มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ (SAU) ลงนามความร่วมมือกับ Palo Alto Networks ผู้นำระบบ Network Security อันดับท็อปของโลกจากซิลิคอน วัลเลย์ มุ่งพัฒนานักศึกษาและบุคลากรสู่งานด้าน Cybersecurity ระดับโลก
ดร.ธัชพล โปษยานนท์ ผู้อำนวยการบริษัท พาโล อัลโต เน็ตเวิร์ค ประเทศไทยและอินโดจีนกล่าวว่า การเซ็นสัญญาความร่วมมือกับ ม.เอเชียอาคเนย์ ในครั้งนี้ เป็นการพัฒนาศักยภาพให้กับนักศึกษาด้าน Cybersecurity ที่กำลังขาดแคลนบุคลากรอย่างมากทั้งปัจจุบัน และอนาคตในอีก 5 ปีข้างหน้าถึงกว่า 10,000 ตำแหน่ง ดังนั้นจึงต้องร่วมกันจากหลายภาคส่วนที่จะพัฒนาบุคลากรเพื่อผลิตนักศึกษาด้าน Cybersecurity ให้ได้ 1,000 คนต่อปี โดยโครงการได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่มุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งเรื่องของการพัฒนาศักยภาพแรงงานในด้านของดิจิทัลด้วย
ดร.ธัชพล กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือในครั้งนี้มีอยู่ 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ได้แก่ (1) การถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยอบรมคณาจารย์เพื่อสร้าง Trainer ที่มีศักยภาพ (2) การจัดกิจกรรมร่วมกันกับทางมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างความตื่นตัว ตระหนักรู้และความสนใจของนักศึกษา (3) การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเน้นทักษะการสร้างเครื่องมือปกป้องภัยด้าน Cybersecurity เช่น AI Machine Learning, IoT Security สำหรับเซ็นเซอร์ใหม่ ๆ หรือการพัฒนา Smart Manufacturing Industry 4.0 หรือ Cloud Security รวมถึงงานวิจัยกับทางมหาวิทยาลัย เพื่อสร้าง Platform ใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย (4) การสร้างความตระหนักรู้ถึงภัย Cyber โดยจัด Workshop ในเชิงเทคนิคให้กับนักศึกษา บุคลากร รวมถึงการจัดส่งนักศึกษาไปร่วม Bootcamp หรือ Hackatron กับผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของไทยและระดับโลก โดยทั้งพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์ค และมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์มีความตั้งใจร่วมกันอย่างยิ่งในการร่วมมือสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพสู่สังคมและสู่ตลาดแรงงานของประเทศ
ด้านดร.ฉัททวุฒิ พีชผล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ กล่าวว่า ความร่วมมือกับ Palo Alto Networks ผู้นำด้านระบบ Cyber Security ในครั้งนี้ถือเป็นการนำหลักสูตรมาพัฒนาร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเรื่อง Cybersecurity ที่กำลังขาดแคลนบุคลากรด้านนี้เป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะผลิตบุคลากรด้าน Cybersecurity ที่ออกไปทำงานได้จริงซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายและเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่นว่าเราจะต้องพัฒนาและทำให้ได้
“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยกันสร้างบุคลากรด้าน Cybersecurity ที่มีคุณภาพ มีความสามารถ ทำงานได้จริง มีคุณธรรม และก้าวสู่งานที่มั่นคงต่อไปในอนาคต”ดร.ฉัททวุฒิ กล่าวทิ้งท้าย