Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ เปิดหลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และนวัตกรรม นักศึกษา ป.โท

คณะศิลปศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เปิดรับสมัครนักศึกษา ระดับปริญญาโท รุ่นที่ 1 ภาคการศึกษาที่ 1/2568   ในหลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และนวัตกรรม” M. Econ (Applied and Innovative Economics) (หลักสูตรใหม่ ปี 2567)  รับสมัครตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปทางเว็ปไซต์ของบัณฑิตวิทยาลัย

จุดเด่นของหลักสูตร

เน้นการประยุกต์ใช้ได้จริง  โดยหลักสูตรเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และนวัตกรรม มจพ. นี้เปิดรับสมัครนักศึกษาทั้งภาคปกติและภาคพิเศษรายละเอียดดังนี้

1) ภาคปกติ (MAIE) แผนวิชาการแบบ 1 (เรียนคอร์สเวิร์คและทำวิทยานิพนธ์รวม 36 หน่วยกิต) เรียนแบบ Block Course ในวันจันทร์ศุกร์ เวลา 9.00 – 16.00 . ค่าใช้จ่ายตามหน่วยกิต โดยประมาณ 18,000 – 20,000 บาท/เทอม ค่าสมัคร 500 บาท

2) ภาคพิเศษ (S-MAIE) แผนวิชาการแบบ 1 (เรียนคอร์สเวิร์คและทำวิทยานิพนธ์รวม 36 หน่วยกิต) เรียนแบบ Block Course ในวันเสาร์อาทิตย์ เวลา 9.00 – 16.00 . (มีเครื่องดื่มบริการ) ค่าเทอมเหมาจ่าย 35,000 บาท/เทอม ค่าสมัคร 1,000 บาท

เปิดรับสำหรับผู้จบปริญญาตรี ทุกสาขา มีสอนปรับพื้นฐานเศรษฐศาสตร์ (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) และสามารถเทียบโอนหน่วยกิตได้ตามระเบียบของมหาวิทยาลัย)

รับสมัครออนไลน์ ทางเว็ปไซต์ของบัณฑิตวิทยาลัย http://grad.admission.kmutnb.ac.th/ApplyLogin

รายละเอียดหลักสูตร

https://drive.google.com/drive/folders/1m0DlK-Q3eUBrV2g1YvEJULnKfh_rX7AA?usp=drive_link

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร 087-562-3472 ดร. พิเศษพร วศวงศ์ หรือ Facebook page : หลักสูตรปริญญาโทเศรษฐศาสตร์ประยุกต์และนวัตกรรม มจพ. และที่ Email: mecon@arts.kmutnb.ac.th

ขวัญฤทัย ข่าว


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ซีเมนส์ โมบิลิตี้และกลุ่มบริษัทพันธมิตร ได้รับการพิจารณาและลงนามในสัญญาสำคัญ ช่วยพลิกโฉมระบบขนส่งสาธารณะทางรางในประเทศไทย

เมื่อไม่นานนี้ กลุ่มบริษัทซีเมนส์ โมบิลิตี้ และกลุ่มบริษัทพันธมิตร บริษัท โบซานคายาและบริษัท เอสที เอ็นจิเนียริ่ง เออร์เบิน โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับคัดเลือกให้ดำเนินงานภายใต้สัญญาหลายฉบับในหลายโครงการสำคัญ ประกอบด้วยโครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีส้มและสายสีน้ำเงินในกรุงเทพมหานคร สัญญาดังกล่าวครอบคลุมถึงการส่งมอบขบวนรถใหม่ทั้งหมด 53 ขบวน รวมถึงการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณและการซ่อมบำรุง นอกจากนี้ ซีเมนส์ โมบิลิตี้ ยังได้รับมอบหมายให้ขยายการเชื่อมต่อระหว่างเมืองในภาคเหนือของประเทศไทยด้วยระบบอาณัติสัญญาณและระบบโทรคมนาคมผ่านโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ถือว่าเป็นอีกก้าวสำคัญสำหรับซีเมนส์ โมบิลิตี้ในประเทศไทย โดยโครงการดังกล่าวได้รับการว่าจ้างจาก บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) และบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) โดยมีระยะเวลาตั้งแต่ปี 2567 ถึงปี 2582 ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพ พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารและสร้างความยั่งยืนให้กับเครือข่ายการขนส่งสาธารณะทั้งในเมืองและระหว่างเมือง

นายไมเคิล ปีเตอร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท ซีเมนส์ โมบิลิตี้ จำกัด ประเทศเยอรมนี กล่าวว่า ในฐานะพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในประเทศไทยมายาวนานกว่า 30 ปี เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนของกรุงเทพฯ และมีบทบาทในการสร้างสรรค์การเดินทางในประเทศไทยเพื่อคนรุ่นต่อไป เทคโนโลยีของเราในปัจจุบันได้ให้บริการแก่ผู้โดยสารมากกว่า ล้านคนในกรุงเทพฯ ทุกวัน ช่วยลดปัญหาความแออัดและเวลาการเดินทางในกรุงเทพฯ เป็นอย่างดี และด้วยขบวนรถไฟใหม่จำนวน 53 ขบวน ระบบสัญญาณและโทรคมนาคมที่ทันสมัย การบริการบำรุงรักษาระยะยาวสำหรับสายสีส้ม สายสีน้ำเงิน รวมถึงการเชื่อมต่อสายหลักทางตอนเหนือของประเทศ จะทำให้ผู้คนสามารถเดินทางถึงจุดหมายได้อย่างรวดเร็วและไร้การปล่อยก๊าซมลพิษมากขึ้น”

ซีเมนส์ โมบิลิตี้ จะส่งมอบรถไฟฟ้าใหม่ 32 ขบวนและระบบบูรณาการให้กับรถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม พร้อมดูแลการซ่อมบำรุง

กลุ่มบริษัทซีเมนส์ โมบิลิตี้ และกลุ่มบริษัทพันธมิตร ประกอบด้วย บริษัท เอสที เอ็นจิเนียริ่ง เออร์เบิน โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทผู้ผลิตรถไฟ จากประเทศตุรกี บริษัท โบซานคายา ได้รับคัดเลือกให้ดำเนินงานภายใต้สัญญาโครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey) รถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม โดยสัญญาดังกล่าวครอบคลุมการส่งมอบขบวนรถไฟ 32 ขบวน 3 ตู้ รวมไปถึงการออกแบบ ติดตั้ง และบูรณาการระบบกลไกและไฟฟ้าที่ครอบคลุมเส้นทาง 35.9 กิโลเมตร โดยขบวนรถไฟฟ้าจะให้บริการทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกของเส้นทาง ซึ่งมีระยะทางทั้งใต้ดินและทางยกระดับ ขอบเขตความรับผิดชอบในสัญญาฉบับนี้ครอบคลุมตั้งแต่การจัดหาตัวรถไฟ ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบสื่อสาร ประตูอัตโนมัติกั้นชานชาลา และระบบแสดงผลข้อมูลโดยสารรถไฟฟ้า เพื่อความมั่นใจว่าจะมอบโซลูชันการขนส่งจะที่มีประสิทธิภาพสูงและบูรณาการครบวงจร โดยขบวนรถไฟฟ้ารุ่นใหม่นี้มาพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย ​​ภายในกว้างขวาง ระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูง พร้อมระบบแสดงผลข้อมูลทันสมัย เพื่อให้ความสำคัญกับความสะดวกสบายของผู้โดยสาร นอกจากนี้ โซลูชันประหยัดพลังงานของ ซีเมนส์ โมบิลิตี้ ยังสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของกรุงเทพฯ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ โดยรวมของระบบรถไฟฟ้าสายสีส้ม ยิ่งไปกว่านั้นซีเมนส์ โมบิลิตี้ยังได้รับสัญญาบำรุงรักษาระยะยาวเพื่อการดำเนินงานของรถไฟฟ้าที่เชื่อถือได้และราบรื่นต่อไป 

ซีเมนส์ โมบิลิตี้ เพิ่มศักยภาพ MRT รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ด้วยขบวนรถใหม่ 21 ขบวน พร้อมปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณและขยายบริการซ่อมบำรุงรักษาให้ยาวนานยิ่งขึ้น

