงินของประเทศส่วนตัวมองเป็นมาตรการที่ดี แต่ยอมรับว่าได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และคงต้องใช้เวลาสักระยะในการปรับตัว

นายกิตติพงษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับบริษัท ไอริส กรุ๊ป จำกัด ยังคงดำเนินการตามแผนการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบค่อยเป็นค่อยไป ขนาดโครงการไม่ใหญ่ ปิดการขายเร็ว และเน้นการเปิดตัวโครงการใหม่ในทำเลที่มีศักยภาพสูง โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ รวมมูลค่า 2,300 ล้านบาท โดยล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการ โครงการ IDEN Sukhumvit 101 ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 101 เป็นโครงการที่พักอาศัยระดับ Luxury ที่มีจำนวนบ้านทั้งหมดเพียง 42 ยูนิต เพื่อให้เป็นสังคมคุณภาพที่มีความเป็นส่วนตัวสูงจุดเด่นของโครงการ คือ บ้านของเราเป็นบ้านแฝด ซึ่งรวมจุดเด่นในเรื่องของพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่เทียบเท่าบ้านเดี่ยว แต่มีความเป็นส่วนตัวสูงกว่าทาวน์โฮม ทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดสำหรับเรื่องของดีไซน์ ทีมผู้ออกแบบตั้งใจให้บ้านใน โครงการ IDEN โดดเด่นแตกต่างจากโครงการอื่น ๆ ด้วยธีม Modern Luxury ตกแต่งภายนอกอาคารด้วยกระเบื้องนำเข้าลายหินอ่อน และกรอบกระจกขนาดใหญ่

“IDEN ย่อมาจากคำว่า IDENTITY หมายถึง บ้านที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ ฉลาดเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด และมีรสนิยมที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร” นายกิตติพงษ์ กล่าวพร้อมกับระบุว่า บริษัทฯ ตั้งใจที่จะพัฒนาโครงการ IDEN Sukhumvit 101 ให้เป็นโครงการที่พักอาศัยแนวราบระดับ Luxury เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายนักธุรกิจรุ่นใหม่ระดับเอลิสต์ ที่มองหาที่พักอาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน ซึ่งคอนโดมิเนียมทั่วไปอาจไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป้าหมาย

โครงการ IDEN Sukhumvit 101 ให้ความสำคัญการออกแบบ Function ใช้สอยควบคู่ไปกับการ Design ตัวอย่างเช่น การออกแบบให้ห้อง Master Bedroom เป็นสไตล์ Penthouse แบบโรงแรมหรู มี Walk-in closet และห้องน้ำพร้อมอ่างจากุซซี่ / ทุกห้องนอน เป็นห้องขนาน Full sized พร้อมห้องน้ำในตัว / พื้นที่ Living area โปร่งสบายด้วยเพดานสูงถึง 6 เมตร พร้อมระเบียงพักผ่อนขนาดใหญ่ที่สามารถจัดเป็น Vertical garden ได้ /พื้นที่ Dining room และแพนทรี่ / ห้อง Maid ที่แยก Service area โดยเฉพาะ

นอกจากนี้ ภายในบ้านยังติดตั้ง Lift อาริทโก้ ซึ่งแบรนด์นำเข้าจาก Sweden ซึ่งเป็นลิฟต์สำหรับใช้งานในที่พักอาศัยโดยเฉพาะ มีความปลอดภัยสูงและประหยัดพลังงาน ได้รับรางวัลการออกแบบยอดเยี่ยม Red Dot Product Award 2017 รองรับสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุด้วยระบบ Home Automation โดยปัจจุบันบริษัทฯเริ่มเปิดให้จองเฟสแรก จำนวน 16 หลังแรก พร้อมโอนและเข้าอยู่ในช่วงปลายปี 2562 ส่วนเฟสที่สองคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณปลายปี 2563 จะเปิดให้จองรอบพิเศษ โครงการ IDEN Sukhumvit 101 ในวันที่ 6-7 กรกฎาคม 2562 ราคาเริ่มต้น 24 ล้านบาท สิทธิพิเศษ ! สำหรับผู้จองและโอนกรรมสิทธิ์เข้ามาในช่วงเวลานี้ รับ Porsche Macan ทันที เฉพาะ 16 หลังแรกเท่านั้น

