หลักสูตรวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงามเป็นวิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งของเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ที่เรียนวิเคราะห์สารเคมีที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงาม เจาะลึกวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง เพราะปัจจุบันธุรกิจและกิจการที่เกี่ยวกับการผลิตเครื่องสำอางถือว่าเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจและสร้างรายได้เป็นอย่างดี ประกอบกับความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีสื่อสาร ทำให้ผู้อุปโภค บริโภคเข้าถึงข้อมูล วิทยาศาสตร์สุขภาพและความงามเป็นวิทยาศาสตร์ที่เรียนเกี่ยวข้องกับสุขภาพและความงามนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางให้มีคุณภาพมาตรฐานเทียบเคียงสากลจึงเป็นความจำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมในประเทศ ตลอดจนการปั้น Project มองเห็นโอกาส การพัฒนาไอเดียสู่ธุรกิจ มีผลิตภัณฑ์ สู่ท้องตลาด และตอบโจทย์ผู้เรียนที่อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองด้านความงาม…งามแบบตะโกนจริงๆๆ สุด chic !!! วันนี้ มาทำความรู้จักสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม ภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มจพ. เริ่มจาก
ผศ.ดร.นิศาลักษณ์ ตรงศิริวัฒน์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม เล่าว่า เทรนด์สุขภาพและความงามในปัจจุบัน (Health & Wellness) เป็นตลาดสินค้าสุขภาพและความงามมีอัตราการเติบโตทั่วโลกเนื่องด้วยประเทศต่าง ๆ เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ มีประชากรที่มีอายุมากขึ้น ขณะที่กระแสคนรุ่นใหม่ หันมาให้ความสำคัญและใส่ใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น และสืบเนื่องจากภาควิชาต้องการพัฒนาหลักสูตรใหม่ที่แตกไลน์ ไปจากหลักสูตรเคมีอุตสาหกรรมเดิม ที่เน้นไปทางอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี เคมีวัสดุ ซึ่งหลักสูตรใหม่มุ่งจะไปที่การสร้างผู้ประกอบการรายเล็ก และผลิตบัณฑิตสำหรับกลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ด้านสุขภาพและความงาม จากผลการสำรวจ คุยกับทางผู้ประกอบการและผู้เรียน พบว่า เมื่อนักศึกษาที่เรียนจบไปแล้วกว่า 70% ตอบว่าอยากเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เทรนด์ใหม่อย่าง “ด้านสุขภาพ ความงาม และสปา” ซึ่งตอบโจทย์กับหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม (หลักสูตรใหม่ พ.ศ. 2567) เรียนจริง ปฏิบัติจริง เปิดรับสมัครนักเรียนที่จบมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) สายวิทย์–คณิต ไม่ควรพลาด เปิดสอนระดับปริญญาตรีทั้งโครงการปกติ ค่าเล่าเรียน 25,000 บาท และโครงการสมทบ ค่าเล่าเรียน 29,000 บาท จำนวน 135 หน่วยกิต ระยะเวลาเรียน 4 ปี ภาควิชาได้ออกแบบหลักสูตรขึ้นมาเป็น 3+1 นั่นหมายความว่านักศึกษาจะเรียนเนื้อหาในรายวิชาต่าง ๆ ในหลักสูตรเพียง 3 ปี และนักศึกษาจะได้รับโอกาสในการหาประสบการณ์ในการฝึกงานในภาคฤดูร้อน และทำโครงงานพิเศษ หรือโครงงานสหกิจศึกษาในสถานประกอบการที่ตรงกับสายอาชีพที่ต้องการเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งภาควิชาสนับสนุนให้นักศึกษาทุกคนได้เรียนรู้ประสบการณ์ตรงผ่านการทำงานกับมืออาชีพเพื่อตามหาความฝันและสิ่งที่ชอบในอาชีพที่ต้องการ
จุดเด่นของหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม (หลักสูตรใหม่พ.ศ. 2567) นี้ เรียนเนื้อหา 3 ปี ฝึกทักษะการพัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์ 1 ปี ทั้งในด้านการพัฒนาวิจัย ในห้องปฏิบัติการวิจัยหรือสถานประกอบการณ์ในภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ภาควิชาเองได้มีการลงนามความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ที่หลากหลายทั้งศูนย์วิจัยเฉพาะทาง โรงพยาบาล รวมถึงโรงงานรับพัฒนาและผลิตเครื่องสำอาง (ODM) ที่เป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมาก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้โดยใช้องค์ความรู้เคมี เช่น เทคโนโลยีการสกัดสารธรรมชาติ และวิเคราะห์สาระสำคัญ การสังเคราะห์สารสำคัญทางชีวภาพ (Bioactive agent) เทคโนโลยีระบบกักเก็บและนำส่งสารสำคัญ (Encapsulation and delivery Technology of active ingredients) เสถียรภาพความเป็นพิษและพัฒนาตัวตรวจวัดเชิงเคมีในผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงามเพื่อคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมถึงการทำงานในห้องปฏิบัติการด้านสุขภาพและความงามได้ โดยใช้ทักษะและความรู้ด้านเคมี/ชีวเคมี การพัฒนาผู้เรียนให้มีความเป็นเลิศทางด้านความคิดสร้างสรรค์ นำความรู้สู่การปฏิบัติ สนับสนุนการผลิตงานวิจัยเพื่อนำไปสู่การพัฒนาเป็นสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมที่สามารถต่อยอดในเชิงพาณิชย์ต่อไป