ซีเมนส์ โมบิลิตี้ ยังได้รับสัญญาสำหรับโครงการปรับปรุงรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน จัดหาขบวนรถไฟฟ้าใหม่เพิ่มเติมจำนวน 21 ขบวน ขบวนละ ตู้ และการปรับปรุงระบบอาณัติสัญญาณและระบบตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-time (SCADA) ที่มีอยู่เดิมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ระยะห่างระหว่างขบวนรถ สำหรับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินมีระยะทางรวม 48 กิโลเมตร และสถานีทั้งหมด 38 สถานี ถือเป็นส่วนสำคัญของเครือข่ายการขนส่งในกรุงเทพฯ ซึ่งซีเมนส์ โมบิลิตี้ มีบทบาทสำคัญพัฒนารถไฟฟ้าสายนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2545 โดยให้การสนับสนุนทั้งการขยายและปรับปรุงให้มีความทันสมัยมาโดยตลอด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เซ็นสัญญาการบำรุงรักษาครบวงจรสำหรับขบวนรถไฟใหม่ที่เพิ่มเติมมา รวมถึงการขยายสัญญาการบำรุงรักษาครบวงจรที่มีอยู่เดิม โดยมีขอบเขตการบริการครอบคลุมระบบสำคัญทั้งหมด ประกอบด้วยตัวรถไฟ ระบบอาณัติสัญญาณ ระบบสื่อสาร ประตูอัตโนมัติกั้นชานชาลา ระบบจ่ายไฟ และระบบตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลแบบ Real-time (SCADA) รวมถึงระบบแสดงข้อมูลโดยสารรถไฟฟ้าระบบการจัดการคลังสินค้า และศูนย์รับรายงานความบกพร่อง หรือ Fault Reporting Center ทั้งหมดนี้เพื่อตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการรับประกันว่ารถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะยังคงเป็นส่วนสำคัญที่มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือของโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ ไปจนถึงปี พ.ศ.2582

ขยายการเชื่อมต่อขนส่งระบบรางของประเทศไทยในเส้นทางเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ

นอกเหนือจากโครงการรถไฟฟ้า MRT ในกรุงเทพฯ ซีเมนส์ โมบิลิตี้ยังได้รับสัญญาในการพัฒนาการเชื่อมต่อรถไฟระหว่างเมืองผ่านโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ โดยได้รับสัญญาในสองส่วน คือสัญญาที่ 2 (งาว – เชียงราย ระยะทาง 132 กิโลเมตร มี 11 สถานี) และในสัญญาที่ 3 (เชียงราย – เชียงของ ระยะทาง 87 กิโลเมตร มี สถานี) บริษัทฯ จะติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและระบบโทรคมนาคมที่ทันสมัยตลอดทั้งสาย ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมอาณัติสัญญาณจากศูนย์กลาง (CTC) และระบบควบคุมรถไฟฟ้าอัตโนมัติ ที่เป็นไปตามมาตรฐานยุโรป ระดับที่ 1 (ETCS Level 1) 

ระบบอาณัติสัญญาณและระบบโทรคมนาคมนี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาก่อสร้างทางรถไฟหลัก องค์ประกอบสำคัญในสัญญานี้ได้แก่ ระบบบังคับสัมพันธ์ Trackguard Westrace MKII, ระบบควบคุมอาณัติสัญญาณจากศูนย์กลาง (CTC) Controlguide Rail9000, จอควบคุมอาณัติสัญญาณจราจรโดยนายสถานีระบบ ETCS L1, ประแจสับรางระบบตรวจสอบตำแหน่งรถไฟโดยใช้วงจรไฟตอน, และเครื่องนับเพลา Clearguard ACM250 และมีอุปกรณ์ระบบอาณัติสัญญาณเพิ่มเติมที่จัดหาจากในประเทศ สำหรับงานวิศวกรรมส่วนใหญ่จะดำเนินการในประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญของซีเมนส์จากสเปน ออสเตรเลีย และเยอรมนี

 การพัฒนาระบบขนส่งเพื่อทุกคนในประเทศไทย

ซีเมนส์ โมบิลิตี้ ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันคมนาคมขนส่งทางราง ได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่องมายาวนานกว่า 30 ปี ผ่านการดำเนินโครงการสำคัญต่าง ๆ และการเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในประเทศไทย ตั้งแต่โครงการระบบขนส่งมวลชนยกระดับแห่งแรกของกรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.2537 จนถึงรถไฟฟ้าใต้ดินสายแรก (สายสีน้ำเงิน หรือสายเฉลิมรัชมงคล) ในปี พ.ศ.2547 นายโธมัสค์ มาซัวร์ ประธานกรรมการฝ่ายบริหาร บริษัท ซีเมนส์ โมบิลิตี้ จำกัด ประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการที่ประสบความสำเร็จเหล่านี้ทำให้บริษัท ซีเมนส์ โมบิลิตี้ ได้รับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากพันธมิตร ส่งผลให้เกิดความร่วมมือในระยะยาว บริษัทฯ มีความภาคภูมิใจที่ได้รับเลือกให้เป็นพันธมิตรในการขยายเครือข่ายรถไฟของประเทศไทย และจะยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอโซลูชันการขนส่งอย่างยั่งยืนแบบไร้รอยต่อ ที่เชื่อถือได้ กับประเทศไทยต่อไป


 

Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Cloudflare เผยเทรนด์อินเทอร์เน็ตยอดนิยมประจำปี 2567

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, 16 ธันวาคม 2567 – Cloudflare, Inc. (NYSE: NET) บริษัทชั้นนำด้านการเชื่อมต่อคลาวด์ ได้เผยแพร่รายงานประจำปีฉบับที่ 5 Year in Review ที่สำรวจข้อมูลเชิงลึกของอินเทอร์เน็ตทั่วโลกและเทรนด์ด้านความปลอดภัยในปี 2567 พร้อมการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับบริการอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

อินเทอร์เน็ตเป็นรากฐานสำคัญของการเชื่อมต่อทั่วโลก ช่วยเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญและบริการต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนชีวิตประจำวัน เราต่างพึ่งพาอินเทอร์เน็ตจนกลายเป็นแกนหลักของสังคมปัจจุบัน ตั้งแต่การใช้เพื่อช่วยเหลือเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยชีวิตคน เปิดโอกาสให้ชุมชนได้ติดต่อกับผู้แทนที่ได้รับเลือกตั้งและลงทะเบียนเพื่อโหวตคะแนนเสียง หรือการสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีทั่วโลก รายงานประจำปี 2567 ของ Cloudflare แสดงให้เห็นว่าทุกปี เมื่อผู้คนและอุปกรณ์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเพิ่มขึ้นตาม (โดยปีนี้เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว) และก่อให้เกิดเทรนด์ใหม่ ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงการพึ่งพาความสามารถของอินเทอร์เน็ตทั่วโลก

แมทธิว พรินซ์ ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Cloudflare กล่าวว่า “เราพึ่งพาอินเทอร์เน็ตแทบตลอดเวลา ทว่าหลายคนอาจยังมองว่ามันเป็นเพียงแค่การรวมกันของหน้าเว็บเท่านั้น แต่แท้จริงอินเทอร์เน็ตนั้นอยู่ทุกที่ กลืนเข้าไปในทุกกิจกรรมประจำวันของชีวิตสมัยใหม่ ตั้งแต่วิธีการที่เราใช้โต้ตอบและเชื่อมต่อถึงกันบนโซเชียลมีเดีย การใช้ตู้เย็นและเครื่องดูดฝุ่นอัจฉริยะ การเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งผ่านแอปเรียกรถ การเชื่อมต่อกับธนาคาร และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยการโต้ตอบทั้งหมดเหล่านี้ที่เรามักมองข้ามไปโดยไม่ตั้งใจนั้นเบื้องหลังล้วนเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง และ Cloudflare ก็เป็นหนึ่งในเครือข่ายที่มีเปอร์เซ็นต์การใช้งานจำนวนมาก ในฐานะหนึ่งในเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก Cloudflare ได้นำเสนอมุมมองที่ครอบคลุมด้านการใช้งาน คุณภาพโดยรวม และการเชื่อมต่อทั่วทั้งเว็บ

ข้อมูลสำคัญในปี 2567 ได้แก่:

  • บริการอินเทอร์เน็ตยอดนิยม: Google ครองอันดับหนึ่งเป็นปีที่สามติดต่อกัน ตามด้วย Facebook (อันดับ 2), Apple (อันดับ 3) และ TikTok (อันดับ 4) ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากปี 2566 อย่างไรก็ตาม WhatsApp ได้ติดเข้ามาใน 10 อันดับแรกของบริการยอดนิยมทั่วโลกเป็นครั้งแรก
  • บริการ Generative AI ยอดนิยม: Codeium, Claude และ CoPilot เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาอยู่ใน 10 อันดับแรกของบริการ Generative AI ยอดนิยม (โดยอยู่ในอันดับ 3, 5 และ 7 ตามลำดับ) ขณะที่ OpenAI ยังคงรักษาอันดับหนึ่งเป็นปีที่สองติดต่อกัน
  • บริการเกมยอดนิยม: ผู้บริโภคเกมผลักดันให้ Steam ติดอันดับ 5 บริการยอดนิยมเป็นครั้งแรก ในขณะที่ Minecraft เข้ามาอยู่ใน 10 อันดับแรกในปีนี้ ขณะเดียวกัน Roblox ยังครองอันดับ 1 เป็นปีที่สี่ติดต่อกัน
  • อุตสาหกรรมที่ถูกโจมตีมากที่สุด: อุตสาหกรรมเกมและการพนันกลายเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งของผู้โจมตีทั่วโลก แซงหน้าภาคการเงินซึ่งเป็นหมวดหมู่ที่ถูกโจมตีมากที่สุดในปี 2566 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงสัปดาห์ก่อน Super Bowl ในสหรัฐอเมริกา
  • การล่มของอินเทอร์เน็ตที่ตรวจพบ: มากกว่าครึ่งหนึ่งของการล่มของอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเป็นผลมาจากการปิดกั้นโดยรัฐบาล มักเป็นการตอบสนองต่อการประท้วง ความไม่สงบของพลเรือน หรือแม้แต่เพื่อป้องกันการทุจริตในการสอบ ส่งผลกระทบต่อประเทศต่าง ๆ เช่น โมซัมบิก อิรัก ซีเรีย บังกลาเทศ เซเนกัล ปากีสถาน และประเทศอื่น ๆ
  • ทราฟฟิกที่เป็นอันตราย: อินเทอร์เน็ตไม่ได้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีที่ผ่านมา โดยประมาณ 6.5% ของทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตทั่วโลกถูกระงับในฐานะที่อาจเป็นอันตราย เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจากปี 2566
  • AI Bots ที่ต้องจับตามากที่สุด: AI Bots และ Crawler ได้รับความสนใจอย่างมากจากสื่อต่าง ๆ แม้ว่า Bytespider (ByteDance) และ ClaudeBot (Anthropic) จะมีการใช้งานมากที่สุด แต่ปริมาณการใช้งานโดยรวมของทั้งสองก็ค่อย ๆ ลดลงตลอดทั้งปี