โครงการดังกล่าว ตั้งอยู่บนที่ดินรวม 6 ไร่ มีทั้งหมด 42 ยูนิต เป็นบ้านแฝด Modern Luxury Style 3.5 ชั้น พื้นที่บ้าน 35.2 ตารางวา หรือ ตร.วา มีพื้นที่ใช้สอย 286.62 ตารางเมตร หรือ ตร.ม. (ไม่รวมดาดฟ้า) ตัวบ้านกว้าง 6.5 เมตร ตัวบ้านลึก 9.7 เมตร มี 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ (ไม่รวมห้อง Maid) พื้นที่จอดรถสูงสุด 3 คัน และสวนขนาดเล็ก (Pocket garden) พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ อาทิ Boutique Clubhouse ภายในมี ห้องรับรองอเนกประสงค์ สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ สามารถปรับอุณหภูมิเป็นน้ำอุ่นได้ในช่วงฤดูหนาว พร้อม Automatic Sliding Sunroof หลังคาบนสระว่ายน้ำ เปิด-ปิดอัตโนมัติไว้สำหรับเวลาแดดจัด พร้อมห้อง Fitness ระบบรักษาความปลอดภัย แบบพรีเมี่ยม และทางเข้าแบบ Smart Access เฉพาะ ผู้อยู่อาศัย พร้อมกล้องวงจรปิดภายในโครงการ และภายนอกโครงการ ติดตั้งระบบไฟฟ้า แบบเดินสายลงดิน Wire Ground เพื่อให้ทัศนียภาพรอบโครงการโปร่งโล่ง สวยงามเสริมบรรยากาศร่มรื่นทั่วโครงการด้วย กำแพงน้ำตกและธารน้ำ พร้อมสวน และศาลาพักผ่อน Botanique Garden เป็นต้น

พร้อมกันนี้ นายกิตติพงษ์ ยังกล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากโครงการ IDEN Sukhumvit 101 จะโดดเด่นในเรื่องของดีไซน์ควบคู่กับฟังก์ชั่นใช้สอยที่ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพสูงและหาได้ยากมากแล้วบนถนนสุขุมวิท ทำเลที่ตั้งของโครงการ ความสะดวกสบายในการเดินทาง สิ่งอำนวยความสะดวกที่อยู่ใกล้เคียงหลักของกรุงเทพมหานคร ติดสถานี BTS ปุณณวิถี ใกล้กับแหล่งช้อปปิ้ง อย่าง WhizDom 101 เอกมัย Gateway ทองหล่อ เอ็มโพเรียม ใกล้โรงพยาบาล อาทิ โรงพยาบาลสุขุมวิท โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และยังใกล้โรงเรียนนานาชาติ ANGLO SINGAPORE , BERKELEY, WELLS, BANGKOK PREP, ST.ANDREW, บางกอกพัฒนา เป็นต้น


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. รับมอบธงเจ้าภาพงานสัมมนาระดับชาติด้านคนพิการ ปี’63 ควง 2 รางวัลชมเชย ประเภทนวัตกรรมด้านคนพิการ

ศ.ดร.สุเมธ อ่ำชิต ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการและประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เป็นผู้แทนมหาวิทยาลัยรับธงเจ้าภาพงานสัมมนาระดับชาติด้านคนพิการ ครั้งที่ 12 ประจำปี 2563 จาก ผศ.ดร.อันธิกา สวัสดิ์ศรี คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ซึ่งในการจัดสัมมนาวิชาการระดับชาติด้านคนพิการแต่ละปีจะมี 4 กิจกรรมหลัก คือ การนำเสนอผลงานวิชาการ การประกวดนวัตกรรม นิทรรศการแสดงผลงาน และกิจกรรมฝึกอบรม Workshop ระหว่างนักศึกษาร่วมกับนักศึกษาพิการ โดยมีจุดประสงค์เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานด้านวิจัย งานวิชาการ นวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ระหว่างสถาบันการศึกษา นิสิต นักศึกษา บุคคล หน่วยงานที่ให้บริการทางวิชาการ และมีการเผยแพร่ต่อสาธารณะในระดับประเทศ