ผศ.ดร.สุกัญญา เทพวาที อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม เสริมว่า สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม มีการบูรณาการศาสตร์ทางด้านวิทยาศาสตร์ ความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์ และการเป็นผู้ประกอบการให้กับนักศึกษา นอกจากรายวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐานอย่างวิชาเคมี ซึ่งจะเรียนค่อนข้างลึกกว่าวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางโดยทั่วไปเพื่อให้นักศึกษาสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาและพัฒนาสูตรเครื่องสำองได้ในอนาคต นอกจากวิชาเคมีที่เป็นวิชาหลักแล้วยังมีวิชาทางด้านชีววิทยา (Biology) เพื่อให้สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ในการนำไปดูแลสุขภาพและความงามได้อย่างปลอดภัย มีการเสริมรายวิชาคำนวณที่จะเกี่ยวกับวิศวกรรมการผลิต เช่น วิชาเกี่ยวกับ Mass Balance หลักการผสม การกวน เป็นต้น เพื่อให้มีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการผลิต นอกจากนี้จากข้อมูลที่ผู้เรียนต้องการเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม ภาควิชาฯ จึงเสริมรายเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) เป็นวิชาทางสังคมศาสตร์ที่ศึกษาถึงพฤติกรรมของมนุษย์และสังคมที่เกี่ยวข้องกับผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ และที่สำคัญจากที่ผู้เรียนจะได้ลงมือพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างเต็มที่คลอด 1 ปีสุดท้าย จะทำให้นักศึกษามีความโดดเด่นและมีความมั่นในในการออกไปประกอบอาชีพต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องด้านสุขภาพและความงาม
นอกจากนี้ยังดูแลเรื่องความคุ้มค่าการลงทุนซึ่งจะสอดคล้องกับการเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น “เราต้องความรู้ ความเข้าเรื่องของการลงทุน” เช่น เรียนการคอร์สแผนธุรกิจวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม เรียนรู้
การพัฒนาแนวคิดและคอนเซปต์ของสินค้าเข้าใจกลุ่มผู้บริโภคเพื่อพัฒนาสินค้าหรือบริการ ให้สอดคล้องกับความต้องการสำหรับตลาดสินค้าและบริการ เรียนรู้การสร้างและวิเคราะห์จุดขาย ศึกษาพฤติกรรมเป้าหมายเพื่อสามารถสร้างและพัฒนาสินค้า เรียนรู้กระบวนการสร้างแบรนด์สำหรับสินค้าความงามและสุขภาพ รวมไปถึงเข้าใจแนวคิดและขั้นตอนการออกแบบ Packaging ให้สอดคล้องกับแบรนด์ผลิตภัณฑ์ เพื่อให้นักศึกษาได้เตรียมตัวเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ด้านรศ.ดร. สมิทธิชัย สียางนอก หัวหน้าภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม กล่าวถึง รายวิชาที่ได้เปิดสอนแก่นักศึกษานั้นยังมีรายวิชาที่เกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการเช่น วิชาการลงทุน (Investment) ชี้ช่องเริ่มต้นลงทุนที่เกี่ยวข้องกับระดับความเสี่ยง ด้านงบประมาณในการลงทุนว่าควรพิจารณา และเตรียมความพร้อมก่อนอย่างไรสำหรับมือใหม่ โดยต้องมีทิศทางในการลงทุนที่ชัดเจนและมีการจัดสรรเงินลงทุนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product design) เพราะจะสอดคล้องกับผู้เรียนที่ลงมือทำ เพื่อสร้างพัฒนาผลิตภัณฑ์และมองเห็นโอกาส การพัฒนาไอเดียสู่ธุรกิจ แล้วยังมีอีก 1 รายวิชาที่ให้สำคัญเช่นกัน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสร้างและจับคุณค่า ให้เป็นมูลค่าทางธุรกิจผ่านวิธีการและกระบวนการสำหรับการพัฒนาและนวัตกรรมของโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ที่ได้กล่าวมาข้างต้นล้วนแต่เกี่ยวข้องเศรษฐศาสตร์ทั้งสิ้น นอกจากนี้นักศึกษาเรียนรู้การทำวิจัยที่เข้มข้นในรายวิชา Research Methodology การสอนการเรื่องระเบียบการทำวิจัยและการยื่นขอทุนด้วยเช่นกัน ผู้เรียนจะมีองค์ความรู้ขั้นสูง มีความคิด ความสามารถในการพัฒนาและวิจัย การประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ที่มีรูปแบบทันสมัยมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล จบจากสาขานี้ไปมีงานทำแน่นอน 100% เนื่องจากสุขภาพและความงามถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ของตลาดงานและบุคลากรด้านสุขภาพและความงามเป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศและต่างประเทศ
ผศ.ดร.นิศาลักษณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม ของภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มจพ. กำหนดการรับสมัครไว้ 4 ดังนี้ รอบที่ 1 Portfolio เน้นความสามารถพิเศษ รอบที่ 2 Quota รอบที่ 3 Admission รอบที่ 4 Direct Admission โดยใช้คะแนนในการสมัคร TGAT-TPAT และ A-Level สมัครเรียนได้ที่
https://stdadmis2.kmutnb.ac.th/ApplyStart?ReturnUrl=%2f อ่านระเบียบการรับสมัครแต่ละคณะได้ที่ https://admission.kmutnb.ac.th/apply/round หรือที่ กลุ่มงานรับเข้าศึกษา โทรศัพท์ 0-2555-2000 ต่อ 1626,1627 และที่ facebook : Admission.KMUTNB – กลุ่มงานรับเข้าศึกษา มจพ. หรือที่ ภาควิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ มจพ. โทร. 02 555-2000 ต่อ 4802-4
ขวัญฤทัย ข่าว