เดวิด เบลสัน หัวหน้าฝ่ายข้อมูลเชิงลึกที่ Cloudflare กล่าวว่า “Cloudflare Radar เปิดตัวในปี 2563 เมื่อเราได้เห็นผลกระทบอย่างรุนแรงของการระบาดใหญ่ที่ส่งผลต่อวิธีการที่เราใช้งานอินเทอร์เน็ต และตระหนักถึงความสำคัญของการที่ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ต้องเข้าถึงได้สำหรับทุกคน รายงานประจำปีนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ Radar ในการทำให้ข้อมูลของ Cloudflare เป็นสาธารณะ ด้วยการนำเสนอหน้าต่างสู่เทรนด์และรูปแบบอินเทอร์เน็ตที่เปิดให้ทุกคนร่วมสำรวจได้ง่าย ๆ”

ข้อมูลนี้ได้มาจาก Cloudflare Radar ซึ่งเป็นเครื่องมือฟรีที่เปิดให้ทุกคนสามารถดูเทรนด์และข้อมูลเชิงลึกทั่วโลกบนอินเทอร์เน็ต โดย Radar รวบรวมข้อมูลมาจากเครือข่ายทั่วโลกของ Cloudflare (ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมมากกว่า 330 เมืองใน 120 กว่าประเทศ) โดยเป็นข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนจาก Cloudflare’s 1.1.1.1 public DNS Resolver ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายเป็นวิธีที่รวดเร็วและเป็นส่วนตัวในการท่องอินเทอร์เน็ต

หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการ  Cloudflare’s Year in Review โปรดดูแหล่งข้อมูลด้านล่างนี้:

เกี่ยวกับ Cloudflare, Inc. (NYSE: NET) 

เป็นบริษัทเชื่อมต่อคลาวด์ชั้นนำ ที่ให้เปิดโอกาสให้องค์กรในการทำให้พนักงาน แอปพลิเคชั่น และเครือข่ายของพวกเขามีความรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้นในทุกที่ พร้อมทั้งลดความซับซ้อนและต้นทุน การเชื่อมต่อคลาวด์ของ Cloudflare นำเสนอแพลตฟอร์มที่รวมผลิตภัณฑ์และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาที่ใช้คลาวด์เป็นพื้นฐานที่ครบครันที่สุด เพื่อให้องค์กรได้รับการควบคุมที่จำเป็นในการทำงาน พัฒนา และเร่งธุรกิจของตน

ขับเคลื่อนโดยหนึ่งในเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดและเชื่อมต่อกันมากที่สุดในโลก Cloudflare ป้องกันภัยคุกคามออนไลน์หลายพันล้านครั้งต่อวันสำหรับลูกค้า บริษัทได้รับความไว้วางใจจากองค์กรนับล้าน ตั้งแต่แบรนด์ขนาดใหญ่ไปจนถึงผู้ประกอบการและธุรกิจขนาดเล็ก องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร องค์กรในกลุ่มด้านมนุษยธรรม และรัฐบาลทั่วโลก

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบการเชื่อมต่อคลาวด์ของ Cloudflare ได้ที่ cloudflare.com/connectivity-cloud  หรือเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทรนด์และข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตล่าสุดได้ที่ https://radar.cloudflare.com 

ติดตามเพิ่มเติมที่: Blog | X | LinkedIn | Facebook | Instagram

ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่ตรงกับความหมายตามมาตราที่ 27A แห่งกฎหมายหลักทรัพย์ ปี 1933 ฉบับแก้ไข และมาตราที่ 21E ของกฎหมายตลาดหลักทรัพย์ ปี 1934 ฉบับแก้ไข โดยข้อความเหล่านี้มีรายละเอียดที่เชื่อมโยงกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เห็นเด่นชัดซึ่งในบางกรณี คุณสามารถระบุถึงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าได้จากคำบางคำที่รวมอยู่ในข้อความดังกล่าว เช่น “อาจจะ” “จะ” “ควร” “คาดหวัง” “สำรวจ” “วางแผน” “คาดการณ์” “สามารถ” “มีเจตนา” “เป้าหมาย” “คาดหวัง” “พิจารณา” “เชื่อ” “ประมาณการ” “พยากรณ์” “แนวโน้ม” หรือ “ต่อเนื่อง” หรือคำที่ให้ความหมายเชิงลบบางคำ หรือคำหรือนิพจน์ที่คล้ายกันอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความคาดหวัง กลยุทธ์ แผน หรือเจตนาของ Cloudflare อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าทั้งหมดจะรวมคำที่บ่งชี้เหล่านี้ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่แสดงอย่างชัดแจ้งหรือแสดงเป็นนัยภายในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อความว่าด้วยแผนและวัตถุประสงค์ของ Cloudflare, เครือข่ายในทั่วโลกของ Cloudflare และผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของ Cloudflare, การพัฒนาด้านเทคโนโลยีของ Cloudflare การดำเนินการในอนาคต การเติบโต ความคิดริเริ่ม หรือกลยุทธ์ ความเสี่ยงและแนวโน้มตลาดในอนาคตและความคิดเห็นจากรองประธานประจำภูมิภาคอาเซียนและเจ้าหน้าที่ท่านอื่นของ Cloudflare โดยผลลัพธ์ที่แท้จริงอาจแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากที่ระบุไว้หรือที่แสดงเป็นนัยไว้ภายในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าเนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะความเสี่ยงที่ปรากฏในเอกสารของ Cloudflare ที่ยื่นต่อคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) และรายงานประจำไตรมาสของ Cloudflare บนแบบฟอร์ม 10-Q ที่ยื่นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2024 และแฟ้มเอกสารอื่น ๆ ที่ Cloudflare อาจทำขึ้นร่วมกับ SEC เป็นระยะ ๆ

ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่รวมอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้เกี่ยวข้องเฉพาะกับเหตุการณ์ ณ วันที่จัดทำข้อความ Cloudflare ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าที่รวมอยู่ในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ เพื่อสะท้อนถึงเหตุการณ์หรือสภาพการณ์หลังจากวันที่ออกข่าวประชาสัมพันธ์นี้ หรือเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงข้อมูลใหม่หรือการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ยกเว้นตามที่กฎหมายกำหนด Cloudflare อาจไม่สามารถดำเนินการตามแผน ความตั้งใจ หรือความคาดหวังที่ปรากฏในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าของ Cloudflare และคุณไม่ควรเชื่อถือข้อความดังกล่าวนี้ของ Cloudflare เกินควร


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Binance TH เตือนภัยคนไทย เฝ้าระวังแก๊งมิจฉาชีพหลอกลงทุนคริปโต พร้อมแนะเกราะป้องกันไม่ตกเป็นเหยื่อ

ท่ามกลางตลาดคริปโทเคอร์เรนซีและสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาบิตคอยน์มีมูลค่าสูงถึง 105,208 USD (ณ วันที่ 16 ธ.ค.) เป็นที่เรียบร้อย จึงเป็นจังหวะที่นักลงทุนหน้าใหม่เริ่มตบเท้าเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสของเหล่ามิจฉาชีพที่จะใช้สถานการณ์เชิงบวกนี้มาหลอกลวงเช่นกัน 

ตัวเลขแนวโน้มสำคัญในวงการ “คริปโต” และ “SCAM” จากสหรัฐฯ สะท้อนความเสี่ยงตลาดไทย

  • มูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงคริปโตอาจสูงถึง 1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 
  • ความเสียหายเฉลี่ยต่อเหยื่อในสหรัฐฯ สามารถสูงถึง 39,000 ดอลลาร์สหรัฐ
  • หากจำแนกมูลค่าความเสียหายจากการหลอกลวงประเภทต่าง ๆ สามารถแบ่งเป็น วิธีการแอบอ้างตัวตน คาดว่าจะสร้างมูลค่าค่าความเสียหายอยู่ที่ 154 ล้านดอลลาร์สหรัฐ, วิธีการ romance scam คาดว่าจะสร้างมูลค่าความเสียหายประมาณ 167 ล้านดอลลาร์, และวิธีการหลอกลงทุน คาดว่าจะสร้างความเสียหายสูงสุดถึง 888 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2025