สืบเนื่องจาก กรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) ได้ร่วมกับสถาบันการศึกษา และเครือข่าย จำนวน 18 แห่ง โดยมีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เป็นเจ้าภาพหลัก จัดสัมมนาวิชาการระดับชาติด้านคนพิการ ครั้งที่ 11 ประจำปี 2562 เรื่อง “นวัตกรรมและการออกแบบเพื่อสังคมที่อยู่ร่วมกันอย่างเสมอภาค” (Innovation and Universal Design for Inclusive Society) ภายในงาน Thailand Social Expo 2019 ณ ห้อง The Portal Ballroom ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี โดยนายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานในพิธี และมีคณะผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ผู้แทนคณาจารย์ สถาบันการศึกษา องค์กรด้านคนพิการ และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน ซึ่งประธานในพิธีได้มอบโล่รางวัลแก่ผลงานวิชาการดีเด่น รางวัลนวัตกรรมด้านคนพิการ และเป็นสักขีพยานในพิธีการรับมอบธงเจ้าภาพงานสัมมนาระดับชาติด้านคนพิการ ครั้งที่ 12 ประจำปี 2563 ให้แก่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2562

นอกจากนี้ในงานสัมมนาวิชาการระดับชาติด้านคนพิการ ครั้งที่ 11 ประจำปี 2562 ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ยังได้รับรางวัลชมเชยในการประกวดนวัตกรรมด้านคนพิการประเภทนวัตกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ถึง 2 รางวัล จากผลงานเรื่อง “เครื่องยกและชั่งน้ำหนักผู้ป่วยติดเตียง” โดย รศ.ดร.สุเมธ อ่ำชิต นายณรัชต์ นาคก้อน และนายศิริวัฒน์ บัวรุ่ง จากภาควิชาฟิสิกส์อุตสาหกรรมและอุปกรณ์การแพทย์ คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มจพ. กรุงเทพ และผลงานเรื่อง “อุปกรณ์อ่านฉลากอัจฉริยะ” โดย รศ.ดร.ยุพิน สรรพคุณ น.ส.วิกานต์ดา วงศ์แจ้ และน.ส.ธนภรณ์ ฟูคำ จากภาควิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะเทคโนโลยีและการจัดการอุตสาหกรรม มจพ. วิทยาเขตปราจีนบุรี
ขวัญฤทัย ข่าว/ประสิทธิชัย ถ่ายภาพ


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. นำตัวอย่างผลงานนวัตกรรมทางสังคมและเทคโนโลยี โชว์นายกฯ

รศ.ดร.สุเมธ อ่ำชิต ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการและประกันคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ร่วมนำตัวอย่างผลงานนวัตกรรมทางสังคมและเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาสังคมและประชาชนกลุ่มเป้าหมายในทุกช่วงวัยจัดแสดง เรื่อง “ระบบแจ้งเตือนแบบเบาะรองนอนสำหรับป้องกันผู้ป่วยตกเตียง” พร้อมโชว์ให้พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเยี่ยมชมก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์งานมหกรรม Thailand Social Expo 2019 ดังกล่าว เมื่อวันที่ 2 กรกฏาคม 2562 เวลา 08.00 น. ณ บริเวณด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ

งานมหกรรม Thailand Social Expo 2019 ภายใต้แนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ สังคมไทยยั่งยืน – Partnership for Sustainability” โดยมีนายปรเมธี วิมลศิริ ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) และนางธนาภรณ์ พรมสุวรรณ อธิบดีกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (พก.) นำชมผลงานนวัตกรรมทางสังคมและเทคโนโลยีฯ ทั้งนี้ งานดังกล่าวมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7 กรกฎาคม 2562 เวลา 09.00 – 20.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี

ขวัญฤทัย ข่าว -ภาพ


 

Exit mobile version