(source: VPNRanks, Oct 2024)

ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในประเทศไทยเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะใน Cycle นี้ที่จะเพิ่มจำนวนนักลงทุนหน้าใหม่ในตลาด โดยตั้งแต่ต้นปีมีจำนวนบัญชีเปิดใหม่มากถึง 120,000 บัญชี (Statista, Jan 2024) และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ ไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ ไบแนนซ์ (Binance TH by Gulf Binance) แพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลโดยได้รับใบอนุญาตภายใต้ชื่อบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด เล็งเห็นถึงความเสี่ยงจากเหล่ามิจฉาชีพที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากนักลงทุน จึงขอหยิบยกรูปแบบกลโกงเพื่อป้องกันให้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพและสามารถลงทุนได้อย่างปลอดภัย 

3 วิธีการหลอกลวง

  • เสนอบริการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลโดยตรง ระวังการติดต่อจากบุคคลที่เสนอตัวเป็น “คนกลาง” ในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล หรืออาจ แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล โดยมักเสนอผลตอบแทนสูงเกินจริง สุดท้ายจะหลอกลวงให้โอนเงินไปให้โดยไม่ได้รับสินทรัพย์จริง
  • หลอกรักผ่านแอปหาคู่ มิจฉาชีพจะสร้างโปรไฟล์ที่น่าสนใจเพื่อให้หลงเชื่อ จากนั้นจะชักชวนให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล พึงระวังคนที่เพิ่งรู้จักในแอปหาคู่มาชวนลงทุนคริปโตที่จะหลอกให้รักแล้วหลอกให้สูญเงินในที่สุด
  • แอปปลอม ระวังแอปพลิเคชันปลอมที่เลียนแบบแอปพลิเคชันของบริษัทซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนดาวน์โหลดแอปใด ๆ ให้ตรวจสอบที่มาของแอปให้ดี 

DYOR กุญแจสำคัญสู่การลงทุนสกุลเงินดิจิทัล

การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโทเคอร์เรนซี กลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับหลายคน แต่ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนไปกับเหรียญใดเหรียญหนึ่ง การศึกษาข้อมูลด้วยตนเอง (DYOR) นั้นสำคัญมาก

ทำไมต้อง DYOR (Do Your Own Research)? เพราะในโลกของคริปโตเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย บางส่วนเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง แต่บางส่วนก็อาจเป็นเพียงการโพรโมตหรือข่าวปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกล่อให้นักลงทุนตัดสินใจผิดพลาด หากไม่ทำการศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ อาจนำไปสู่การสูญเสียเงินลงทุนได้ และสิ่งที่นักลงทุนทั้งเก่าและใหม่ต้องตระหนักไว้เสมอคือ “อย่าไว้ใจใครง่าย ๆ! ต้องหมั่นศึกษาข้อมูลก่อนลงทุนในโลกคริปโต

หากพลาดท่าตกเป็นเหยื่อ

  • แจ้งความทันที รวบรวมหลักฐานทั้งหมด เช่น หลักฐานการโอนเงิน ข้อความสนทนา และแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ หรือแจ้งความออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือติดต่อกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้ที่สายด่วน 1441 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
  • แจ้งผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม ที่โดนแอบอ้างชื่อให้ทราบ เพื่อดำเนินการตามมาตรการ และป้องกันไม่ให้ผู้อื่นตกเป็นเหยื่อรายต่อไป
  • ระวังการโดนหลอกซ้ำจากบริการติดตามทวงคืนเงิน มิจฉาชีพมักใช้โอกาสนี้หลอกลวงซ้ำซ้อนในช่วงเวลาที่เหยื่อขาดสติจากการสูญเงินก้อนแรก ดังนั้นต้องระมัดระวังบริการที่อ้างว่าสามารถช่วยติดตามเงินคืน เพราะอาจเป็นการหลอกลวงซ้ำสองได้

Binance TH ปกป้องคุณอย่างไร?

Binance TH ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้อย่างสูงสุด ช่วงครึ่งแรกของปี 2024 Binance สามารถป้องกันความเสียหายจากการถูกหลอกลวงได้กว่า 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Binance ในการปกป้องผู้ใช้งานจากภัยมิจฉาชีพ และหนึ่งในวิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการให้ความรู้เรื่องภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ในโลกคริปโตอยู่เสมอ เพราะภัยคุกคามเหล่านี้มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา การที่ลูกค้าตระหนักถึงวิธีการหลอกลวงต่าง ๆ จะช่วยให้สามารถป้องกันตัวเองและสินทรัพย์ดิจิทัลได้ และยังเป็นการช่วยปกป้องชุมชนคริปโตโดยรวมอีกด้วย โดยระบบป้องกันภัยไซเบอร์แบบมัลติเลเยอร์ของ Binance คอยดูแลผู้ใช้ตั้งแต่การแจ้งเตือนภัยเล็กน้อยไปจนถึงการช่วยเหลือฉุกเฉินในสถานการณ์เสี่ยง ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามทางไซเบอร์และการหลอกลวงทางการเงิน โดยมีกลยุทธ์หลักดังนี้

  1. ระบบแจ้งเตือนภัยส่วนบุคคล ผู้ใช้จะได้รับการแจ้งเตือนทันทีผ่านแอปพลิเคชันเมื่อระบบตรวจพบพฤติกรรมที่น่าสงสัย เช่น การโอนเงินไปยังกระเป๋าเงินที่ไม่น่าเชื่อถือ
  2. แบบสอบถามประเมินความเสี่ยง Binance จะส่งแบบสอบถามไปยังผู้ใช้ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถระบุภัยคุกคามและป้องกันตัวเอง
  3. ฐานข้อมูลที่อยู่กระเป๋าเงินที่เป็นอันตราย: Binance ร่วมมือกับบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ชั้นนำ เพื่อระบุและเตือนผู้ใช้เกี่ยวกับการโอนเงินไปยังที่อยู่กระเป๋าเงินที่ไม่ปลอดภัย
  4. การแช่แข็งการโอนเงินที่ผิดปกติ: Binance สามารถแช่แข็งการโอนเงินที่น่าสงสัย เช่น การโอนเงินไปยังการหลอกลวงประเภทแผนชวนลงทุน (Ponzi schemes)
  5. พักการถอนเงินกรณีฉุกเฉิน: กรณีที่พบพฤติกรรมการทำธุรกรรมที่ผิดปกติหรือมีความเสี่ยงสูง เช่น การทำธุรกรรมจำนวนมากในเวลาอันสั้น Binance อาจจำเป็นต้องระงับการถอนเงินชั่วคราว เป็นระยะเวลาสูงสุด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการตัดสินใจที่ผิดพลาด
  6. ความร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย: Binance ร่วมมือกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั่วโลก เพื่อติดตามและจับกุมกลุ่มอาชญากรไซเบอร์
  7. ติดต่อ Chat Support เมื่อพบปัญหาหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้งานแอปพลิเคชัน Binance ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการยืนยันตัวตนไม่ผ่าน การทำธุรกรรมต่าง ๆ หรือคำถามเกี่ยวกับเหรียญ หรือเรื่องอื่น ๆ ทีมงาน Binance TH by Gulf Binance พร้อมให้ความช่วยเหลือ สามารถติดต่อเราได้ที่ https://www.binance.th/en/chat หรือหากต้องการหาคำตอบด้วยตนเอง สามารถอ่าน FAQ ได้ที่ https://www.binance.th/en/faq

Binance ใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning ที่ทันสมัยในการตรวจจับและป้องกันการฉ้อโกงอย่างต่อเนื่อง ระบบสามารถวิเคราะห์ธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยปกป้องสินทรัพย์ของผู้ใช้จากการถูกโจรกรรมได้ทันท่วงที แม้ว่ารูปแบบการหลอกลวงจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ Binance ก็ยังคงพัฒนาระบบป้องกันอยู่เสมอ เพื่อให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าแพลตฟอร์มของเรามีความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งเทคโนโลยีและนโยบายความปลอดภัยระดับโลกทั้งหมดนี้ นำใช้ใน Binance TH เช่นเดียวกัน

มุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมทางการเงินที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ

Binance TH จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกสำหรับคนไทย โดยเฉพาะการมีใบอนุญาตที่ได้รับจากทาง ก.ล.ต. ทั้ง 2 แบบ ไม่ว่าจะเป็น Digital Asset Exchange และ Digital Asset Broker อีกนัยหนึ่งคือความรับผิดชอบต่อผู้ใช้งานไทย โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสามารถเชื่อมการทำงานร่วมกับธนาคารไทยได้ ขณะเดียวกันผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีพื้นฐานแบบเดียวกับของ Binance

คำเตือน : คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

เกี่ยวกับไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ 
ไบแนนซ์ คือแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลโดยได้รับใบอนุญาตภายใต้ชื่อบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด (บริษัทในเครือของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ จำกัด (บริษัทในเครือของกลุ่ม Binance) 

 


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

มจพ. เปิดศูนย์ความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มจพ.

.ดร. สุชาติ  เซี่ยงฉิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) กล่าวในพิธีเปิดศูนย์ความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ (Center of Excellence in Modern Electric Vehicle Engineering Technology )   โดยมี รศ.ดร. สมิตร  ส่งพิริยะกิจ คณบดีวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม กล่าวต้อนรับ โดยศูนย์นี้ถูกออกแบบ มาเพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการพัฒนาทักษะบุคลากร งานวิจัย ส่งเสริมการเรียนรู้ และนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ด้วยเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนประเทศสู่ยุคยานยนต์แห่งอนาคต พร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนในระดับสากล สืบเนื่องจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีนโยบายในการผลิตกำลังคนเพื่อรองรับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันของประเทศไทย ทั้งนี้ มจพ. ได้ขานรับโยบายโดยลงนามความร่วมมือทางวิชาการ กับ บริษัท BYD CO., LTD. และ FXB CO., LTD. สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพื่อต่อยอดเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่                 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการศึกษาและฝึกอบรมนักศึกษาในระดับวิศวกร นักเทคโนโลยี และช่างเทคนิคตามความต้องการ          ของโรงงานอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและระบบอัตโนมัติที่ขาดแคลนวิศวกรปฏิบัติ (Practical tied Engineers) และช่างเทคนิค ( (Technicians) และมุ่งผลิตบัณฑิตที่มีทักษะวิชาชีพในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ ให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียานยนต์ในยุคดิจิทัล

โดยพิธีเปิดศูนย์ความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.ธีรวุฒิ

บุณยโสภณ นายกสภามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ พร้อมด้วย Mr. Wang Yubial, CEO of FXB Co., Ltd. และดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์  อารุณี ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และรักษาการ  ในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สปอว.) กล่าวแสดงความยินดีและเข้าร่วมในพิธีเปิด เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีวิสัยทัศน์แห่งโลกอนาคต ศูนย์ความเป็น 

เลิศทางเทคโนโลยีวิศวกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่จึงไม่เพียงถูกออกแบบมาเพื่อเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรด้านวิศวกรรมและสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับสากลเรายังคงพัฒนาต่อยอดองค์ความรู้และงานวิจัยด้านความปลอดภัยระบบควบคุมอัตโนมัติการใช้พลังงานทดแทนและการลดมลพิษเพื่อสร้างสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนตามนโยบายของรัฐ


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ปลื้ม คว้าใบรับรองความปลอดภัยทางไซเบอร์ขั้นสูง ให้โซลูชั่น EcoStruxure™ IT DCIM ได้สำเร็จเป็นเจ้าแรกในอุตสาหกรรม

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงานและระบบอัตโนมัติ ประกาศการเป็นเจ้าแรกในอุตสาหกรรมที่ Network Management Card 3 (NMC3) ของแพลตฟอร์ม EcoStruxure IT ได้รับใบรับรองความปลอดภัยทางไซเบอร์ในระดับที่เหนือชั้นขึ้นไปอีก โดยเป็นการ์ดจัดการเครือข่ายสำหรับการบริหารโครงสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ หรือ Data Center Infrastructure Management (DCIM) รายแรกในอุตสาหกรรมที่ได้รับมาตรฐาน IEC 62443-4-2 Security Level 2 (SL2) จาก IEC ซึ่งเป็นคณะกรรมการอิเล็กโทรเทคนิคระหว่างประเทศ (IEC)

TÜV Rheinland หนึ่งในผู้ให้บริการด้านการทดสอบชั้นนำรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ให้การรับรองแพลตฟอร์ม NMC3 ด้วยความเป็นกลาง เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าจากผู้ผลิตที่ออกแบบมาสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์และสภาพแวดล้อม IT แบบกระจายศูนย์ จะเป็นไปตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยผ่านการทดสอบ และการประเมินอย่างละเอียด

การรับรองความปลอดภัยไซเบอร์ใหม่ในระดับสูงนี้ นับเป็นการตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมด้านการดำเนินงานด้วยความปลอดภัย และเพิ่มการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ โดยการรับรอง SL2 มีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากขึ้น และให้ความยืดหยุ่นด้านความปลอดภัยที่สูงกว่าระดับ SL1 ที่ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้รับในปีที่ผ่านมา

นอกจากมาตรฐานใหม่แล้ว TÜV Rheinland ยังให้การรับรองชไนเดอร์ อิเล็คทริค และกระบวนการทำงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ อาทิ NMC3 ว่าเป็นไปตามข้อกำหนด ISASecure® Secure Development Lifecycle Assurance (SDLA)

เทคโนโลยี NMC3 ถูกผสานรวมอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้ EcoStruxure IT DCIM ส่วนใหญ่ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค โดยให้การทำงานและการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถเข้าถึงได้จากระยะไกลผ่านเครือข่าย สำหรับการควบคุมระบบไฟฟ้าและระบบโครงสร้างด้านการระบบความร้อนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

“จากรายงาน Allianz Risk Barometer ประจำปี 2024 พบว่าปัญหาทางไซเบอร์ถูกจัดอันดับให้เป็นความกังวลอันดับหนึ่งของธุรกิจ โดยมีการรายงานค่าใช้จ่ายเฉลี่ยที่มากกว่า 4 ล้านดอลลาร์ต่อเหตุการณ์ เราจึงเข้าใจได้ว่าทำไมความปลอดภัยไซเบอร์ถึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ สำหรับ CIOs” เควิน บราวน์ รองประธานอาวุโสด้าน EcoStruxure IT และธุรกิจศูนย์ข้อมูลของชไนเดอร์ อิเล็คทริค กล่าว “การได้รับการรับรองความปลอดภัยไซเบอร์ด้วยมาตรฐาน IEC 62443-4-2 SL2 และ ISASecure® SDLA ทำให้ชไนเดอร์ อิเล็คทริคเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมที่มีการรับรองทั้งสองด้าน จึงช่วยลดความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นฐานหลัก”

ลดความซับซ้อนในกระบวนการติดตั้งเฟิร์มแวร์

หลายบริษัทต่างพบอุปสรรคในการคอยติดตามการอัปเดตเฟิร์มแวร์ ลูกค้าองค์กรหลายรายบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และระบบทำความเย็นหลัก ด้วยเครื่องมือการบริหารจัดการภายในองค์กร เครื่องมือบริหารจัดการเครือข่ายจากผู้ให้บริการรายอื่นๆ หรือระบบบริหารจัดการอาคาร ซึ่งระบบเหล่านี้ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่เฟิร์มแวร์ที่มีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ปลายทาง โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมเอดจ์และการทำงานแบบกระจายศูนย์ จึงจำเป็นต้องมีการอัปเดต ระบบ EcoStruxure IT Secure NMC มีการจัดการเฟิร์มแวร์ที่ฝังอยู่ภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยเครื่องมือใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยเครื่องมือ Secure NMC System Tool จะเปลี่ยนแปลงกระบวนการที่ยุ่งยาก ทั้งการค้นหา และการติดตั้งเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นล่าสุดบนอุปกรณ์ทั้งหมด ทำให้กระบวนการทำงานเร็วขึ้นถึง 90% ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องค้นหาเฟิร์มแวร์แบบเฉพาะกิจอีกต่อไป ไม่ต้องตรวจสอบว่าเฟิร์มแวร์นั้นเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดสำหรับอุปกรณ์หรือไม่ และไม่ต้องอ่านบันทึกการเปลี่ยนแปลงเพื่อทำความเข้าใจว่ามีอะไรรวมอยู่ในเวอร์ชั่นใหม่ก่อนที่จะดาวน์โหลดและอัปเดตอุปกรณ์ เพราะเครื่องมือ Secure NMC System Tool จะแจ้งเตือนลูกค้าเมื่อมีเฟิร์มแวร์ใหม่ที่พร้อมใช้งาน และแนะนำขั้นตอนการติดตั้งเวอร์ชั่นใหม่

ประโยชน์ของระบบ Secure NMC ได้แก่

  1. หมดปัญหากังวลใจเรื่องระบบไม่ทันสมัย โดยช่วยให้บริหารจัดการเฟิร์มแวร์ได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้นถึง 90% และช่วยลดความเสี่ยง
  2. ดำเนินการสอดคล้องตามข้อบังคับอย่างต่อเนื่องโดยลูกค้าจะมีแนวทางในการอัปเดตความปลอดภัยทางไซเบอร์สำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและระบบทำความเย็นหลักที่เป็นระบบและได้มาตรฐาน
  3. ลดความเสี่ยงต่อการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น การรับรองมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ IEC 62443-4-2 SL2 และ ISASecure® SDLA เมื่อมารวมกับเครื่องมือระบบ Secure NMC ช่วยให้มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อได้รับการป้องกันอีกระดับ ด้วยการอัปเดตความปลอดภัยล่าสุด

“EcoStruxure IT มอบแนวทางที่มีประสิทธิภาพให้กับลูกค้า ให้ความยืดหยุ่นในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานไอทีได้ตามต้องการโดยง่ายดาย รวมถึงการบริหารจัดการได้สอดคล้องตามข้อบังคับด้านความปลอดภัยไซเบอร์ เพราะการรักษาความปลอดภัยไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยุ่งยาก” บราวน์กล่าว “เราเป็นรายแรกในอุตสาหกรรมที่นำเสนอทางออกดังกล่าว ขณะที่เรายังคงมุ่งมั่นในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่ให้ความยืดหยุ่น ปลอดภัย และยั่งยืน”

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ EcoStruxure IT ระบบ Secure NMC คลิกได้ที่นี่ การรับรองความปลอดภัยไซเบอร์ IEC 62443-4-2 SL2 ใหม่สามารถดูได้ที่นี่ การใช้งานเฟิร์มแวร์ต้องสมัครสมาชิก Secure NMC ก่อนเพื่อเข้าถึงเฟิร์มแวร์ที่ได้รับการรับรอง IEC ผ่านเครื่องมือ Secure NMC System


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

Primo รายแรกของธุรกิจบริการอสังหาฯ นำ “พี่พรีโม-น้องพรีโม” หุ่นยนต์ส่งของ-ทำความสะอาด ใช้ในคอนโด-โรงแรม

“Primo, Happy “Smart Living” Maker ให้ความสุขในการใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่าย…เลือกให้พรีโมดูแล ข้อความที่ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ( One Stop Service ) บมจ.พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น หรือ PRI ส่งตรงถึงผู้รับบริการหลังการขาย เพื่อตอกย้ำการให้ความสำคัญกับการพัฒนาการบริการ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตภายในโครงการคอนโดมิเนียม และโรงแรมของผู้พักอาศัยที่มีไลฟ์ไสตล์ชีวิตที่แตกต่างกันได้ในทุกช่วงเวลาด้วยการนำเอา “พี่พรีโม-น้องพรีโม”
 2 นวัตกรรมหุ่นยนต์ IOT(Internet Of Thing ) ที่พรีโมพัฒนาขึ้น เพื่อนำมาใช้บริการส่งของ และทำความสะอาดภายในโครงการที่พรีโมบริหาร ได้แก่ โครงการ คอนโดมิเนียม และ โรงแรม พร้อมเสริมความสะดวกสบายให้มากขึ้น ด้วยบริการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน  Primo Plus และไลน์แอปพลิเคชั่น ซึ่งเป็นการต่อยอดความสำเร็จของ DoorMart ที่มุ่งเน้นส่งมอบความสะดวกสบายให้แก่ลูกบ้านถึงหน้าประตูห้อง ด้วยความมั่นใจในความปลอดภัย และความอุ่นใจในการบริการจากพรีโม

“หุ่นยนต์” เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์อุตสาหกรรม หุ่นยนต์ที่ใช้ในที่ทำงาน หุ่นยนต์ช่วยขนย้ายสิ่งของ และหุ่นยนต์ที่ใช้ในงานบ้าน ต่างออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกและคอยช่วยเหลือในการทำงานต่างๆ ด้วยความล้ำหน้าและทันสมัยของหุ่นยนต์ ทำให้ในปัจจุบันมีพัฒนาการที่สามารถตอบโต้กับมนุษย์ได้ทั้งในเรื่องของเสียง การรับคำสั่ง จนไปถึงการปฏิบัติการอันชาญฉลาด ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่ายขึ้น

พรีโมรายแรกในธุรกิจบริการอสังหาฯ นำ “พี่พรีโม – น้องพรีโม” 2 คู่หูหุ่นยนต์อัจฉริยะ
บริการรับ-ส่งของ และทำความสะอาด ตอบโจทย์ Smart Living

พรีโมฯ บริษัทบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรรายแรก ที่นำหุ่นยนต์มาใช้บริการรับ-ส่งของให้แก่ลูกบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกการในการใช้ชีวิตให้เป็นเรื่องง่าย พร้อมวางแผนต่อยอดแนวคิด “Happy Maker สร้างสรรค์ความสุขของคุณ ด้วยบริการจากใจของเรา ที่พร้อมมุ่งมั่นในการสร้างความสุขสมบูรณ์แบบ ในทุกช่วงเวลาการอยู่อาศัยสำหรับทุกคน” ซึ่งวางเป้าหมายครอบคลุมทุกโครงการภายใน 3 ปี ตอกย้ำแผนสร้าง “Super Living Service” บริการอสังหาฯ ครบวงจรเพื่อทั้งลูกค้า B2B และ B2C ปัจจุบันนำร่อง 4 โครงการ บนทำเลศักยภาพ คือ โครงการ พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (Park Origin Thonglor), โครงการ ออริจิ้น ปลั๊ก & เพลย์ นนทบุรี สเตชั่น (Origin Plug&Play Nonthaburi Station), โครงการ ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว-บางกะปิ (The Origin Ladprao-Bangkapi) และ โรงแรมสเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท (Staybridge Suites Bangkok Sukhumvit)

หุ่นยนต์รับ-ส่งของ เป็นหนึ่งในการพัฒนาธุรกิจการบริการของพรีโม ที่ต่อยอดจากความสำเร็จในการบริการส่งของและอำนวยความสะดวกถึงหน้าประตูห้องของ DoorMart และยกระดับการบริการอำนวยความสะดวกของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบันที่หลากหลายตามรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน

นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) มองเทรนด์การใช้ชีวิตสมัยใหม่รวมทั้งการสานต่อแนวคิด Primo Happy Maker ด้วยการให้ความสำคัญกับการพัฒนาการบริการด้วยนวัตกรรม เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตให้เป็นเรื่องง่ายมากขึ้น ตอบรับเทรนด์ Smart Living ที่มีพฤติกรรมการอยู่อาศัยที่แตกต่างกันภายในโครงการ ซึ่งตลอดระยะเวลาดำเนินธุรกิจกว่า 10 ปี พรีโม ไม่เคยหยุดนิ่งในการศึกษาพัฒนาเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (Technological Breakthrough) มาอย่างต่อเนื่องเพราะเชื่อว่าเทคโนโลยีเป็นอีกหนึ่ง Mega trend ที่จะเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจบริการอสังหาฯ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นโดยภาพดังกล่าวก็มีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในปัจจุบัน ซึ่งล่าสุดทางพรีโมได้นำหุ่นยนต์นวัตกรรม IOT มาใช้บริการลูกบ้านเป็นครั้งแรก

“พี่พรีโม” หุ่นยนต์รับ-ส่งของถึงหน้าประตูห้อง ด้วยนวัตกรรม IOT ประหยัดพลังงาน ใช้งานง่าย พร้อมแจ้งเตือนผ่านไลน์

นวัตกรรมไฮไลท์หุ่นยนต์อัจฉริยะอยากรับของตอนไหน ก็ไม่ต้องวอรี่ “พี่พรีโม” ดูแลให้ ตั้งแต่บริการส่งพัสดุ จดหมาย  สิ่งของ ถึงหน้าประตูห้องพักอาศัยตลอดทุกช่วงเวลา โดย  Technology Service ที่พรีโมได้ทุ่มเทพัฒนาเทคโนโลยี IOT  เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด

  • การทำงานด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีคนควบคุม เช่น การชาร์จแบตเตอรี่
  • การเรียนรู้ตำแหน่ง ตรวจจับวัตถุ เพื่อช่วยเพิ่มความแม่นยำ และเดินทางได้อย่างถูกต้อง
  • การเคลื่อนไหวที่ราบรื่นและปรับความเร็วได้ เพื่อรักษาสิ่งของได้อย่างปลอดภัย ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย เช่น การขึ้นลงอาคาร การส่งของระหว่างอาคาร เพื่อขยายขอบเขตในการบริการ
  • การตรวจสอบสถานะ และสรุปผลข้อมูลการทำงาน

เพิ่มศักยภาพเทคโนโลยี เติมเต็มด้านการบริการ “พี่พรีโม” รับส่งของเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยเพิ่มความ สะดวกสบายอย่างไร้ขีดจำกัด Delivery Service

  • ส่งสินค้าได้มากถึง 10 ชิ้นต่อครั้ง ปรับช่องเก็บของได้หลากหลายเพื่อรองรับการส่งของหลากหลายรูปแบบ
  • รับน้ำหนักรวมในการขนส่งได้มากถึง 60 กิโลกรัม
  • แจ้งรับส่งพัสดุ ติดตามสถานะ และแจ้งเตือนได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว ผ่านทางแอปพลิเคชัน Primo Plus และแอปพลิเคชันไลน์
  • สะอาดปลอดภัยด้วยนวัตกรรมฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV 99.9%
  • เทคโนโลยี Laser SLAM Navigation เพื่อความแม่นยำสูงสุดในการทำงาน และสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางได้ดีเยี่ยม

“น้องพรีโม” หุ่นยนต์ทำความสะอาด 4-IN-1 กวาด ขัด ดูดฝุ่น ถูพื้น ด้วยเครื่องเดียว

ดูแลในทุกพื้นที่ให้สะอาดสวยงามตลอดทุกช่วงเวลาสำหรับคุณ

  • ทำความสะอาดทุกคราบเปื้อน ปัด กวาด ดูดฝุ่น ถูพื้น ในทุกพื้นที่ผิว อาทิ หินอ่อน กระเบื้อง เรซิน หรือแม้กระทั่งพรม ที่สกปรกตลอดทุกช่วงเวลา
  • ทำงานได้ด้วยตัวเอง สามารถเติมและระบายน้ำได้อัตโนมัติ รวมถึงทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ตัวอื่นได้
  • มีเทคโนโลยีเซนเซอร์ทำให้เคลื่อนไหวคล่องตัว หลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างราบรื่น
  • สามารถตรวจสอบสถานะ พร้อมจดจำการทำงานและสรุปผลข้อมูลการทำงานได้

อีกไฮไลท์ของคู่ดูโอ “พี่พรีโม-น้องพรีโม” ที่เติมเต็มความครบวงจรของงานบริการ Happy Maker Service คือสามารถสื่อสารร้องเพลง และสร้างปฎิสัมพันธ์โต้ตอบกับลูกค้า เสมือนเป็นพนักงานบริการที่มีชีวิต นอกจากการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการบริการ เพื่อพร้อมอำนวยความสะดวก ตอบโจทย์เทรนด์การอยู่อาศัยที่แตกต่างกันแล้ว พรีโมยังเน้นย้ำการดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิดของ PRIMO CARE  HAPPY “SUSTAINABILITY SOCIETY” MAKER : พรีโมสร้างสรรค์ชุมชนให้เติบโต ด้วยความสุขที่ยั่งยืน” โดยพี่พรีโมและน้องพรีโมช่วยลดการใช้พลังงานภายในโครงการได้มากถึง 50% เมื่อเทียบกับการรับ-ส่งของ และทำความสะอาดแบบปกติ รวมถึงวัสดุที่ผลิตทั้งหมดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แข็งแรงทนทานโดยใช้อลูมิเนียมเกรดอุตสาหกรรมการบิน ทั้งหมดนี้เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้า ผู้อยู่อาศัย ชุมชน และสังคม โดยยังคงมุ่งมั่นให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนควบคู่กันเสมอมา

“การนำหุ่นยนต์อัจฉริยะรับ-ส่งของ หรือ พี่พรีโม่ และน้องพรีโม หุ่นยนต์ทำความสะอาด เข้ามาใช้เพื่อให้บริการลูกบ้านในคอนโดฯและโรงแรม พร้อมแจ้งเตือนผ่านแอปฟลิเคชัน  Primo Plus และไลน์แอปพลิเคชั่นในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ในการยกระดับงานบริการด้วยระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในธุรกิจ นอกจากจะช่วยให้พรีโมเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบริการ โดยหุ่นยนต์อัจฉริยะนั้นไม่เพียงช่วยลดภาระของพนักงาน แต่ยังช่วยให้บริการมีคุณภาพและตอบสนอง
ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เราจะเป็น Happy Maker ที่มีบริการตอบโจทย์ความสุขของผู้บริโภคตลอดทุกช่วงชีวิต” นายสุรินทร์ กล่าว

นายอิงครัต ไตรทรัพย์ Service Innovation บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนา “พี่พรีโม และน้องพรีโม” นวัตกรรมหุ่นยนต์ IOT คู่ดูโอ้ มองว่าจุดแข็งของทุกธุรกิจในเครือของพรีโม คือมาตรฐานการบริการที่สร้างความสุขแก่ผู้บริโภคให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งปัจจุบันเทรนด์การอยู่อาศัย และพฤติกรรมการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วสู่ชีวิตแบบดิจิทัลมากขึ้น พรีโมจึงให้ความสำคัญกับการยกระดับความสุขด้วยการนำนวัตกรรมเพื่อการบริการมาใช้ พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Smart Living โดยมีแผนพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่ออำนวยความสะดวกสบาย และง่ายในการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่มีความต้องการ และไลฟ์สไตล์ชีวิตที่แตกต่างกันตลอด 24 ชั่วโมง ควบคู่กับการให้ความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมอย่างยั่งยืนทั้งด้านการใช้พลังงาน การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ และการใช้งานวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้บริโภค ชุมชน และสังคม

โดยในไตรมาส 4 ปี 2024 นี้ ได้เริ่มทดลองใช้พี่พรีโม-น้องพรีโม หุ่นยนต์ส่งของและทำความสะอาดที่ 4 โครงการคอนโดมิเนียมและโรงแรม เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับ DoorMart บริการอำนวยความสะดวกสำหรับลูกบ้านในทุกความต้องการถึงหน้าประตู อาทิจัดส่งพัสดุ สินค้าเดลิเวรี่, ซักอบรีดเสื้อผ้า, แม่บ้านทำความสะอาดห้อง ลูกบ้านทุกคนจะได้รับบริการและมั่นใจในความปลอดภัย อุ่นใจในการใช้ชีวิต ง่ายต่อการอยู่อาศัย ซึ่ง DoorMart ประสบความสำเร็จอย่างสูงหลังเริ่มทดลองใช้ในหลายโครงการที่พรีโมบริหาร อาทิ โครงการ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร (Knightsbridge Prime Sathorn), ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 (Knightsbridge Space Rama 9), ดิ ออริจิ้น ราม 209 อินเตอร์เชนจ์ (The Origin Ram 209 Interchange) เป็นต้น

ในปี 2568 พรีโมได้ตั้งเป้าวางแผนให้บริการ DoorMart และหุ่นยนต์ IOT พี่พรีโม-น้องพรีโม ในโครงการที่พรีโมบริหารเพิ่มขึ้นอีก 13 โครงการ รวมโครงการที่ให้บริการมากขึ้นถึง 285% นับเป็นอีกก้าวสำคัญของพรีโมในการตอกย้ำแนวคิด Primo Happy ”Smart Living” Maker ให้ความสุขในการใช้ชีวิตเป็นเรื่องง่าย…เลือกให้พรีโมดูแล

สำหรับ บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ชั้นนำของประเทศ มีประสบการณ์กว่า 11 ปี ปัจจุบัน ดำเนินธุรกิจภายใต้ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่

1.กลุ่มธุรกิจต้นน้ำ – บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services) ได้แก่ บริการให้คำปรึกษาและควบคุมงานก่อสร้างโครงการอสังหาฯ บริการออกแบบสถาปัตยกรรมงานวิศวกรรมโครงสร้างควบคุมการก่อสร้าง และบริการควบคุมการก่อสร้าง งานวิศวกรรมและการให้คำปรึกษาทางด้านเทคนิค

2.กลุ่มกลางน้ำ – บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) ได้แก่ บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด บ้านจัดสรร ห้างสรรพสินค้า อาคาร และสำนักงาน บริการนิติบุคคลอาคารชุดแบบลักชัวรี่ การบริหารจัดการ Residential Property และ Service Apartment บริการซื้อ-ขาย-ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ตัวแทนในการซื้อ-ขาย-เช่าบริการจัดหาผู้ร่วมลงทุน บริการที่ปรึกษาด้านสื่อการตลาดและประชาสัมพันธ์ให้กับธุรกิจอสังหาฯ บริการ Personal Assistant ให้แก่ชาวต่างชาติ และบริการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการบริการ และเทคโนโลยีด้านการอยู่อาศัย

3.กลุ่มปลายน้ำ – บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living & Earning Services) ได้แก่ บริการออกแบบและตกแต่งภายใน บริการงานจ้าเหมาแบบเบ็ดเสร็จ บริการแม่บ้านทำความสะอาดและบริการงานช่างช่าง บริการจัดการอาคาร และจัดจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านและที่อยู่อาศัย แบบ Lifestyle


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

เอกอัครราชทูตสวีเดนเยี่ยมชม 5G Studio ของอีริคสัน กระชับความร่วมมือระหว่างสวีเดนและไทย

นางแอนนา ฮัมมาร์เกรน (H.E. Mrs. Anna Hammargren) เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย เดินทางเข้าเยี่ยมชม 5G Innovation & Experience Studio (5GIX Studio) ของบริษัท อีริคสัน (NASDAQ: ERIC) ประเทศไทย ที่ตั้งอยู่ในโครงการ Thailand Digital Valley จังหวัดชลบุรี โดยการเยือนครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสวีเดนและไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมตอกย้ำบทบาทของอีริคสันในการร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของประเทศไทย

การมาเยือนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของสถานทูตสวีเดนเพื่อมุ่งเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยสวีเดนและไทยมีความสัมพันธ์ทวิภาคีร่วมกันมาอย่างยาวนานถึง 156 ปี เกิดขึ้นจากพื้นฐานของการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน รวมถึงการมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในด้านการพัฒนาและนวัตกรรม

นางแอนนา ฮัมมาร์เกรน เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสวีเดนประจำประเทศไทย กล่าวว่า “นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับดิฉันและคณะที่ได้มาเยี่ยมชม 5GIX Studio ของอีริคสันในวันนี้ โดยสวีเดนและไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างเป็นทางการร่วมกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411 และทั้งสองประเทศต่างมีความมุ่งมั่นร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนมาโดยตลอด สวีเดนเป็นประเทศต้นกำเนิดบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย เช่นอีริคสัน ที่นวัตกรรมของบริษัทสามารถสร้างประโยชน์ได้อย่างมหาศาลให้กับทั้งผู้บริโภคและภาคธุรกิจของไทย”

5GIX Studio ของอีริคสัน เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายนปีนี้ โดยทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางความร่วมมือเพื่อการพัฒนาและคิดค้นนวัตกรรม และยังเอื้อให้เกิดความร่วมมือระหว่างผู้มีส่วนสำคัญในระบบนิเวศด้านเทคโนโลยี ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน โดยสตูดิโอแห่งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอีริคสันในการสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปสู่การเป็นศูนย์กลางดิจิทัลของภูมิภาค

ระหว่างการเยี่ยมชม มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานบริษัท อีริคสัน ประเทศไทย ยังได้กล่าวย้ำถึงความสัมพันธ์อันยาวนานของบริษัทฯ กับประเทศไทย รวมถึงบทบาทในการร่วมกำหนดอนาคตดิจิทัลของประเทศ

“พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับคณะผู้แทนจากสวีเดนที่เดินทางมายังสตูดิโอของอีริคสัน ที่ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มคอยขับเคลื่อนนวัตกรรมและความร่วมมือภายในระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีในไทย เทคโนโลยี 5G จะมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคชาวไทยและร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในภาคธุรกิจให้กับประเทศ อีริคสันเป็นพันธมิตรทางเทคโนโลยีที่ได้รับความไว้วางใจของประเทศไทยมานานถึง 118 ปี และที่ผ่านมาเรายังมีส่วนร่วมพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารทุกยุคทุกสมัย”

การเยือนครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญและยอมรับของสวีเดนต่อการมีส่วนร่วมของอีริคสันในภาคโทรคมนาคมของไทย รวมถึงศักยภาพในการเชื่อมโยงนวัตกรรมและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ 5G, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ (Automation)

5GIX Studio ในโครงการ Thailand Digital Valley แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้จากศักยภาพของเทคโนโลยี 5G กับภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การผลิต การเกษตร และเมืองอัจฉริยะ เผยให้เห็นถึงผลกระทบเชิงการเปลี่ยนแปลงของการใช้งาน 5G ต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

MSC จัดงาน i Connect Bridging to the Future

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ MSC จัดงานสัมมนา “i Connect: Bridging to the Future” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ IBM i Community ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการอัปเดตเทคโนโลยี IBM i และแนวโน้มล่าสุดในการพัฒนาแอปพลิเคชันให้ทันสมัย ณ ห้อง Lumpini ชั้น 3 โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567

ในงานสัมมนา ได้นำเสนอเรื่องราวของ:

  • การอัปเดตเทคโนโลยี IBM i: รับฟังข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ IBM i และแนวทางในการนำไปใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
  • เทคโนโลยี Modernization: เรียนรู้เทคนิคการปรับปรุงแอปพลิเคชันให้ทันสมัย และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
  • บริการ Managed Services: ค้นพบโซลูชันที่ครอบคลุมในการบริหารจัดการระบบไอทีขององค์กร

ภายในงานได้รับเกียรติจาก คุณปุณณดา จึงไพศาล รองกรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจดิจิตอลโซลูชั่น, บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวต้อนรับ และเปิดงาน วิทยากรรับเชิญพิเศษ คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด และ คุณอโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการใหญ่, บริษัท ไอบีเอ็ม (ประเทศไทย) จำกัด

บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ วันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2529 ประกอบธุรกิจในการให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยจัดจำหน่าย คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซิสเต็มส์ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชั่นซอฟต์แวร์ วัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และพัฒนาโปรแกรมตามความต้องการลูกค้า รวมไปถึงการให้บริการด้านความปลอดภัยของเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างครบวงจร ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์  “เราจะให้บริการอย่างเป็นเลิศแก่ลูกค้าด้วยโซลูชั่นไอทีที่ดีที่สุด”

Metro Systems Corporation Public Co., Ltd. “ความสำเร็จของลูกค้าคือธุรกิจของเรา”

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: Ms. Chanida Rattanapongumpai (Prim) AVP of Strategic Marketing Direct: +66(0)2-089-4466 Mobile: +66(0)62-256-9652, E-mail: chanirat@metrosystems.co.th Website: https://www.metrosystems.co.th/


Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ไบแนนซ์ ประเทศไทย จัดงาน ‘Chain & Champagne’ ตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล

กรุงเทพฯ, 28 พฤศจิกายน 2567 – ไบแนนซ์ ประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ผ่านการจัดงาน Chain & Champagne VIP ครั้งแรก ณ โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพ รวมตัวนักลงทุนระดับสูง ผู้นำในอุตสาหกรรม และผู้มีส่วนสำคัญในวงการคริปโทเคอร์เรนซีของประเทศไทย

คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ เน้นย้ำจุดยืนของประเทศไทยในวงการสินทรัพย์ดิจิทัล “ประเทศไทยกำลังก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ควบคู่ไปกับการวางกรอบกฎระเบียบที่เหมาะสม” คุณจุลพันธ์กล่าว “เป้าหมายของเราคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้สินทรัพย์ดิจิทัลสามารถสร้างประโยชน์ต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของตลาดและการคุ้มครองนักลงทุน เราไม่ได้เพียงแค่ก้าวให้ทันนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก แต่เรากำลังสร้างกรอบการทำงานที่อาจกลายเป็นมาตรฐานสำหรับภูมิภาค”

คุณนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ ไบแนนซ์ เน้นย้ำถึงความทุ่มเทของแพลตฟอร์มที่มีต่อตลาดไทย “ความมุ่งมั่นของเราต่อประเทศไทยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการให้บริการแพลตฟอร์มการเทรดเท่านั้น เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในวิธีที่ผู้คนมองและใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย” คุณนิรันดร์กล่าว “เราสร้างระบบนิเวศที่ครอบคลุม ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนไทยที่มีศักยภาพภายใต้กฎระเบียบและความเหมาะสมกับตลาดท้องถิ่น บริการ VIP ที่ได้รับการยกระดับที่เราแนะนำในวันนี้สะท้อนถึงความเข้าใจในความต้องการของนักลงทุนท้องถิ่นและความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศของเรา”

งานครั้งนี้มีการอภิปรายเชิงลึกในหัวข้อสำคัญ รวมถึงแนวโน้มราคา Bitcoin และปรากฏการณ์เหรียญมีมที่กำลังเติบโต โดยมีตัวแทนจาก Jasmine และ TV Thunder Thailand ร่วมแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์มและโอกาสทางการตลาดในบริบทของประเทศไทย

ไบแนนซ์ ประเทศไทย เปิดตัวโปรแกรมบริการ VIP ที่ได้รับการยกระดับ ประกอบด้วย:

  • บริการดูแลลูกค้าแบบเฉพาะตัวพร้อมผู้จัดการบัญชีส่วนตัวตลอด 24 ชั่วโมง
  • สิทธิพิเศษในการเข้าถึงฟีเจอร์ของแพลตฟอร์มและการสนับสนุนด้านเทคนิค
  • ได้รับเชิญร่วมกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีพและเวิร์คช็อปให้ความรู้เฉพาะแขกพิเศษเท่านั้น
  • โครงสร้างค่าธรรมเนียมการลงทุนที่ปรับเฉพาะบุคคล

งานปิดท้ายด้วยช่วงเน็ตเวิร์คกิ้งพร้อมแชมเปญ ที่ผู้เข้าร่วมงานได้ร่วมพูดคุยถึงอนาคตของสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิทัศน์การเงินของประเทศไทย “งานในวันนี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของชุมชนสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย” คุณนิรันดร์กล่าว “เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเติบโตของชุมชนนี้ ควบคู่ไปกับการรักษามาตรฐานสูงสุดด้านความปลอดภัยและการบริการ”

รูป (จากซ้าย-ไปขวา)

1) คุญธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
2) คุณนิรันดร์ ฟูวัฒนานุกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด
3) คุณธีรตีพิศา เตวิชพศุตม์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านปฏิบัติการ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
4) คุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
5) คุณยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 
6) คุณสมิทธ์ พนมยงค์ Executive Officer บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 
7) คุณอิทธิพันธ์ เจียกเจิม ผู้บริหารธุรกิจดิจิทัล บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 
8) คุญธิติวัจน์ วิสารัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย กำกับดูแลการปฏิบัติงาน และบริหารความเสี่ยง บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด

เกี่ยวกับไบแนนซ์ ทีเอช บาย กัลฟ์ 

ไบแนนซ์ คือแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลโดยได้รับใบอนุญาตภายใต้ชื่อบริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท กัลฟ์ อินโนวา จำกัด (บริษัทในเครือของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไบแนนซ์ แคปปิตอล แมเนจเมนท์ จำกัด (บริษัทในเครือของกลุ่ม Binance)


Exit mobile version